CEO ARTICLE

คนอนาคต


Follow Us :

    

“นักการเมืองเหมือนกันหมดไม่ว่าที่ไหน พวกเขาสามารถให้สัญญาที่จะสร้างสะพานได้แม้ในสถานที่ที่ไม่มีแม่น้ำ”
Politicians are the same all over. They promise to build a bridge even where there is no river. (http://www.quotationspage.com/quote/829.html/ดร. ปธาน สุวรรณมงคล)

คำกล่าวข้างต้นเป็นของครุเชฟ อดีตประธานาธิบดีโซเวียต คำกล่าวไม่ได้สื่อว่า คำพูดของนักการเมืองเชื่อไม่ได้ทั้งหมดเพราะนักการเมืองสามารถทำในสิ่งที่ตนเองพูดได้ แม้ว่าสิ่งที่ทำนั้นจะไม่ก่อประโยชน์อย่างแท้จริง
แต่มันสื่อว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่นักการเมืองพูด หรือมีผลประโยชน์ทางการเมือง ประชาชนควรฟังและตรวจพิสูจน์ก่อนที่จะเชื่อ พูดต่อ หรือบูลลี่ต่อในโซเซียลให้ผู้อื่นเสียหาย
“มันอาจจริงทั้งหมด จริงบางส่วน ไม่จริงเลย หรือไม่มีประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง เหมือนการสร้างสะพานที่ไม่คุ้มค่า” ก็ได้
การพูด การฟัง การตรวจสอบ หรือการพิสูจน์เป็นเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่ประชาชนพึงมี
ในโลกประชาธิปไตย ประชาชนต่างเรียกร้องเสรีภาพ แต่ส่วนหนึ่งเข้าใจว่า เสรีภาพคือการพูดอะไรก็ได้ตาม “ใจ” ตน ไม่ใส่ใจความผิดทางกฎหมาย และการตรวจสอบความถูกต้อง
เมื่อใช้ “ใจ” ประชาชนจึงเลือกเชื่อในสิ่งที่ “ใจ” ตนเองชอบ แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นข้อมูลด้านเดียวโดยเรียกสิ่งนั้นว่า “เสรีภาพ”
ตัวอย่างง่าย ๆ ตอน Covid-19 เริ่มระบาดในสหรัฐ ประธานาธิบดีทรัมป์ก็ยึดเสรีภาพโดยแจ้งให้ชาวอเมริกันไม่ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย
คนอเมริกันชอบเสรีภาพ “อะไรที่เป็นเสรีภาพก็ใช้ใจเชื่อและเลือกก่อน” มีส่วนน้อยไม่เชื่อจนเกิดภาพข่าวคนอเมริกันต่อสู้กันเองจากการสวมหรือไม่สวมหน้ากากอนามัย
จากนั้น Covid-19 ก็ค่อย ๆ แพร่ระบาดมากขึ้นจนสหรัฐมีผู้ติดเชื้อนับล้าน ๆ คน มีผู้เสียชีวิตนับแสนคนเกือบเท่าตัวเลขผู้เสียชีวิตจากระเบิดปรมาณูที่ญี่ปุ่นได้รับในสงครามโลกครั้งที่ 2
ในที่สุด ทรัมป์ก็กลับลำแนะนำประชาชนให้สวมหน้ากากอนามัย แต่ก็สายเกินไป สหรัฐยังคงครองอันดับ 1 จำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดเรื่อยมา
นี่คือข้อเสียของคำว่า “เสรีภาพ” และ “ประชาธิปไตย” ที่ไม่มีการตรวจพิสูจน์ในสหรัฐ
ในประเทศไทยก็ไม่ต่างกัน ความขัดแย้งที่เกิดจากการจัดซื้อเรือดำน้ำ การแย่งชิงอำนาจของคนในรัฐบาล การลาออกของรัฐมนตรีคลังที่มีเบื้องหลัง การเรียกร้องเสรีภาพของเยาวชน ขณะที่ฝ่ายไม่เห็นด้วยยืนยันว่าประเทศไทยมีเสรีภาพ ม็อบโจมตีสถาบัน การกล่าวหานักการเมืองทุจริต ทหารยึดอำนาจจนเป็นวงจรอุบาท การขังและการปล่อยตัวแกนนำม็อบ และการติดเพื่อนจนนำไปสู่การบูลลี่เรื่องเท็จมากมาย
ต่างฝ่ายต่างจมอยู่ในความขัดแย้ง และทุกฝ่ายก็ใช้ “ใจ” เชื่อโดยไม่ตรวจพิสูจน์เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายที่ต่างกันของฝ่ายตนจนลุกลามไปถึงภายในครอบครัว
เสรีภาพในการพูดยังมีให้เห็น แต่เสรีภาพในการตรวจพิสูจน์กลับไม่เห็น มันคล้ายหายไปจากสังคมไทยที่ไม่ต่างจากสังคมสหรัฐในเรื่องการสวมหน้ากากอนามัย
ทุกเรื่องมี 2 ด้าน 2 มุม หรือมากกว่าเสมอ หากใช้เหตุผลก็มองออก อย่างนี้แล้ว ความขัดแย้งที่เกิดจาก “ใจ” โดยไม่มีการตรวจพิสูจน์จะจบอย่างไร ???
ในด้านม็อบมีหลายกลุ่ม และมีหลายเป้าหมาย แต่ทุกม็อบมุ่งล้มรัฐบาลเหมือนกันจึงสร้างปัญหารุมเร้าที่อาจทำให้รัฐบาลจบได้ในรุ่นนี้ได้ง่าย ๆ
ในด้านวิวัฒนาการและเทคโนโลยี คนรุ่นเก่าไม่มีทางสู้คนรุ่นใหม่ได้ นักการเมืองรุ่นเก่าก็ไม่มีทางสู้นักการเมืองรุ่นใหม่ได้ แต่อีกราว 10 ปี คนรุ่นใหม่วันนี้จะเริ่มมีครอบครัว เริ่มเป็นพ่อเป็นแม่ เริ่มมีความห่วงใยต่อลูกหลานและสังคม
จากนั้นอีกไม่กี่ปี เด็กที่เกิดมาใหม่จะกลายเป็นคนรุ่นใหม่ในอนาคตแทน วิวัฒนาการและเทคโนโลยีจะผลักดันคนรุ่นใหม่วันนี้ให้กลายเป็นคนรุ่นเก่าตามวัฎจักร
วันนี้ ไม่มีใครตอบได้ชัด ๆ ว่า โลกอนาคตในระบบคอมมิวนิสต์สุดโต่งอย่างจีน หรือระบบประชาธิปไตยสุดโต่งอย่างสหรัฐ ระบบไหนจะสร้างความเจริญหน้าได้ดีกว่ากัน ???
ไม่มีใครตอบได้ว่า คนรุ่นอนาคตที่มีความคิดหลากหลายมากกว่าจะเชื่อฟังหรือไม่เชื่อฟังพ่อแม่ จะรับผิดชอบหรือไม่รับผิดชอบสังคม และจะยินดีหรือไม่ยินดีกับความขัดแย้งที่มีในวันนี้ ???
แต่คำว่า “อำนาจอธิปไตย” เป็นสิ่งที่ประเทศเอกราชทุกประเทศต้องมี ไม่อยู่ใต้อาณัติใคร ต้องมีกฎหมายของตนเองที่อาจเหมือนหรือแตกต่างจากประเทศอื่น และต้องไม่ถูกก้าวก่ายจากประเทศอื่นเพื่อแอบหวังผลประโยชน์
โลกวันนี้หมุนเร็วกว่าที่คิด และความเปลี่ยนแปลงก็มาเร็วกว่าที่คาด
คนรุ่นอนาคตมาเร็วแน่ ความหลากหลายทางความคิดมีมากกว่าวันนี้แน่ และจะผลักดันให้คนรุ่นอนาคตมีความคิดแตกต่างมากกว่าคนรุ่นใหม่ในวันนี้แน่
ความขัดแย้งในวันนี้ ไม่ว่าจะจบลงอย่างไร หากทำให้อำนาจอธิปไตยของไทยเข้มแข็ง ไม่อยู่ใต้อาณัติประเทศใด มั่นคง มีวัฒนธรรม มีเอกลักษณ์ชัดเจน คนรุ่นอนาคตมีความสามัคคี มีความเจริญ มั่งคั่ง ความสุข และรักษาประเทศชาติไว้ได้ดีกว่า มันย่อมแปลว่า คนรุ่นใหม่วันนี้คือ ผู้มีคุณูปการอย่างใหญ่หลวงต่อคนอนาคตอย่างแน่นอน
แต่หากผลออกมาในทางตรงกันข้าม ความขัดแย้งและความเหนื่อยยากที่จะตกไปสู่คนอนาคตก็ย่อมมาจากคนรุ่นใหม่ในวันนี้เช่นกัน
ด้วยวิวัฒนาการและเทคโนโลยีสมัยนี้สามารถประเมินผลหรือตรวจพิสูจน์ได้ไม่ยากหากไม่ใช้ “ใจ” อย่างเดียว
หากความขัดแย้งในวันนี้มีการเมืองหลายฝ่ายอยู่เบื้องหลัง มันก็คือนักการเมืองที่ได้ประโยชน์จากการสร้างสะพานในสถานที่ที่ไม่มีแม่น้ำตามคำกล่าวของครุเชฟ ผลที่ได้ต่อประชาชนส่วนใหญ่อาจไม่คุ้มกับที่เสียไป ส่วนคนอนาคตก็อาจตั้งคำถามว่า
“คนในอดีตจะสร้างสะพานไปทำไม คนในอดีตจะขัดแย้งกันไปทำไม ?”
ทุกอย่าง ทุกระบบ ย่อมมีดีและมีเสียควบคู่กัน
ให้มันจบในรุ่นนี้ จบแบบไทย จบแบบทาส หรือจบแบบไหนก็ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ เสรีภาพต้องมีการตรวจพิสูจน์ก่อน ผลประโยชน์ที่คิดว่าประชาชนจะได้ต้องมีการตรวจพิสูจน์ก่อน
มิฉะนั้นแล้ว สิ่งที่คนอนาคตได้รับจะเป็นเพียงซากมรดกจากความขัดแย้งทั้งการเมือง สังคม และครอบครัวสืบต่อไปไม่สิ้นสุด

ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร
CEO – SNP Group

อ่านบทความอื่นที่เขียนโดย ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร ได้ที่ http://snp.co.th/e-journal/

Dr. Sitthichai  Chawaranggoon
Dr. Sitthichai ChawaranggoonChief Executive Officer (CEO) - S.N.P. GROUP

Logistics

เริ่มแล้ว โปรเจกต์ท่าเรืออัจฉริยะของเมืองชินโจว รองรับ “เรือ+รถไฟ” ที่แรกในประเทศจีน

ท่าเรือชินโจว (Qinzhou Port) ได้เริ่มงานก่อสร้างท่าเรืออัจฉริยะ เพื่อรองรับเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ขนาดแสนตันที่ท่าเทียบเรือหมายเลข 9 และ 10 แล้ว ซึ่งนับเป็นท่าเทียบเรืออัจฉริยะแห่งที่ 5 ของประเทศจีน และเป็นท่าเทียบเรืออัจฉริยะที่มีฟังก์ชันรองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ “เรือ+รถไฟ” แห่งแรกของประเทศจีน

ท่าเรือชินโจว ตั้งอยู่ที่เมืองท่าศูนย์กลางของอ่าวเป่ยปู้กว่างซี หรือที่คนไทยรู้จักในชื่ออ่าวตังเกี๋ย และเป็น “ข้อต่อ” สำคัญที่ใช้เชื่อมการขนส่งทางเรือกับทางรถไฟ ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ “ระเบียงการขนส่งเชื่อมทางบกกับทางทะเลแห่งภาคตะวันตก” หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า NWLSC (New Western Land and Sea Corridor)

นายเหว่ย ถาว (Wei Tao) ประธานกลุ่มบริษัท Guangxi Beibu-Gulf Port Group ให้ข้อมูลว่า ท่าเทียบเรือหมายเลข 9 และ 10 เป็นท่าเรืออัจฉริยะที่สร้างขึ้นใหม่เพื่อรองรับเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 1 แสนตัน มีมูลค่าการลงทุน 4,050 ล้านหยวน สามารถรองรับปริมาณขนถ่ายสินค้าได้ปีละ 1.25 ล้าน TEUs คาดว่าจะก่อสร้างเสร็จภายในปี 2565

อย่างไรก็ดี การก่อสร้างท่าเทียบเรือดังกล่าวได้ออกแบบให้สามารถรองรับเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 2 แสนตันให้เข้าเทียบท่าได้ โดยผ่านร่องน้ำฝั่งตะวันออก ทั้งนี้ โครงการพัฒนาร่องน้ำฝั่งตะวันออก มีระยะทาง 25.796 กิโลเมตร และได้ดำเนินการเฟสแรกแล้วเสร็จเมื่อเดือนมิถุนายน 2562 และคาดว่าจะดำเนินการเฟสสองเสร็จในเดือนมิถุนายน 2564

ปัจจุบัน ท่าเรือรอบอ่าวเป่ยปู้กำลังทวีบทบาทความสำคัญในฐานะ “ประตูการค้า” แห่งใหม่ของภาคตะวันตกผ่านระเบียง NWLSC โดยมีสถิติที่น่าสนใจ ดังนี้

เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2563 การให้บริการขนส่งตู้สินค้าทางเรือเชื่อมทางรถไฟมีทั้งหมด 2,109 เที่ยว เพิ่มขึ้น 80% หรือเฉลี่ยเดือนละ 301 เที่ยว
เดือนมกราคม-กรกฎาคม 2563 ท่าเรือรอบอ่าวเป่ยปู้มีปริมาณการขนถ่ายสินค้า 167.6 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 18.4% และปริมาณการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ 2.57 ล้าน TEUs เพิ่มขึ้น 34.1% เป็นท่าเรือเพียงแห่งเดียวในประเทศจีนที่มีอัตราขยายตัวด้วยตัวเลขสองหลัก
ปัจจุบัน ท่าเรือรอบอ่าวเป่ยปู้ได้เปิดให้บริการเส้นทางเดินเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์แล้ว 52 เส้นทาง ครอบคลุมท่าเรือสำคัญในประเทศจีน ประเทศสมาชิกอาเซียน รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ
เส้นทางเดินเรือสายตรง (Direct service) ที่สำคัญ ได้แก่ เวียดนาม กัมพูชา ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น และยังมีเส้นทางเดินเรือระยะไกลไปถึงแอฟริกาใต้และอเมริกาใต้ด้วย
สำหรับเส้นทางการเดินเรือกับประเทศไทย มีบริการเที่ยวเรือบรรทุกสินค้าสัปดาห์ละ 5 เที่ยว แบ่งเป็นวันจันทร์ 2 เที่ยว และวันพุธ/ศุกร์/อาทิตย์ วันละ 1 เที่ยว แบ่งเป็นเส้นทางเดินเรือ Direct จำนวน 3 เส้นทาง ใช้เวลาขนส่งเพียง 4 วัน มีสายเรือให้บริการ 3 ราย ได้แก่ บริษัท SITC (3 เที่ยว) บริษัท PIL และบริษัท EMC
บีไอซี เห็นว่า การพัฒนาระบบการทำงานแบบอัตโนมัติและการยกระดับประสิทธิภาพการรองรับเรือบรรทุกขนาดใหญ่ของท่าเรือชินโจวครั้งนี้ จะช่วยเชื่อมต่องานขนส่งระหว่างท่าเรือกับรถไฟให้มีความราบรื่นและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เป็นการกรุยทางเพื่อรองรับการขยายตัวด้านการค้าระหว่างประเทศในภูมิภาคจีนตะวันตกที่มีแนวโน้มขยายตัวพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะการรองรับเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่ที่ให้บริการเดินเรือระยะไกล และเป็นตัวจักรสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนให้ท่าเรือรอบอ่าวเป่ยปู้ก้าวขึ้นเป็นท่าเรือสากลที่มีปริมาณขนถ่ายตู้สินค้ามากกว่า 10 ล้านตู้ และเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในระดับสากลของท่าเรือได้อีกมาก

นอกจากการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ทั่วไปแล้ว การขนส่งสินค้าในโมเดล “เรือ+ราง” ยังสามารถรองรับตู้คอนเทนเนอร์ได้อีกหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นตู้คอนเทนเนอร์แบบที่มีเครื่องทำความเย็น (Reefer) สำหรับการขนส่งผลไม้และผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำแช่แข็ง และตู้คอนเทนเนอร์แบบ Open Top ซึ่งเหมาะสำหรับสินค้าเทกอง

ที่สำคัญ ภาครัฐพร้อมจ่ายเงินอุดหนุนและลดค่าธรรมเนียมเพื่อดึงดูดให้กับผู้ประกอบการหันมาใช้การขนส่ง “เรือ+ราง” อีกด้วย อาทิ การอุดหนุนเงินให้ตู้สินค้าที่ใช้การขนส่งเรือ+ราง ตู้ละ 800 หยวน การลดค่าขนส่งทางรถไฟลง 30% การลดค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ท่าเรือให้เท่ากับท่าเรือขนาดใหญ่อย่างท่าเรือหนิงโปและท่าเรือเซี่ยงไฮ้ รวมทั้งรัฐบาลยังยกระดับความเข้มงวดในการตรวจสอบรถบรรทุกที่บรรทุกน้ำหนักเกิน เพื่อให้ภาคธุรกิจหันมาใช้การขนส่งทางรถไฟแทน ซึ่งการขนส่งทางรถไฟเป็นแนวโน้มแห่งอนาคต

คาดว่า ในอนาคตอันใกล้ “ท่าเรือรอบอ่าวเป่ยปู้” จะกลายเป็นท่าเรือขนส่งสินค้าที่มีบทบาทสำคัญในเวทีการค้าและเป็นทางเลือกใหม่ของผู้ประกอบการไทยที่สนใจขนส่งสินค้าไทยไปจีน หรือใช้ช่องทางดังกล่าวเพื่อขนส่งสินค้าไปยังเอเชียกลางและยุโรป ซึ่งปัจจุบัน ท่าเรือชินโจวมีเส้นทางเดินเรือไปยังท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือกรุงเทพของไทยแล้วด้วย

ที่มา : https://thaibizchina.com/

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.