CEO ARTICLE

อยู่ที่การเมือง

Published on April 27, 2021


Follow Us :

    

“ทุกอย่างอยู่ที่การเมืองนั่นล่ะ”

เสียงชาวบ้านวิจารณ์ฝ่ายการเมืองด้วยประโยคข้างต้นท่ามกลาง Covid-19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนักจนความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยหายไปในเวลานี้
หากจะกล่าวว่า วันนี้ชาวบ้านฉลาดมากขึ้นก็ใช่ หากจะว่าชาวบ้านรับข่าวสารมากขึ้นก็ใช่อีก อะไรดีก็อยู่ที่การเมือง อะไรไม่ดีก็อยู่ที่การเมืองอย่างที่ชาวบ้านวิจารณ์นั่นล่ะ
คนไทยติดเชื้อ Covid-19 สูงขึ้นมากจนความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลลดลง คนไทยตื่นตระหนก จากที่เคยปลอดภัย ตอนนี้ดูน่าสงสาร คนที่น่าสงสารที่สุดคือกลุ่มคนที่เคยเชียร์รัฐบาลแต่วันนี้กลับรู้สึกผิดหวัง การเมืองเป็นที่พึ่งได้ทุกอย่างแต่ผลในวันนี้คือ พึ่งได้ลำบาก
รายงานโดยสื่อต่าง ๆ พบตัวเลข ณ วันจันทร์ที่ 26 เม.ย. 64 ดังนี้
ยอดผู้ติดเชื้อ = 57,508 ราย
ติดเชื้อรายใหม่ประจำวัน = 2,048 ราย
อาการหนัก = 563 ราย
ใช้ท่อช่วยหายใจ = 150 ราย
เสียชีวิตเพิ่มประจำวัน = 8 ราย
เสียชีวิตสะสม = 148 ราย

ตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงอย่างก้าวกระโดดในแต่ละวัน น่าจะถึงหลักแสนรายในไม่ช้า หากรัฐบาลยังไม่ทำอะไรให้เด็ดขาดและเร็วกว่านี้ ศึกนี้คงสร้างความเสียหายมากขึ้นเรื่อย ๆ
ประชาชนอยู่ในอาการหวาดผวาอย่างหนัก ไม่มีใครรู้ว่า คนที่เห็นเดินไปมาในท้องถนน ในสำนักงาน ในครอบครัว คนไหนติดเชื้อบ้าง ตนเองจะติดเชื้อวันไหน แม้จะสวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อย ๆ และป้องกันตัวเองอย่างดีแล้วก็ตาม
คนที่ติดตามข่าวสารก็รู้ว่า รัฐบาลแก้ปัญหาไปมาก อธิบายไปมาก แต่ทำไมการอธิบายจึงไม่ทั่วถึง ประชาชนส่วนใหญ่จึงรับรู้ข่าวสารแต่ในทางลบและคิดในทางลบตามไปด้วย
รัฐบาลจะอธิบายให้มากกว่านี้ได้ไหม จะให้เหตุผลต่าง ๆ มากกว่านี้ได้ไหม เช่น
1. ทำไมรัฐบาลไม่ออกมาชี้ชัดลงไปเลยว่า ทองหล่อที่เป็นจุดแพร่กระจายระลอก 3 มีนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ มีการละเลยหรือการรับส่วยจริงหรือไม่ ?
2. ทำไมช่วงสงกรานต์จนถึงบัดนี้ รัฐบาลไม่ป้องกันให้เข้มงวดแต่มอบอำนาจให้แต่ละจังหวัดประกาศกักตัวกันเอง เคอร์ฟิวกันเอง จัดการกันเอง บางจังหวัดเข้มงวด แต่บางจังหวัดผ่อนคลาย ประชาชนเดินทางไปมา ไม่มีเอกภาพทั้งประเทศจนวันนี้เชื้อแพร่ระบาดไปทั่วประเทศ ?
3. ทำไมช่วงสงกรานต์ไม่เข้มงวด แต่กลับเตรียมเตียงสนามมากเหมือนรัฐบาลจงใจปล่อย ?
4. ทำไมทั่วโลกฉีควัคซีนกันได้มาก แต่ประเทศไทยฉีดได้ไม่มากเท่าที่ควร ?
5. ทำไมยังไม่ให้เอกชนนำเข้าวัคซีนจากต่างประเทศเอง อะไรเป็นข้อเสีย อะไรเป็นข้อติดขัด อะไรเป็นเงื่อนไข ทำไมข้อเสีย สิ่งที่ติดขัด หรือสิ่งที่เป็นเงื่อนไขจึงแก้ได้ช้า ?
6. ทำไมโรงพยาบาลเอกชนยังฉีดวัคซีนไม่ได้ ยังมีคลีนิกเอกชน สถานีอนามัยตามตำบลต่าง ๆ ทั่วประเทศ อะไรคือปัญหา อะไรคืออุปสรรค และทำไมแก้ปัญหาและอุปสรรคไม่ได้ ?
ข้อสงสัยยังมีอีกมาก ชั่วโมงนี้ไม่ใช่ชั่วโมงมาถกเถียงกันก็จริง แต่การติดเชื้อที่มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีปมคาใจ มันยิ่งทำให้ประชาชนตื่นตระหนกและความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลลดลง
นายกรัฐมนตรีพูดไม่เก่งนั้นพอเข้าใจได้ แต่นักการเมืองที่พูดเก่ง คณะแพทย์ที่มีหลักการมีเหตุผลก็มีมาก ทำไมไม่เปิดเวทีให้ซักถามกันสด ๆ ทางทีวี ให้อธิบายเหตุผล ให้พูดกันหลายวันก็ได้ หากรัฐบาลคิดว่าทำดีแล้วจะไปกลัวอะไร
รัฐบาลอาจทำดีอยู่แล้ว แต่นักการเมืองฝ่ายค้าน นักวิชาการ ผู้มีชื่อเสียง และประชาชนที่ไม่ชอบรัฐบาล ทุกส่วนอาจมองคนละภาพกับรัฐบาลจนออกมาวิจารณ์อย่างหนัก สุดท้ายมันเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของประเทศที่อยู่ดี ๆ ก็ขาดหายไป
ทุกอย่างอยู่ที่การเมือง ความเชื่อมั่นหายไปเพราะการเมือง มันก็ควรเรียกกลับคืนมาด้วยการเมือง สิ่งที่รัฐบาลต้องการในเวลานี้คือความร่วมมือจากประชาชนในการต่อสู้กับ Covid-19
ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวง รัฐบาลคือแม่ทัพ นำหน้า สั่งการ ประชาชนคือกำลังพลในการต่อสู้กับเชื้อร้ายในครั้งนี้ แต่ประชาชนต้องการพลัง ต้องการกำลังใจในการต่อสู้ที่ได้จากรัฐบาล
รัฐบาลจึงควรแคร์ประชาชน อย่างน้อยก็ควรแคร์กลุ่มคนที่เคยเชียร์มาตลอด ไม่ควรทำให้กลุ่มนี้ผิดหวัง ไม่ควรทำให้กลุ่มนี้รู้สึกสงสารตนเองที่ยังยืนข้างรัฐบาล
การเมืองทำให้ทุกอย่างเริ่มแบบนี้ กำลังเป็นแบบนี้ หากจะให้ประชาชนมีพลังในการต่อสู้ด้วยความเชื่อมั่นและได้ชัยชนะจากศึกนี้ มันก็ต้องด้วยการเมือง
“ทุกอย่างอยู่ที่การเมือง” อย่างที่ชาวบ้านวิจารณ์นั่นล่ะ

ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร
CEO – SNP Group

อ่านบทความอื่นที่เขียนโดย ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร ได้ที่ http://snp.co.th/e-journal/

Date Published : April 27, 2021

Dr. Sitthichai  Chawaranggoon
Dr. Sitthichai ChawaranggoonChief Executive Officer (CEO) - SNP GROUP

Logistics

ตราสัญลักษณ์กบเขียว ใบเบิกทางกาแฟไทยสู่ออสเตรียและตลาดโลก

กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก ณ ปัจจุบันแทบไม่มีประเทศใดที่ไม่มี การดื่มกาแฟ ยิ่งเฉพาะในภูมิภาคยุโรปกาแฟได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของผู้คน กรุงเวียนนา ประเทศ ออสเตรีย เองก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของการดื่มกาแฟแห่งหนึ่งของโลกที่มีพัฒนาการอย่างเข้มแข็งมาเป็นเวลา หลายร้อยปี จนวัฒนธรรมร้านกาแฟของเวียนนาได้รับการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโก เมื่อปี 2011 (พ.ศ. 2554) อีกด้วย กาแฟจึงเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดในประเทศออสเตรียอย่างไม่ต้อง สงสัย

ปี 2021 (พ.ศ. 2564) ตลาดออสเตรียบริโภคกาแฟราว 60,000 ตัน คิดเป็นมูลค่าตลาด 3,743 ล้านยูโร และคาดว่าจะเติบโตไปถึง 4,851 ล้านยูโร ในปี 2025 (พ.ศ. 2568) จากสถิติของปี 2019 (พ.ศ. 2562) ยังพบว่าคน ออสเตรียกว่าร้อยละ 86 ดื่มกาแฟ โดยดื่มกาแฟเฉลี่ย 2 ถ้วยต่อวัน และมีปริมาณการดื่มกาแฟเฉลี่ยต่อคนที่ 162 ลิตรต่อปี แทบทุกครัวเรือนจะต้องมีอุปกรณ์สำหรับทำกาแฟ (สด) อย่างน้อยหนึ่งชนิด ที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดใน ปัจจุบัน ได้แก่ เครื่องทำกาแฟแบบใช้แคปซูล (ร้อยละ 45.7) และที่ไม่น้อยไปกว่ากันคือเครื่องทำกาแฟอัตโนมัติ แบบใช้เมล็ดกาแฟคั่ว (ร้อยละ 45.4) ซึ่งอย่างหลังนี้มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอีก เนื่องจากผู้บริโภคให้ความใส่ใจต่อ สิ่งแวดล้อมและไม่ต้องการสร้างขยะแคปซูลกาแฟ นอกจากนี้ ประชาชนราวร้อยละ 28 ใช้เครื่องทำกาแฟฟิลเตอร์ และร้อยละ 10 มีกาต้มเอสเปรสโซ่แบบดั้งเดิม ดังนั้น จึงเห็นได้ว่าตลาดเมล็ดกาแฟคั่วของออสเตรียนั้นมี ความสำคัญมาก

ในโลกที่ผู้บริโภคใส่ใจต่อที่มาของสินค้าและความยั่งยืน ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายจึงต้องสร้างความ มั่นใจให้แก่ผู้บริโภคได้ อาทิ การได้รับตราสัญลักษณ์รับรองคุณภาพมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง สำหรับสินค้าประเภท เมล็ดกาแฟโดยทั่วไปจะสังเกตเห็นตราสัญลักษณ์กบเขียว (Rainforest Alliance) และ UTZ ประทับอยู่บนบรรจุ ภัณฑ์ ซึ่งเป็นตรารับรองมาตรฐานระดับนานาชาติที่มอบให้แก่สินค้าทางการเกษตรที่มีกระบวนการผลิตแบบยั่งยืน ไม่ทำลายป่า สัตว์ป่า และแหล่งน้ำธรรมชาติ มีความรับผิดชอบต่อ สังคม และมีมาตรฐานในการกำจัดศัตรูพืชที่ดี โดยเฉพาะการเกษตรใน ภูมิภาคละตินอเมริกา แอฟริกา เอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ ตรากบเขียว และ UTZ (ซึ่งได้ทำการควบรวมกันในปี 2018) ยังใช้รับรองมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรอื่นๆ ด้วย อาทิ โกโก้ ชา ถั่วเฮเซลนัท และกล้วย

ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นสำนักงานฯ
ปัจจุบันผู้บริโภครุ่นใหม่มองหาเมล็ดกาแฟจากแหล่งผลิตใหม่ๆ ที่น่าสนใจ นอกเหนือละติน อเมริกาและแอฟริกา ซึ่งเป็นแหล่งนำเข้าดั้งเดิม ทำให้กาแฟจากเอเชีย อาทิ อินโดนีเซีย อินเดีย และเวียดนาม ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่กาแฟที่ปลูกในประเทศไทยยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก จึงเป็นโอกาสที่ดีที่ จะนำกาแฟไทยออกสู่ตลาดโลก ทั้งนี้ นอกเหนือจากการสร้างเอกลักษณ์และจุดขายที่โดดเด่น หากสินค้าของไทย ได้รับตรารับรองมาตรฐานสากลก็จะช่วยให้ผู้บริโภครวมถึงผู้นำเข้าสินค้าในต่างประเทศให้การยอมรับและเปิด โอกาสให้กับกาแฟของไทยได้ง่ายขึ้น

ที่มา : https://www.ditp.go.th/ditp_web61/article_sub_view.php?filename=contents_attach/731760/731760.pdf&title=731760&cate=413&d=0

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.