CEO ARTICLE

ข้อคิด ‘ผกก. โจ้’

Published on August 31, 2021


Follow Us :

    

“ศุลกากรพบ ‘ผกก. โจ้’ นำส่งรถหรู เป็นเจ้าของสำนวน 368 คัน รับค่านำจับสูง 40-55% รับส่วนแบ่งจากศุลกากรถึง 450 ล้านบาทในช่วงปี พ.ศ. 2554 – 2560”

หัวข่าวข้างต้นโด่งดังปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ‘ผกก. โจ้’ สร้างรายได้มหาศาลในเวลา 6 ปี
ข่าวจากสำนักต่าง ๆ ให้ตัวอย่างคล้ายกัน ในทิศทางเดียวกัน โดยสมมุติว่า ‘ผกก. โจ้’ ซื้อรถยนต์หรูจากฝั่งมาเลเซียในราคาถูก 4 แสนบาท
จากนั้นก็จ้างคนให้ลักลอบขับเข้าไทยตามแนวชายแดน มีการคาดการณ์ว่า สมองกลและชิ้นส่วนสำคัญที่มีราคาสูงอาจถูกถอดเก็บไว้ก่อน กลายเป็นรถไม่สมบูรณ์ แล้วนำมาจอดทิ้ง ณ จุดนัด ‘ผกก. โจ้’ ไปพบรถ ทำการยึดรถ และนำรถยนต์ดังกล่าวส่งศุลกากร
เวลานั้น ‘ผกก. โจ้’ เป็นพนักงานสอบสวนทางใต้ มีหน้าที่จับกุมรถยนต์จึงเป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ รถยนต์ที่ยึดไม่มีเจ้าของ ศุลกากรดำเนินคดีกับใครไม่ได้ ‘ไม่มีจำเลย ไม่มีการปรับ’ จึงไม่มี ‘ค่ารางวัลนำจับ’ กับ ‘ค่าสายข่าว’ ที่ในข่าวให้ข้อมูลว่ารวมกันสูงถึง 40 – 55%
ต่อมา ศุลกากรนำรถยนต์ที่ยึดออกประมูลขายทอดตลาด ในตัวอย่างสมมุติขายได้ 2 ล้านบาทซึ่งเป็นราคาถูกสำหรับรถยนต์หรูไม่สมบูรณ์
เมื่อมีรายได้ กฎหมายศุลกากรกำหนดให้จ่าย ‘ค่ารางวัลนำจับ’ กับ ‘ค่าสายข่าว’ สมมุติที่ 45% ทำให้ ‘ผกก. โจ้’ มีรายได้ 9 แสนบาท เมื่อหักต้นทุนที่ซื้อรถยนต์จากมาเลเซีย 4 แสนบาท ก็เหลือ 5 แสนบาทเป็นกำไรขั้นที่ 1
ในขั้นตอนประมูลซื้อรถที่ไม่สมบูรณ์ ใครจะประมูลซื้อแข่ง ?
อีกอย่าง คนระดับ ‘ผกก. โจ้’ น่าจะมีเส้นสายในส่วนงานขายทอดตลาด หรืออาจมีคนในศุลกากรร่วมขบวนการนี้ การให้พรรคพวกเข้าร่วมประมูลซื้อแบบไร้คู่แข่งจึงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้
‘ผกก. โจ้’ ประมูลซื้อ 2 ล้านบาท ได้รถยนต์ที่ไม่สมบูรณ์แต่ถูกกฎหมายแล้ว นำสมองกลและชิ้นส่วนสำคัญมาใส่กลายเป็นรถสมบูรณ์ ไม่ว่าจะจำหน่ายได้กี่ล้านบาท มันก็คือกำไรขั้นที่ 2
คนในวงการรถยนต์รู้ดีว่ารถสมบูรณ์ ประกอบนอก CBU (Complete Built-In Unit) ขนาด 3,000 cc ขึ้นไป ต้องสำแดงพิกัด 8703.24.30 เฉพาะอากรขาเข้า 80% แต่เมื่อรวมค่าธรรมเนียมพิเศษ ภาษีสรรพสามิต ภาษีเพื่อมหาดไทย และภาษีมูลค่าเพิ่มไปด้วย เบ็ดเสร็จภาษีอากรรวมแล้วจะประมาณ 328 % ของราคาประเมิน CIF (ราคารถ + ค่าประกันภัย + ค่าระวางขนส่ง)
หากรถยนต์หรูคันนี้มีราคาประเมิน CIF อยู่ที่ 8 แสนบาท ภาษีอากรรวมทั้งหมด 328% ที่ต้องชำระก็เป็นเงิน 2.6 ล้านบาท การประมูลซื้อ 2 ล้านบาทในขั้นที่ 2 จึงเป็นการค้าที่ถือว่าคุ้ม
ด้วยเหตุนี้ การสร้างรายได้มหาศาล 450 ล้านบาทภายใต้กฎหมาย ด้วยวิธีการ 2 ขั้นกับรถยนต์ 368 คัน ในเวลา 6 ปี จึงเป็นข่าวที่สร้างความฮือฮา น่าติดตาม และให้ข้อคิดทันที

ข่าว ‘ผกก. โจ้’ ใช้ถุงคลุมศีรษะผู้ต้องหาจนพลาดเสียชีวิตจึงถูกสื่อขุดคุ้ยที่เกี่ยวพันธ์ทั้งยาเสพติด การรีดทรัพย์ ขบวนการฟอกเงิน วิธีการมอบตัว ข้อตกลงลับ และอื่น ๆ ที่ยังไม่ชัดเจน
ส่วนที่ชัดเจนคือ การยึดรถยนต์ 368 คัน การขายทอดตลอด ‘ค่ารางวัลนำจับ’ กับ ‘ค่าสายข่าว’ มหาศาลที่แถลงโดยศุลกากร สร้างความสงสัยและสร้างข้อคิดให้เกิดขึ้นในสังคม
เมื่อเรื่องถูกเปิดโปง หากจะกล่าวว่าส่วนแบ่งจำนวน 450 ล้านบาทที่ศุลกากรจ่ายออกไป 6 ปีนั้น “ถูกกฎหมาย” ก็พูดได้ไม่เต็มปากแล้ว มันดูขัด ๆ ไม่ชอบมาพากล แต่หากจะกล่าวว่า “ผิดกฎหมาย” ก็พูดได้ไม่เต็มปากอีกเช่นกัน สังคมจึงคิดไปต่าง ๆ นานา
การลักลอบนำรถยนต์เข้ามา 368 คันเป็นของจริงแล้ว ผิดกฎหมายจริงแน่ แต่ไม่มีจำเลย
แต่หากพิสูจน์ได้ว่าการจับกุมตลอด 6 ปีนั้นเป็นการจัดฉากจริงตามข่าว แบบนี้ก็มี ‘คนอยู่เบื้องหลังการลักลอบ’ จากที่ว่า ‘ไม่มีจำเลย’ ขณะจับกุมก็กลายเป็น ‘มีจำเลย’ จากที่ว่า ‘ไม่มีการปรับ’ ก็กลายเป็น ‘มีการปรับ’ ย้อนหลังขึ้นได้ แบบนี้ศุลกากรจะทำอย่างไร ??
ยิ่งไปกว่านั้น ‘รางวัลนำจับ’ และ ‘ค่าสายข่าว’ ที่ศุลกากรจ่ายไปก็จะขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายไปด้วย ส่วนศุลกากรก็ถูกสงสัยว่า “มีใครร่วมขบวนการด้วยหรือไม่ ?”
กฎหมายทุกฉบับจะมีเจตนารมณ์ของกฎหมาย เช่น เพื่อเป็นบรรทัดฐานและความสงบสุขให้เกิดแก่ประชาชน กฎหมายศุลกากรก็มีเจตนารมณ์เพื่อจัดเก็บภาษี ป้องกัน และปราบปรามการหนีภาษี การลักลอบนำเข้าและส่งออก การฉ้อภาษีอากร และส่งเสริมการนำเข้าและส่งออก
ไม่มีกฎหมายใดที่มีขึ้นเพื่อสร้างช่องทางทำมาหากินให้ใครคนหนึ่ง
ดังนั้น การรับ ‘รางวัลนำจับ’ กับ ‘ค่าสายข่าว’ จากการจับกุมแบบจัดฉากจึงน่าจะถือเป็น ‘การฉ้อเงินรางวัล’ ประเภทหนึ่งซึ่งเป็นหน้าที่ของศุลกากรที่ต้องป้องกันและปราบปราม
ในเมื่อเกี่ยวข้องกับกฎหมายศุลกากร ในเมื่อศุลกากรถูกต้องสงสัย ศุลกากรก็ควรแสดงตนลุกขึ้นมาสร้างความชัดเจนให้สังคมรับรู้ ‘อะไรถูก อะไรผิด’ ให้เป็นบรรทัดฐาน และส่วนสำคัญที่สุดคือ วิธีการป้องกันและปราบปรามในเรื่องเช่นนี้จะใช้วิธีการอย่างไร ?
หากไม่ชัดเจน สังคมจะมองว่า ‘การฉ้อเงินรางวัล’ เป็นสิ่งถูกกฎหมาย ‘ใคร ๆ ก็จัดฉากได้’
ศุลกากรจึงควรถือโอกาสนี้ลุกขึ้นมาเป็นเจ้าภาพ เชิญหน่วยงานต่าง ๆ มาสร้างการบูรณาการให้ระบบราชการไทยในเรื่องการป้องกันและปราบปรามเพื่อเสนอไปยังรัฐบาล
ในมุมศุลกากร ข่าวของ ‘ผกก. โจ้’ จึงให้ข้อคิด และเป็นการบ้านที่น่าติดตามแก่สังคม

ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร
CEO – SNP Group

ปล. ตั้งแต่ปี 2560 ระเบียบศุลกากรให้รางวัลนำจับเหลือ 20% ค่าสินบน 20% และกำหนดเพดานไม่เกินคดีละ 5 ล้านบาท

อ่านบทความอื่นที่เขียนโดย ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร ได้ที่ http://snp.co.th/e-journal/

Date Published : August 31, 2021

Dr. Sitthichai  Chawaranggoon
Dr. Sitthichai ChawaranggoonChief Executive Officer (CEO) - SNP GROUP

Logistics

เวียดนามเป็นหนึ่งในสามผู้บริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรายใหญ่ที่สุดของโลก

1.เนื้อข่าว
จากข้อมูลของสมาคมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโลก (The World Instant Noodles Association) ผลกระทบของการแพร่ระบาด COVID-19 ทำให้ความต้องการบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ประเทศเวียดนามอยู่ในอันดับที่สามในการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลังจากประเทศจีน ฮ่องกง และประเทศอินโดนีเซีย และมีการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปประมาณ 7 พันล้านแพ็คประเทศเวียดนามในปีที่ผ่านมา การสำรวจล่าสุดโดย Nielsen Viet Nam พบว่าอัตราการบริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 67 ประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่มีผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ปัจจุบัน ประเทศจีนเป็นผู้บริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากที่สุดในโลก แต่อัตราการเติบโตของการบริโภคไม่สูงเท่ากับประเทศเวียดนาม
จากข้อมูลของสมาคมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโลก ผลกระทบของการแพร่ระบาด COVID-19 ทำให้ความต้องการบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความต้องการบริโภคของผลิตภัณฑ์นี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.79 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2563 สถิติของสมาคมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโลกแสดงให้เห็นว่า ตลาดเอเชียเป็นผู้บริโภคผลิตภัณฑ์นี้รายใหญ่ที่สุด คิดเป็นร้อยละ 56.45 ของการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั่วโลกในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น ประเทศจีน ประเทศเกาหลี และประเทศญี่ปุ่น ตลาดหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 5 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ไทย และมาเลเซีย คิดเป็นร้อยละ 25.24 ตามรายงานการวิจัยตลาดของ Facts and Factors
รายได้จากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 73.55 พันล้านเหรียญสหรัฐในช่วง 5 ปีข้างหน้าจาก 45.67 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2563 บริษัทผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในเวียดนามบางบริษัท มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่ผลิตในประเทศเวียดนามได้จำหน่ายในประเทศต่างๆ กว่า 40 ประเทศทั่วโลก
(แหล่งที่มา https://vietnamnews.vn ฉบับวันที่ 16 สิงหาคม 2564)

2. วิเคราะห์ผลกระทบ
จากสถิติของสมาคมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปโลก (WINA) ความต้องการบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั่วโลกในปี 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.45 เมื่อเทียบกับปี 2561 แต่ในปี 2563 เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.79 เมื่อเทียบกับปี 2562 เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ผู้บริโภคส่วนใหญ่จะเก็บอาหารแห้งในระยะยาว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหารที่มีความสะดวก สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตของสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งเติบโตได้ดีในภาวะการแพร่ระบาด
ปัจจุบันประเทศเวียดนามเป็นประเทศที่มีความต้องการบริโภคมากเป็นอันดับที่สามในโลกและมีอัตราการเติบโตที่สูง รวมทั้งจากการสำรวจล่าสุดของ Nielsen Vietnam อัตราการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดเพิ่มขึ้นร้อยละ 67 ประกอบการกับพฤติกรรมความนิยมบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของคนเวียดนาม ทำให้แนวโน้มการเติบโตของสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในเวียดนามมีการเติบโตที่ดี

3. นำเสนอโอกาส/แนวทาง
แนวโน้มการเติบโตของตลาดสินค้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในเวียดนาม เป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยในสินค้าดังกล่าว เนื่องจาก ผู้บริโภคเวียดนามมีความนิยมคนชาติแบบไทย อย่างไรก็ตามตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในเวียดนามมีการแข่งขันสูง เนื่องจากประเทศเวียดนามเป็นผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มีการนำเข้าจากหลายประเทศ เช่น ไทย ญี่ปุ่น และเกาหลี และมีการเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานผลิตจากหลายประเทศ เช่น บะหมี่ Hao Hao โดยบริษัท ACECOOK จากประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการส่งออกสินค้าดังกล่าวมาในเวียดนาม ควรศึกษาตลาด และศึกษาคู่แข่ง เพื่อกำหนดกลยุทธ์การทำตลาดที่เหมาะสม

ที่มา: https://www.ditp.go.th/ditp_web61/article_sub_view.php?filename=contents_attach/751430/751430.pdf&title=751430&cate=413&d=0

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.