CEO ARTICLE

บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์


Follow Us :

    

“ยอดรับบริจาคทะลุ 400 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกมากจนถึงวันที่ประกาศปิดรับ 30 กันยายน 2562”

ช่วงต้นเดือนกันยายน 2562 จังหวัดอุบลราชธานีและจังหวัดใกล้เคียงประสบปัญหาฝนตกหนัก เกิดอุทกภัย ประชาชนจำนวนมากต้องทิ้งบ้านเรือน ได้รับความเสียหาย
คุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ทนไม่ได้ หลั่งน้ำตาในโลกโซเซียล ใช้เงินส่วนตัว 1 ล้านบาทช่วยไปก่อน และประกาศรับบริจาคจนได้เงินทะลุ 400 ล้านบาทสูงกว่าการรับบริจาคที่รัฐบาลรับเป็นเจ้าภาพเกือบเท่าตัวทั้งที่นายกรัฐมนตรีลงมารับโทรศัพท์ด้วยตนเอง
แม้แต่การรับบริจาคของสื่อหลายสำนักต่างก็รายงานตรงกันว่า หากนำตัวเลขของทุกสื่อที่รับบริจาคในช่วงเวลานั้นมารวมกันก็ยังต่ำกว่าคุุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์
คำถามมากมายเกิดขึ้นในโลกโซเซียล ประเด็นที่น่าขบคิดว่า ทำไมรัฐบาลไม่ฉวยโอกาสนี้นำเงินของแผ่นดินมาช่วยเหลือชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อน ???
เงินของแผ่นดินไม่ใช่เงินส่วนตัวของคนในรัฐบาลสักคนเดียว รัฐมนตรีส่วนใหญ่ก็มาจากการเลือกตั้ง นักการเมืองต้องการคะแนนนิยมและความชื่นชมทั้งนั้นไม่เว้นแม้แต่นายกรัฐมนตรีก็ต้องการไม่ต่างกัน
การนำเงินของแผ่นดินไปช่วยชาวบ้านได้ทั้งคะแนนนิยมและความชื่นชมจึงเป็นสิ่งที่ควรฉวยโอกาส แต่จากข้อมูลที่แชร์กันในโซเซียลออกมาในลักษณะต่อต้านประชดประชัน
“รัฐบาลช่วยเหลือช้าเกินไป”
เมื่อเปรียบเทียบกับการแจกเงินเพื่อการท่องเที่ยว 1,000 บาทในโครงการ “ชิมช้อปใช้” มันก็ยิ่งมองว่า รัฐบาลใช้เงินไม่เป็น ดีแต่เอาเงินไปกระตุ้นเศรษฐกิจโดยไม่สนใจชาวบ้าน คล้ายรัฐบาลไม่เห็นใจชาวบ้านยากจนในต่างจังหวัด
ทำไม และทำไม ???

หากพิจารณาข้อมูลข้างต้นก็พบคำที่น่าขบคิดคือ ‘เงินของแผ่นดิน’
เงินของแผ่นดิน ‘ไม่ใช่เงินส่วนตัวของคนในรัฐบาลสักคนเดียว’ เงินของแผ่นดินส่วนใหญ่มาจากเงินภาษีอากรที่ประชาชนทั่วประเทศจ่าย
การซื้อของในร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศก็ต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 ของยอดซื้อ
การจะเบิกจ่ายเงินของแผ่นดินที่มีปีหนึ่งนับล้านล้านบาทจึงต้องมีกระบวนการ และส่วนใหญ่ต้องมีกฎหมายรองรับ เช่น การตั้งงบประมาณผ่านพระราชบัญญัติที่เป็นกฎหมาย เป็นต้น
ยิ่งไปกว่านั้น การใช้จ่ายเงินของแผ่นดินยังมีการตรวจสอบจาก สตง. (สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน) ปปช. (สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) และหน่วยงานอื่น ๆ ที่ต้องตรวจสอบตามหน้าที่โดยกฎหมาย
หน่วยงานตรวจสอบที่น่าหนักใจที่สุดคือ ฝ่ายค้าน
ฝ่ายค้านตรวจสอบเมื่อไหร่ การโหมกระหน่ำข้อมูลเพื่อโจมตีรัฐบาลก็ยิ่งดังก้องในสื่อทุกสำนัก แม้ประชาชนที่ไม่อยากรู้ ไม่อยากสนใจ ก็ได้รับข่าวสารผ่านหู ผ่านตา ทุกวัน
การโหมกระหน่ำของฝ่ายค้านจึงใหญ่กว่าการกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ของห้างสรรพสินค้า
การเมืองมีมากว่า 2 ด้าน มีมากกว่า 2 มุมเสมอ ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไรก็ตาม หากฝ่ายค้านที่มีเจตนาค้านทุกเรื่องโดยไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน การหยิบยกข้อมูลด้านที่ 2 ขึ้นมาโจมตีก็จะเกิดขึ้น
ประชาชนกลุ่มที่ไม่ค่อยเข้าใจการเมืองมีมากกว่า 2 ด้านก็มักจะหลงเชื่อ ตกเป็นเครื่องมือ ช่วยไลค์ ช่วยแชร์ในโลกโซเซียลให้ข้อมูลด้านที่ 2 กระจายออกไป
นักการเมืองฝ่ายค้านส่วนใหญ่ก็เคยเป็นรัฐบาลมาก่อนย่อมรู้ดีว่า เงินของแผ่นดินไม่ใช่ใครจะหยิบฉวยออกมาใช้จ่ายง่าย ๆ แต่รู้ทั้งรู้ก็ไม่สร้างความเข้าใจ และเพราะรู้ทั้งรู้จึงมักปล่อยข้อมูลด้านที่ 2 ให้กระจายในโลกโซเซียล
นี่คือการเมืองเพียงเพื่อประโยชน์ส่วนตน
ในอดีตก็เคยมีรัฐบาลที่รู้ดีก็อยากเบิกจ่ายง่าย ๆ จึงนำเงินรายได้จากหวยบนดินแยกเก็บไว้ ไม่นำเข้าเป็นเงินแผ่นดินให้ยุ่งยาก
จากนั้นก็นำเงินรายได้ไปใช้จ่ายในโครงการช่วยเหลือตำรวจและส่งเสริมเด็กยากไร้ให้ได้โอกาสไปเรียนต่อยังต่างประเทศ
ความรวดเร็วในการใช้เงินทั้งที่เป็นเงินแผ่นดิน ประโยชน์ที่ได้รับก็เป็นที่ถูกใจประชาชนที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจ
เงินของแผ่นดินไม่ใช่เงินส่วนตัวของนักการเมือง แต่คะแนนนิยมอย่างเป็นกรอบเป็นกำกลับตกเป็นของนักการเมือง
สุดท้าย โครงการหวยบนดินก็ถูกตรวจสอบ ถูกกล่าวว่าผิดกฎหมายและอยู่ระหว่างการดำเนินคดีความ
ปรากฏการณ์การรับบริจาคของคุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ในครั้งนี้ ทำให้มองเห็นว่าคนไทยในยามยากไม่ทิ้งกัน ไม่แบ่งสี ไม่แบ่งฝ่าย
ประชาชนกลุ่มที่เข้าใจดีว่า เงินของแผ่นดินเบิกจ่ายยาก อาจช่วยเหลือไม่ทันกาล ก็ยินดีบริจาคให้คุณบิณฑ์ด้วยความเต็มใจ ส่วนประชาชนกลุ่มที่ไม่เข้าใจ กลุ่มที่ได้ข้อมูลด้านที่ 2 หรือกลุ่มที่ชังรัฐบาลก็ยิ่งยินดีบริจาคให้คุณบิณฑ์
ทุกคนมุ่งเป้าหมายไปที่การช่วยเหลือจนเกิดเป็นปรากฏการณ์บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์
ในความเป็นจริง ประชาชนมีจำนวนมากมหาศาล มีทั้งกลุ่มคนที่รู้และเข้าใจการเมืองดี มีทั้งกลุ่มคนที่ไม่รู้และไม่เข้าใจ หรือรู้แบบอวดรู้ก็มาก
นักการเมืองที่ดี นักการเมืองที่มีอุดมการณ์ที่ถูกต้องจึงควรสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชน เพื่อให้ประชาชนเกิดการพัฒนาตนเองที่นำไปสู่การพัฒนาชุมชน และนำไปสู่การพัฒนาประเทศต่อไป
ดังนั้น การจะพัฒนาประเทศให้ก้าวไกลก็ต้องพัฒนาประชาชนให้มีความรู้ความเข้าใจในระบบการเมืองก่อน ความรู้ความเข้าใจจะทำให้ประชาชนเลือกนักการเมืองที่ดีต่อไป
ตรงกันข้าม หากนักการเมืองไม่ดีและเพียงต้องการคะแนนจากประชาชนกลุ่มที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจก็ต้องพยายามรักษาความไม่รู้ไม่เข้าใจให้คงอยู่
จากนั้นสร้างความเกลียดชัง แบ่งพรรค แบ่งพวกให้ประชาชนเป็นฐานเสียงของตนเพื่อคะแนนที่ตนและพวกพ้อง และเพื่อให้ประชาชนเป็นฐานในการพัฒนาไปตามแนวทางที่นักการเมืองต้องการ
นี่อาจเป็นอีกด้านหนึ่งของการเมืองไทยในปัจจุบัน
การเมืองท่ามกลางความชื่นชมจากปรากฏการณ์ของคุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ที่ทำให้เห็นว่าประชาชนไม่ได้อยากแบ่งฝ่าย แต่นักการเมืองทำให้เกิดการแบ่งฝ่ายก็ได้

ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร

Dr. Sitthichai  Chawaranggoon
Dr. Sitthichai ChawaranggoonChief Executive Officer (CEO) - S.N.P. GROUP

Logistics

Hapag-Lloyd เตรียมเปิดสองบริการใหม่ เชื่อมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย

Hapag-Lloyd สายการเดินเรือชั้นนำของโลก เตรียมเปิดสองบริการใหม่ ขยายเครือข่ายไปยังภูมิภาคโอเชียเนีย ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ในชื่อบริการ South East Asia Australia Loop 2 (SEA) และ South East Asia Australia Loop 3 (S2A) เชื่อมต่อโดยตรงระหว่างประเทศไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย เพื่อสนับสนุนบริการ South East Asia Australia Loop 1 (SAL) ที่มีอยู่เดิม

“การเชื่อมต่อบริการเข้าสู่เครือข่ายเส้นทางการเดินเรือระดับโลกผ่านท่าเรือสิงคโปร์ในครั้งนี้ จะช่วยให้เราสามารถนำเสนอบริการขนส่งสินค้าทางเรือที่มีความถี่มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริการขนส่งสินค้าจากและไปยังออสเตรเลีย พร้อมนำเสนอทางเลือกในการเชื่อมต่อและรูปแบบการขนส่งสินค้าที่หลากหลายยิ่งขึ้น สำหรับการขนส่งสินค้าไปยังภูมิภาคตะวันออกกลางและอนุทวีปอินเดีย ทั้งขาไปและกลับ”” Ms. Alice Yin Chung Tram ผู้อำนวยการระดับสูง ฝ่ายการจัดการเส้นทางการค้า Intra Asia กล่าว

ทั้งนี้ บริการ SEA และ S2A เป็นการร่วมปฏิบัติการโดยสายการเดินเรือ Hapag-Lloyd, ANL, Maersk และ ONE ด้วยเรือขนส่งสินค้าขนาด 8,500 ทีอียู จำนวนเจ็ดลำในบริการ SEA และเรือขนส่งสินค้าขนาด 5,700 ทีอียู จำนวนหกลำในบริการ S2A โดยในแต่ละบริการ ทางสายการเดินเรือ Hapag-Lloyd จะร่วมปฏิบัติการด้วยเรือขนส่งสินค้าบริการละหนึ่งลำ

โดยบริการ SEA จะเริ่มปฏิบัติการออกจากท่าเรือแหลมฉบังครั้งแรกในวันที่ 23 ตุลาคมที่จะถึงนี้ โดยมีรอบการวนเรือ ออกจากท่าเรือแหลมฉบัง ไปยัง Tanjung Pelepas, Singapore, Port Kelang, Fremantle, Adelaide, Melbourne, Sydney, Brisbane, Singapore, Port Kelang, Tanjung Pelepas และกลับเข้าเทียบท่าเรือแหลมฉบังอีกครั้ง

ขณะที่บริการ S2A จะเริ่มปฏิบัติการครั้งแรกในวันที่ 25 ตุลาคม โดยออกจากท่าเรือ Tanjung Pelepas ไปยัง Port Kelang, Singapore, Brisbane, Sydney, Melbourne, Adelaide, Fremantle, Jakarta และกลับเข้าเทียบท่าเรือ Tanjung Pelepas

ที่มา: http://thai.logistics-manager.com/2019/09/16/hapag-lloyd-launches-sea-s2a/

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.