CEO ARTICLE

มุมมอง 2565

Published on January 4, 2022


Follow Us :

    

ปี 2564 เพิ่งจะผ่านไปท่ามกลาง Covid-19 ที่กลายพันธ์ไปเรื่อย ๆ การแพร่ระบาดที่มากขึ้น และความเสียหายทางเศรษฐกิจที่ทุกประเทศทั่วโลกต่างได้รับอย่างหนักไม่ต่างกัน
อะไรจะเกิดขึ้นในทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองของไทยในปี 2565 ???

สหรัฐได้รับความเสียหายทางเศรษฐกิจจาก Covid-19 หนักมาก Prachachart Online ให้ข้อมูลเมื่อ 16 ธ.ค. 64 ว่า ปี 2565 สหรัฐจะเริ่มแผน Build Back Better เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงินเกือบ US$ 5 ล้านล้านที่มากเป็นประวัติศาสตร์ และเงินลงทุนอีกราว US$ 2.4 ล้านล้าน
กำลังซื้อในสหรัฐกำลังจะเกิดขึ้นอย่างก้าวกระโดด ส่วนการส่งออกของไทยปี 2564 ใน 10 เดือนแรกโต 15% มีมูลค่าราว US$ 260,000 ล้าน ถือเป็น ‘พระเอก’ ทางเศรษฐกิจของไทย
เมื่อรวมกับการประชุม APEC ที่จะจัดที่ภูเก็ตในวันที่ 1-3 ธ.ค. 2565 โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ มีสมาชิก 21 ประเทศเข้าร่วมทั้งสหรัฐ แคนาดา และจีน การเจรจาหลักคงเป็นเรื่อง FTA
ด้วยเหตุนี้ ปี 2565 ไทยย่อมได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ได้จาก FTA ที่กว้างขึ้น และได้จากกำลังซื้อจะเกิดในสหรัฐ การส่งออกของไทยย่อมโตมากขึ้น
แต่ 2-3 ปีที่ผ่านมา ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนหนักขึ้น เบาลงบ้างในช่วง Covid-19 แต่หากเศรษฐกิจโลกสดใส ความขัดแย้งก็อาจปะทุขึ้นอีกให้เป็นผลด้านลบต่อโลกและไทย
ในช่วง Covid-19 ทุกประเทศต้องแจกเงินประชนชน หลายประเทศกู้เงิน หนี้สาธารณะจึงเพิ่มขึ้นซึ่งรวมประเทศไทยที่อยู่ในกลุ่มนี้ นักวิเคราะห์หลายท่านมองว่า ปี 2565 เศรษฐกิจทั่วโลกน่าจะเป็นการเผาจริงมากกว่าจากภาระหนี้สินที่ล้นพ้นตัว คนตกงาน และหลายประเทศขาดเงิน
ปัจจัยภายนอกประเทศมีทั้งผลบวกและลบต่อไทยทั้ง 2 ด้าน แต่เมื่อมองในภาพรวมแล้ว “คนสหรัฐและคนทั่วโลกต่างต้องกินต้องใช้” ผลดีทางเศรษฐกิจของไทยจึงน่าจะได้ผลบวกมากกว่า
การส่งออกของไทยน่าจะโตขึ้นอีก น่าจะดึงให้การนำเข้า การขนส่ง โลจิสติสก์ และธุรกิจที่เป็น Supply Chain อื่นดีขึ้นตามแม้จะมีปัญหาค่าระวางสินค้า (Freight) ที่สูงมากก็ตาม
ส่วนจะดีแค่ไหน ประชาชนจะได้ประโยชน์เพียงใด มันก็อยู่ที่การบริหารของรัฐบาลที่จมอยู่กลางกองหนี้สาธารณะ เงินเฟ้อ ปัญหาที่รุมเร้า และความขัดแย้งทางการเมืองที่มาจากปี 2564

การชิงอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมืองเป็นปัญหาเรื้อรังของไทยเรื่อยมา มาหนักมากในปี 2564 ก่อให้เกิดข่าวเท็จ การบูลลี่ ความไม่สงบ และส่งต่อความขัดแย้งเข้าสู่คนทุกวงการ
ภาพเพียงภาพเดียว คลิปสั้นเพียงคลิปเดียว ความผิดพลาดเพียงส่วนเดียว ฝ่ายการเมืองก็ต่อเติมเป็นข่าวเท็จให้คนเชื่อได้ คนเชื่อข่าวเท็จมาก ๆ สุดท้ายข่าวเท็จก็อาจกลายเป็นข่าวจริงได้
การจะได้ ‘ผลประโยชน์’ ทางการเมือง ต้องได้อำนาจก่อน และการจะได้ ‘อำนาจ’ ก็ต้องใช้ผลประโยชน์เข้าล่อ เงิน การซื้อเสียง การทุจริต และข่าวเท็จจึงวนเวียนอยู่กับการเมืองไทยไม่รู้จบ
แต่จากเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ ข่าวสารเผยแพร่ได้เร็ว ความจริงที่หักร้างข่าวเท็จแพร่กระจายได้เร็ว ประชาชนจึงรับรู้ข้อมูล 2 ด้านได้เร็วและกว้างขึ้น คนเสพข่าวในปี 2564 ส่วนหนึ่งจึงฉลาดขึ้น จะรอข้อมูลให้ครบ ก่อนเชื่อ ก่อนวิจารณ์ และก่อนแชร์
ส่วนคนที่ไม่ฉลาดขึ้น ไม่คิดก่อน แต่จะเชื่อ จะแชร์ข่าวเท็จ และร่วมบูลลี่อย่างรวดเร็วด้วยความคะนองจนถูกฟ้องร้องเป็นคดีความให้เห็นมากมาย เทคโนโลยีจึงมีทั้งประโยชน์และโทษ
รัฐบาลจึงควรใช้ด้านประโยชน์ของเทคโนโลยีให้มากกว่านี้ แผนทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองในปี 2565 เป็นอย่างไรก็ควรประชาสัมพันธ์ให้มากกว่านี้
คนติดตามข่าวสาร 2 ด้านรู้ดีว่า ปี 2564 รัฐบาลทุ่มเทมาก เหนื่อยมาก แก้ไขปัญหามาก ความสำเร็จก็มีมาก ความผิดพลาดก็มีไม่น้อย แต่เพราะการประชาสัมพันธ์มีไม่มากพอ ข่าวความผิดพลาดจึงถูกตัดต่อให้ดูมาก ความเชื่อมั่นของคนไทยจึงลดลงจนดูเหมือนรัฐบาลไม่ได้ทำอะไร
ทั้งหมดจึงอยู่ที่ตัวรัฐบาลจะบริหารให้ประชาชนได้ประโยชน์และรับรู้อย่างไร ??
การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีครั้งล่าสุดทำให้เห็นว่า แม้แต่ในแกนนำรัฐบาลก็ยังมีการชิงอำนาจ มีความแตกแยก เสถียรภาพรัฐบาลจึงไม่มั่นคงที่ส่งผลต่อปัจจัยภายในประเทศ
หากจะเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนขั้วการเมือง คนติดตามการเมืองใกล้ชิดก็รู้ดีว่า ความขัดแย้งไม่มีทางหมดไปตราบเท่าที่ ‘อำนาจ’ และ ‘ผลประโยชน์’ ยังเป็นที่ต้องการของคนทุกวงการ
คนสหรัฐและคนทั่วโลกต่างต้องกินต้องใช้ “คนไทยก็ต้องกินต้องใช้” ไม่ต่างกัน
Covid-19 ทำให้คนไทยส่วนหนึ่งตกงาน อีกส่วนไม่ทำงาน ทั้งหมดต้องกินต้องใช้ เมื่อหวังพึ่งรัฐบาลไม่ได้มากอย่างที่หวังก็หันไปพึ่งการเมือง สุดท้ายก็ไปเสริมความขัดแย้งให้คงอยู่
หากปัจจัยภายนอกประเทศดี แต่ปัจจัยภายในไม่ดี ประโยชน์ก็ได้น้อย หากปัจจัยภายในดี แม้ภายนอกประเทศจะเลวร้ายอย่างไร ไทยย่อมไม่เสียหายตามปัจจัยภายนอกไปมาก
ทุกอย่างจึงอยู่ที่ประชาชน หากยังหวังผลประโยชน์จากนักการเมือง ส่งเสริมนักการเมืองที่ไม่ทำงาน เอาแต่แบ่งข้างเพื่อชิงอำนาจ ความขัดแย้งที่เป็นปัจจัยภายในก็ไม่หมดไป
ในเมื่อปัจจัยภายนอกด้านการส่งออกเป็นบวกให้เห็นในปี 2565 และความขัดแย้งภายในมีทีท่าจะลดลงจากคำสั่งศาล มันจึงเป็นโอกาสให้ท่านผู้ส่งออก ผู้นำเข้า และผู้ประกอบการต่าง ๆ ฉวยขึ้นมาสร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างเศรษฐกิจจากผลบวกด้วยตนเอง

ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร
CEO – SNP Group

ในวาะดิถีขึ้นปีใหม่ พ.ศ. 2565 คณะผู้จัดทำบทความขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในทุกศาสนาจงดลบันดาลให้ท่านผู้อ่าน ครอบครัว และองค์กรปลอดภัยจาก Covid-19 และความขัดแย้งทางการเมือง พบแต่ความสุข ความเจริญ และทำมาค้าขึ้นในปีใหม่นี้ด้วยเทอญ
สวัสดีปีใหม่ 2565

อ่านบทความอื่นที่เขียนโดย ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร ได้ที่ http://snp.co.th/e-journal/

Date Published : January 4, 2022

Dr. Sitthichai  Chawaranggoon
Dr. Sitthichai ChawaranggoonChief Executive Officer (CEO) - SNP GROUP

Logistics

จีนเปิดด่านรถไฟผิงเสียง นำเข้าทุเรียนลำไยผลไม้ไทย 4 ม.ค.

“เฉลิมชัย” เผยจีนเปิดด่านรถไฟผิงเสียงนำเข้าทุเรียนลำไยผลไม้ไทย 4 ม.ค. “อลงกรณ์”ขอความร่วมมือผู้ส่งออกตรวจเข้มระวังโควิดปนเปื้อน

วันที่ 1 มกราคม 2565 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผยวันนี้ (1 ม.ค.) ว่า จากมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่เข้มงวดของด่านนำเข้าจีน ส่งผลต่อการส่งออกผลไม้ของไทยในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคมที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก ตนได้สั่งการทูตเกษตรเร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและตนได้หารือเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเพื่อแก้ไขปัญหาและอำนวยความสะดวกการขนส่งผลไม้ไทย

ล่าสุดได้รับรายงานจากกงสุล (ฝ่ายเกษตร) ของไทยประจำนครกว่างโจวว่าด่านรถไฟผิงเสียง (เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง) ประเทศจีนได้เปิดด่านแล้วโดยกำหนดเปิดนำเข้าผลไม้ไทยตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2565 ถึงวันที่ 17 มกราคม 2565 เพื่อคลี่คลายปัญหากรณีด่านตงซิง (เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ประเทศจีน) ปิดด่าน ทําให้ทุเรียนและลําไยสดของประเทศไทยที่มีปริมาณมากต้องติดค้างอยู่ที่ด่านตงซิงซึ่งไม่สามารถยื่นคําร้องขอผ่านพิธีการศุลกากรเข้าประเทศจีนได้

ทางการจีนจึงประสานเป็นหนังสือขอความอนุเคราะห์ฝ่ายเกษตรฯ กว่างโจวแจ้งมายังหน่วยงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อํานวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการผลไม้ทําการเปลี่ยนแปลงใบรับรองสุขอนามัยพืชในช่วง วันที่ 1 – 3 มกราคม 2565 สินค้าผลไม้ไทยจะได้ยื่นคําร้องขอผ่านพิธีการศุลกากรผ่านด่านรถไฟผิงเสียงเพื่อขนส่งเข้าประเทศจีนได้

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะทำงานจัดทำแผนการแก้ไขปัญหาผลไม้เศรษฐกิจล่วงหน้าทั้งระบบ กล่าวว่า ผู้ส่งออกต้องรีบยื่นขอเปลี่ยนแปลงใบรับรองสุขอนามัยพืชจากด่านตงชิงเป็นด่านรถไฟผิงเสียงและต้องระมัดระวังอย่าให้มีการปนเปื้อนโควิด19 ทั้งคนขับ รถและสินค้าเพราะถ้าพบทางการจีนจะปิดด่านทันทีจึงขอความร่วมมือทุกฝ่ายให้ช่วยกันเข้มงวดกวดขันอย่างเต็มที่

ทั้งนี้ จากสถิติการส่งออกผลไม้ไทยไปยังประเทศจีนของกรมวิชาการเกษตร พบว่า เดือนมกราคม-ตุลาคม 2564 ไทยส่งออกผลไม้ไปยังประเทศจีน มีปริมาณกว่า 2 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 148,000 ล้านบาท โดยปริมาณการส่งออกผลไม้สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ทุเรียน ลำไย และมะพร้าวอ่อน ตามลำดับแต่เริ่มประสบปัญหาการขนส่งผลไม้ติดขัดตามด่านต่างๆ ของจีนในช่วงปลายปี 2564

ที่มา: https://www.prachachat.net/economy/news-833318

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.