LOGISTICS CORNER

ฉบับที่ 487

Follow Us :     เพิ่มเพื่อน  

CEO ARTICLE

“เก่ากับใหม่”

วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ.2560 จะเป็นวันที่ชัดเจนว่า พ.ร.บ. ศุลกากรที่เคยใช้กันมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2469 เรื่อย ๆ ต่อเนื่องกันมาหลายปีส่วนหนึ่งรวมแล้ว 24 ฉบับ จะถูกยกเลิกไป

เนื้อหาสาระมากมายทั้งหมดจะถูกปรับปรุงรวบรวมไว้ใน พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ.2560 เพียงฉบับเดียว และจะมีผลใช้บังคับในวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ.2560

แน่นอนว่า ตัวแทนออกของ (Customs Broker) ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก และเจ้าหน้าที่ศุลกากรคงต้องปรับตัวตามไปด้วย

91 ปีที่ผ่านมา พ.ร.บ. ศุลกากรเริ่มใช้ฉบับแรกในปี พ.ศ.2469 จากนั้นก็มีการออก พ.ร.บ. ฉบับใหม่ ๆ มาเพิ่มเติม แก้ไข และปรับปรุงอีกหลายฉบับ

ตลอดระยะเวลา 91 ปี กลับกลายเป็นว่า พ.ร.บ. ศุลกากรมีมากเหลือเกิน หากรวมประกาศ คำสั่ง และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องด้วยแล้ว เวลาจะนำมาบังคับใช้ก็ต้องอ้างอิงอย่างซับซ้อนไปมาจนกลายเป็นความยุ่งยาก

ครั้งนี้จึงเป็นการปรับปรุงขนานใหญ่ทั้งขบวนที่เชื่อว่าน่าจะสะดวกต่อการใช้และอ้างอิง

   ใน พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ.2469 เมื่อเกิดความผิดฐานสำแดงเท็จ ภาษีอากรขาด หรือการฉ้อภาษีอากร ส่วนใหญ่จะอ้างอิงมาตรา 27 และ 99 เป็นหลัก

โทษที่มีก็ทั้งปรับและจำคุกซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการปรับเกือบทั้งนั้น

แต่ พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ.2560 หมวด 9 ได้จำแนกความผิดให้มากขึ้น บทลงโทษก็มากขึ้น ในมาตรา 202 ถึง 257 ได้รวบรวมบทลงโทษทั้งปรับและจำเหมือนกัน แต่ระดับโทษจะสูงขึ้นในระดับ 100,000 หรือ 500,000 บาท และจำคุก 5 ปี หรือ 10 ปี ต่างกรรมต่างวาระ แล้วแต่ฐานความผิด

ตัวอย่างเช่น มาตรา 202 ระบุว่า

“ผู้ใดยื่น จัดให้ หรือยอมให้ผู้อื่นยื่นใบขนสินค้า เอกสาร หรือข้อมูลซึ่งเกี่ยวกับการเสียอากรหรือการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ไม่ถูกต้องหรือไม่บริบูรณ์ อันอาจก่อให้เกิดความสําคัญผิดในรายการใด ๆ ที่ได้แสดงไว้ในใบขนสินค้า เอกสาร หรือข้อมูลดังกล่าวต่อพนักงานศุลกากร ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท” เป็นต้น

การปรับปรุงครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่ตัวแทนออกของพึงต้องให้ข้อมูล ความรู้ แก่ผู้นำเข้าและผู้ส่งออกอย่างมาก เนื่องจากโทษที่เกี่ยวข้องมากเหลือเกิน

พ.ร.บ. ศุลกากรที่เด่น ๆ และถูกยกเลิกไปในครั้งนี้ก็น่าจะเป็นฉบับปี พ.ศ.2482 ที่เป็นเสนห์ก็คงหนีไม่พ้นมาตรา 19 ทวิ

มาตรา 19 ทวิ ว่าด้วยของที่มีการนำเข้ามาเพื่อผลิต ผสม ประกอบ บรรจุ หรือดำเนินการด้วยวิธีอื่นใดเพื่อส่งของนั้นออกไปนอกราชอาณาจักรและขอคืนอากรที่ชำระขณะนำเข้า

ความมีเสน่ห์ดำรงอยู่ถึง 78 ปี ผู้ประกอบการทั้งชาวไทยและต่างชาติต่างรู้จักกันดี บางท่านก็เรียกสลับกันเป็น ทวิ 19 ก็มี

เรียกถูก เรียกผิด ไม่มีการว่ากัน แต่ทุกท่านรู้ เข้าใจเนื้อหา และได้ใช้ประโยชน์ด้วยการนำวัตถุดิบเข้ามาผลิตเป็นสินค้าส่งออกและขอคืนอากรขาเข้ากันทั้งนั้น

ในเมื่อมาตรา 19 ทวิ เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ใน พรบ. ศุลกากร 2560 จึงยังมีบัญญัติไว้ เนื้อหายังเหมือนเดิมทุกประการ แต่กำหนดอยู่ในมาตรา 29 แทน

มาตรา 19 ทวิ จึงเสมือนเหล้าเก่าบรรจุในขวดใหม่เท่านั้น ขณะที่เนื้อหาอื่นก็อาจเป็นเหล้าใหม่เข้ามาบรรจุในขวดใหม่ให้ดูเข้มข้นขึ้น

กฎหมายศุลกากรฉบับใหม่ เนื้อหาถูกปรับปรุง เลขที่มาตราถูกเปลี่ยนไป หลายเรื่องหลายราวเหมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่จริง ๆ และอีกหลายเรื่องราวก็เป็นเหล้าใหม่ในขวดใหม่ ทั้งหมดจึงดูคล้ายเหล้าและขวดที่มีทั้งเก่าและใหม่ผสมกัน

เก่าและใหม่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น

วันนี้ ไม่มีใครฟันธงว่า กฎหมายที่ถูกปรับปรุงครั้งนี้จะยังมีเสน่ห์ให้หลงเหลือเพียงใด หรือจะเป็นภาระหนักต่อตัวแทนออกของ ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก และเจ้าพนักงานศุลกากรมากน้อยเพียงใด

แต่สิ่งที่พอจะเห็นชัดเจนคือ หากผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ศึกษา ไม่ทำความเข้าใจ

การปรับปรุงเปลี่ยนแปลง พ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ.2560 ในครั้งนี้ก็อาจเป็นเหล้าใหม่ในขวดใหม่ที่สร้างภาระและความปวดเษียรเวียนเกล้าก็ได้

การนิ่งดูดายของใหม่ และจดจำแต่เพียงของเก่าจึงเป็นความเสี่ยง ไม่ว่าตัวแทนออกของ (Customs Broker) ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หรือผู้เกี่ยวข้องจึงไม่ควรนิ่งนอนใจ

การตื่นตัวในเรื่องนี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร

The Logistics

มาทำความรู้จักระบบขนส่งพื้นฐานของ BRICS กันเถอะ (Russia ตอนที่ 2​)​

​การคมนาคมขนส่งทางบกในรัสเซีย​

ระบบขนส่งทางถนนของประเทศรัสเซียนั้นครอบคลุมประมาณ 933,000 กิโลเมตร โดยที่ได้รับการปรับปรุงแล้วประมาณ 755,000 กิโลเมตรเท่านั้น อีกทั้งสภาพถนนในพื้นที่บางแห่งยังไม่ดีนัก ถนนและการขนส่งทางบกร้อยละ 85 ของถนนอยู่ในรัสเซียตะวันตก เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่อยู่ในแถบนั้น โครงสร้างพื้นฐานทางถนนค่อนข้างด้อยพัฒนา เครือข่ายการขนส่งทางถนนนั้นไม่มีการเชื่อมโยงระหว่างกัน กล่าวคือสนามบิน 8 ใน 12สนามบินหลักไม่มีการเชื่อมโยงโดยรถไฟ ท่าเรือที่ใหญ่ที่สุด 16 แห่งของประเทศไม่มีทางออกโดยตรงที่สามารถเชื่อมโยงกับเครือข่ายถนนทางหลวงได้และถนน 34 เส้นที่อยู่ในเครือข่ายของถนนยุโรปและเอเชีย มีเพียงร้อยละ 9 เท่านั้น ที่เป็นถนนหลวงหลายเลน

การขนส่งภายในประเทศกว่าร้อยละ 40 ใช้การขนส่งทางราง เนื่องจากสามารถขนส่งสินค้าได้จำนวนมากต่อครั้ง และมีเส้นทางเข้าถึงพื้นที่ห่างไกลได้ดีกว่าการขนส่งโดยรถยนต์ จึงทำให้มีการใช้ระบบรางหรือรถไฟมากกว่า และสินค้าหลักที่ขนส่งทางรถไฟคือ วัสดุก่อสร้าง (19%) น้ามัน (18%)สินแร่ (12%)

เส้นทางการเดินรถไฟสายสำคัญดังนี้

    1. รถไฟสายTrans – Siberian Railway

เป็นเส้นทางรถไฟสายหลักของประเทศที่เชื่อมระหว่าง Moscow ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของประเทศ ไปยังเมือง Vladivostok ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญทางตะวันออกของประเทศ รวมระยะทาง 9,288 กิโลเมตร โดยใช้เวลาในการขนส่งรวม 7 วัน ทั้งนี้ จาก Moscow มีทางรถไฟเชื่อมต่อไปยังSt.Petersburg ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ และทวีปยุโรปได้ด้วย อย่างไรก็ตาม การขนส่งสินค้าจากรัสเซียต่อไปยังยุโรปต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟ เนื่องจากรางรถไฟของรัสเซียกว้างกว่ารางรถไฟของประเทศในยุโรป

    1. รถไฟสายTrans – Mongolian Railway

เป็นเส้นทางรถไฟที่เชื่อมระหว่าง Moscow ไปยังเมือง Manzhouli บริเวณชายแดนสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังเมือง Harbin (มณฑลเฮย์หลงเจียงของสาธารณรัฐประชาชนจีน) และต่อไปยังกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ เส้นทางรถไฟสายนี้เป็นเส้นทางที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากสามารถเชื่อมจากรัสเซีย ไปยังคาซักสถาน และจีนภาคตะวันตก ซึ่งจีนมีแผนสำคัญระบุในแผนพัฒนาประเทศคือการพัฒนาฝั่งตะวันตกของประเทศให้เชื่อมสู่ทะเล ซึ่งในอนาคตอันใกล้จีนได้เตรียมการเชื่อมต่อจากจีน ภาคตะวันตก ผ่านลาว เข้าไทย และออกสู่อ่าวไทยได้ต่อไป ดังนั้น “ทางรถไฟสายนี้จึงสามารถเชื่อมต่อถึงไทยได้”

    1. รถไฟสายTrans – Manchurian Railway

​เป็นเส้นทางรถไฟที่เชื่อมระหว่าง Moscow ไปยังมองโกเลียและเชื่อมต่อไปยังกรุงปักกิ่ง

ที่มา: International Institute for Trade and Development (ITD) www.itd.or.th