SNP NEWS

ฉบับที่ 395

CEO Article

“จิตปรุงแต่ง”

bdl

“โยม เห็นว่าน้องชายของโยมป่วยหนักอยู่โรงพยาบาลไม่มีคนดูแล โยมน่าจะกลับไปดูแลน้องชายนะโยม”
“มันเป็นกรรมของเขาคะ กรรมใครก็กรรมของคนนั้น แล้วดิฉันตอนนี้ก็ปฏิบัติธรรมอยู่ หากได้บุญบารมีก็จะไปถึงน้องชายด้วย แต่หากไปดูแลน้องชายก็ไม่สามารถปฏิบัติธรรมได้คะ”

ประโยคสนทนาข้างต้นคัดมาจากการเทศนาของพระนักเทศรูปหนึ่ง พระท่านได้เทศนาและเผยแพร่ออกสื่อให้ผู้ปฏิบัติธรรมต่าง ๆ ได้รับฟัง
จากนั้น พระท่านได้กล่าวสรุปในลักษณะดังนี้
“ผู้ปฏิบัติธรรมต้องมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา การเห็นเพื่อนมนุษย์ตกทุกข์ได้ยากแล้วนิ่งเฉยไม่ช่วยเหลือจะถือเป็นผู้ปฏิบัติธรรมได้อย่างไร
ยิ่งคนที่ตกทุกข์นั้นเป็นน้องชาย เป็นคนในครอบครัวก็ยิ่งต้องช่วย ส่วนการปฏิบัติธรรมนั้นก็สามารถปฏิบัติตอนดูแลน้องชายก็ได้ ตอนอยู่กับบ้านก็ได้ หรือขณะครองเรือนในครอบครัวอยู่ก็ปฏิบัติได้เช่นกัน
ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับการปฏิบัติธรรมที่วัดแต่อย่างใด”

เดี๋ยวนี้คนนิยมปฏิบัติธรรมตามวัดกันมากจริง ๆ
ในเทศกาลต่าง ๆ เช่นปีใหม่ หรือวันหยุดยาว ๆ หลาย ๆ วัน บางวัดคนจะแน่นมาก บางวัดต้องจองที่นั่งหรือที่หลับที่นอนกันล่วงหน้า
ไม่ว่าจะเป็นคุณลุง คุณป้า หรือแม้แต่คนวัยหนุ่มวัยสาว และไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาหรือดารานักแสดงต่างก็นิยมการปฏิบัติธรรมกันมาก
มันมีส่วนทำให้จิตใจสงบจริงแม้จะไม่ทุกคน
แล้วใครจะไปรู้ว่า การปฏิบัติธรรมไม่จำเป็นต้องมาปฏิบัติที่วัด ไม่จำเป็นต้องสละครอบครัวแล้วมายึดเอาแต่บุญที่ตัวเองจะได้
ใครจะไปรู้ล่ะ หากพระรูปนี้ไม่เทศนาให้ฟังมิฉะนั้นก็จะมีแต่การ โฆษณาประชาสัมพันธ์ให้มาปฏิบัติที่วัดเท่านั้น
มันจึงคล้ายกับจิตปรุงแต่งที่ผู้ปฏิบัติธรรมส่วนน้อยบางท่านสร้างขึ้นมาในจิตของตนเองโดยไม่มีหลักการและเหตุผลรองรับแล้วก็ยึดมั่นในจิตที่ปรุงแต่งขึ้นจนทำให้ผู้ปฏิบัติธรรมที่ดีส่วนใหญ่เสียหายไปด้วย
จิตใครปรุงแต่งอย่างไรก็จะคิดและเป็นไปตามนั้น จิตของบางคนปรุงแต่งว่าขณะปฏิบัติธรรมที่วัดจะสามารถคุยกับเทวดานางฟ้าได้
บางคนก็เห็นผีเปรตมาวนเวียน แล้วก็คิดว่าจิตของตนกล้าแข็งยิ่งนัก แล้วบางคนก็ได้ท่องสวรรค์ชั้นต่าง ๆ
กรรมการวัดบางท่าน หรือพระบางวัดเข้าใจจิตที่ปรุงแต่งของคนส่วนน้อยแบบนี้ก็ได้โอกาสส่งเสริมจิตให้ปรุงแต่งเข้าไปอีก
มันเริ่มจากคนส่วนน้อยแล้วลุกลามเข้ากระแสสู่คนที่มีจิตไม่มั่นคงจนเกิดการปรุงแต่งตาม
สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นวัตถุมงคล พระองค์ใหญ่ ๆ ที่เอามาห้อยคอ การจัดทัวร์ท่องสวรรค์ การเพ่งบุญบารมี การทำนายทายดวง การอุ้มตุ๊กตา และวิธีการสร้างบุญที่แปลก ๆ ก็เกิดขึ้น
ทุกวันนี้ คนที่เข้าใจในพระธรรมคำสั่งสอนของพุทธศาสนาต่างก็งง ๆ ว่าประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ???
มันเป็นกระแสที่คนมีจิตปรุงแต่งส่วนน้อยคล้ายกันจึงทำตามแบบกันจนดูมากขึ้นและเริ่มมีผลกระทบกับผู้อื่น
บางครอบครัวหมดเงินหมดทองกับการทำบุญ บางครอบครัวถึงกับแตกแยกเมื่อผัวไปทางและเมียก็ไปอีกทางโดยมีการปฏิบัติธรรมเข้ามาแบ่งเส้น
ผู้ปฏิบัติธรรมส่วนน้อยบางคนหวังได้บุญได้กุศลแต่กลับปล่อยให้พ่อแม่ที่แก่เฒ่า หรือลูก ๆ ลำบากอยู่กับบ้าน
แล้วก็บอกว่า มันเป็นกรรมของใครก็ของมันทั้ง ๆ ที่ตนเองต่างหากเป็นผู้สร้างครอบครัวแล้วก็ยัดเหยียดกรรมให้แก่ครอบครัวแล้วตัวเองก็เฝ้ารอคอยบุญบารมีที่จะได้รับในชาตินี้
มันจะได้บุญอย่างไรในเมื่อตนเองก็ยังไม่รู้จักเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาอย่างพระท่านเทศนา
หากผู้ปฏิบัติธรรมส่วนน้อยบางท่านยังขาดพรหมวิหาร 4 แต่กลับมุ่งเข้าวัดด้วยจิตที่ปรุงแต่งเพื่อปฏิบัติธรรมตามแบบที่ตนเองคิดและถูกชักนำ อย่างนี้แล้วคำถามของคนไทยจะเริ่มหนักยิ่งขึ้น
ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ???

แล้ววันหนึ่ง ประเทศไทยก็มีลูกเทพเกิดขึ้นมา
ภาพคนดูแลตุ๊กตาอย่างดียิ่งกว่าพ่อแม่ตนเองและอุ้มออกเที่ยวไปในที่ต่าง ๆ จนเป็นกระแสโดยไม่มีใครกล้าฟันธงว่า มันเป็นเรื่องจิตปรุงแต่งหรือไม่ มันเหมือนหรือมันต่างจากผู้ปฏิบัติธรรมส่วนน้อยบางท่านอย่างไร
การวิจารณ์ในสังคมมีทั้งเห็นชอบและต่อต้าน จากนั้นการตลาดก็เข้ามาเกี่ยวข้องที่ตามมาด้วยตั๋วเครื่องบิน ที่พัก คูปองอาหาร และการปลุกเสกเพื่อสนองความต้องการ
กระทั่งสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ กพท. และบริษัทขนส่งจำกัด หรือ บขส. ออกมาประกาศให้ตุ๊กตาลูกเทพเป็นสัมภาระ
จากนั้นก็มีรีสอร์ท และโรงแรมบางแห่งออกประกาศห้ามนำตุ๊กตาลูกเทพเข้าพื้นที่ แล้วสำนักพุทธศาสนาก็ประกาศออกตรวจวัดที่รับปลุกเสก จนทำให้คนอุ้มตุ๊กตาออกเที่ยวขาดความมั่นใจทันทีบางรายถึงกับนำไปทิ้งที่วัด
แล้วยอดขายตุ๊กตาก็ตกลงพร้อม ๆ กับราคาในท้องตลาดที่ลดลงตามหลักเศรษฐศาสตร์
เพียงเท่านี้ ไม่ว่าใครจะมองเป็นถูกหรือผิดอย่างไร และไม่ว่ากระแสสังคมที่วิจารณ์จะแตกแยกอย่างไร ทุกเรื่องราวก็ชัดเจนและยุติลง
ประเทศไทยได้มาถึงจุดที่บางคนมีจิตปรุงแต่งมากขึ้นแล้วค่อย ๆ ลามไปสู่คนส่วนอื่น นี่ละคือส่วนหนึ่งของต้นตอปัญหาสังคม
มันจึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐ หรือหน่วยงานสาธารณะที่เกี่ยวข้องจะประกาศความชัดเจนออกมาอย่างรวดเร็ว
ความรวดเร็วย่อมทำให้ทุกเรื่องราวยุติลงเร็ว ไม่ยืดเยื้อเป็นกระแส ไม่แตกแยก และไม่ต้องมาเที่ยวไล่ถามใครต่อใครว่า
ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ???

หากการปฏิบัติธรรมสามารถปฏิบัติที่บ้านก็ได้ หรือขณะครองเรือนในครอบครัวก็ได้โดยไม่ต้องมาอยู่ที่วัดอย่างที่พระนักเทศท่านว่า หรือหากการปลุกเสกตุ๊กตาไม่ถูกต้อง
อย่างนั้นหน่วยงานของรัฐก็น่าจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจให้ตรงกันเหมือน ๆ กับลูกเทพ
พอหน่วยงานของรัฐประกาศ วัดทุกวัดก็ต้องปฏิบัติและประชาสัมพันธ์ให้เป็นมาตรฐานการปฏิบัติธรรมเดียวกัน
เพียงแค่นี้ กรรมการวัดหรือพระที่มีจิตใจใฝ่พาณิชย์รับปลุกเสกวัตถุที่ไม่อยู่ในหลักศาสนาก็จะออกนอกลู่นอกทางไปไม่ได้มาก
การประกาศอย่างรวดเร็วจะทำให้จิตปรุงแต่งทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นมีข้อยุติเร็ว และไม่กลายเป็นกระแสลุกลามไปถึงการแตกความสามัคคีในสังคม
มันน่าเสียดายที่ผู้กำกับหน่วยงานของรัฐไม่ว่าข้าราชการประจำและการเมืองทั้งที่มาจากการเลือกตั้งหรือรัฐประหารมักมองว่ามันเป็นเรื่องของกระแส เดี๋ยวก็มา เดี๋ยวก็ไป ท่านจึงไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว
แล้วสุดท้ายเป็นอย่างไร ???
แทนที่จะคืนความสงบสุขในสังคมให้พัฒนาไปอย่างยั่งยืน ท่านกลับทำให้ความสงบสุขเดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้ายตามจิตที่ปรุงแต่งขึ้น
นี่คือคำตอบว่า รัฐมนตรีและผู้กำกับหน่วยงานของรัฐต้องมีภาวะผู้นำเพียงพอ ต้องลุกขึ้นมาเป็นผู้นำทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองในทางที่ถูกที่ควร
ผู้นำแต่ละระดับของประเทศเพียงขยับเท่านั้น ทุกเรื่องก็ย่อมยุติลง
หากปล่อยให้จิตปรุงแต่งยืนยาวนานต่อไป ประเทศไทยก็ย่อมมีเรื่องผิดเพี้ยนมากขึ้นไปเรื่อย ๆ จนคำถามที่ว่า ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ???
วันหนึ่งข้างหน้า มันจะหาคนตอบไม่ได้จริง ๆ

สิทธิชัย ชวรางกูร

The Logistics

Logistics-in-China

สหพันธ์พลาธิการและการจัดซื้อของจีน (CFLP) เปิดเผยว่า ธุรกิจโลจิสติกส์ของจีนยังคงขยายตัวในเดือนม.ค. แม้เทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะถึงนี้ จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจ
ดัชนีภาวะธุรกิจโลจิสติกส์อยู่ที่ 53.3 ในเดือนม.ค. ลดลง 1.7 จุดจากเดือนก่อนหน้านั้น แต่ยังคงเหนือระดับ 50 จุด
ทั้งนี้ ระดับที่สูงกว่า 50 นั้นบ่งชี้ถึงการขยายตัว ส่วนระดับต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงการหดตัว
นายเหอ ฮุ่ย รองผู้อำนวยการศูนย์สารสนเทศโลจิสติกส์แห่งจีนเผยว่า การปรับตัวลดลงดังกล่าวเป็นผลจากปัจจัยด้านฤดูกาล โดยธุรกิจมักซบเซาก่อนช่วงตรุษจีน ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 8 ก.พ.
สำหรับดัชนีธุรกิจคลังสินค้าสำหรับสินค้าผู้บริโภค เช่น อาหารและเครื่องใช้ภายในบ้าน เช่นเดียวกับอุปกรณ์เครื่องจักร ยังคงอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ซึ่งสะท้อนถีงความแข็งแกร่งทางกิจกรรมโลจิสติกส์จีน
ปัจจุบันรัฐบาลจีนได้มีการส่งเสริมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์เพื่อกระตุ้นการบริโภค โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้มีบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นในเศรษฐกิจจีน จากที่แต่เดิมเน้นการลงทุน สำนักข่าวซินหัวรายงาน
ที่มา : สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) — อังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ 2559 16:01:00 น. http://www.ryt9.com/s/iq29/2352783

AEC Info

news_2

นายอามันโด เททังโก ผู้ว่าการธนาคารกลางฟิลิปปินส์ ระบุในแถลงการณ์ว่า เงินเฟ้อของฟิลิปปินส์ในเดือนธ.ค.อาจจะกระเตื้องขึ้นมาอยู่ในช่วง 1.1-1.9% โดยอิงกับการประเมินของธนาคารกลางที่ว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นใน เดือนนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากต้นทุนก๊าซและอาหารบางรายการที่เพิ่มสูงขึ้น ในเดือนพ.ย. เงินเฟ้ออยู่ที่ 1.1% หลังจากแตะ 0.4% ในเดือนต.ค.และก.ย.

นายเททังโก กล่าวว่า การอ่อนค่าของสกุลเงินเปโซก็อาจจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่หนุนเงินเฟ้อให้สูง ขึ้น แต่เงินเฟ้อก็อาจจะปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากราคาพลังงานและข้าวภายในประเทศที่ตกต่ำลง

ผู้ว่าการแบงก์ชาติฟิลิปปินส์ กล่าวว่า แม้ว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวดีขึ้นในเดือนธ.ค. แต่ก็จะยังคงต่ำกว่าช่วงเป้าหมายที่ 2-4%

เขากล่าวเสริมว่า ธนาคารกลางฟิลิปปินส์จะยังคงจับตาดูความคืบหน้าทางเศรษฐกิจและการเงิน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเสถียรภาพด้านราคาและการเงินจะมีความยั่งยืน
ที่มา http://www.aecnews.co.th/

คุยข่าวเศรษฐกิจ

china-pray

พาณิชย์ เผย ผู้ประกอบการมีแนวโน้มปรับลดราคาสินค้าอีกล็อตใหญ่ช่วงหลังเทศกาลตรุษจีน

นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการได้แจ้งที่จะทยอยปรับลดราคาสินค้าล็อตใหญ่หลังเทศกาลตรุษจีน เช่น น้ำปลายี่ห้อต่าง ๆ รวมถึงสบู่ ผงซักฟอก และยาสีฟัน เป็นต้น จากก่อนหน้านี้ที่มีการแจ้งปรับลดราคาสินค้าไปแล้วจำนวนหนึ่งตามต้นทุนของน้ำมันดีเซลที่ต่ำกว่า 20 บาทต่อลิตร และค่าบริการขนส่งที่ปรับลดลงต่อเนื่อง

ด้าน นายสมศักดิ์ เกียรติชัยลักษณ์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เชื่อว่า ยังมีโอกาสที่ราคาสินค้าจะปรับลดลงได้อีก ทั้งจากต้นทุนน้ำมันที่ลดลงต่อเนื่อง และสินค้าที่มีต้นทุนจากยางพารา โดยคาดว่าหลังพ้นเทศกาลตรุษจีน หรืออย่างช้าไม่เกินกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะมีสินค้าลดราคาลงได้อีก

ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการได้ปรับลดราคาสินค้าเพิ่มเติมอีก 13 กลุ่มสินค้า รวม 112 ราย เช่น นมผงราคาลดลง20-30 บาท ข้าวสารขนาด 5 กก. ลดลง 20-40 บาท ปลากระป๋อง 2-3 บาท บะหมี่สำเร็จรูป เช่น ไวไวขนาด 5-10 ซองลดลง 2-5 บาท นมสดยูเอสเหลือ 29 บาท และสายไฟฟ้า ปูนซีเมนต์ และเหล็กเส้น เป็นต้น

ส่วนสถานการณ์ราคาสินค้าที่จำหน่ายรับเทศกาลตรุษจีน พบว่า ของเซ่นไหว้ราคาจะไม่แตกต่างจากปีที่ผ่านมา อาจจะมีบางรายการปรับราคาขึ้นมาบ้าง แต่หลังพ้นตรุษจีนไปแล้ว ราคาจะปรับลดลง ซึ่งเป็นปกติของทุกปี หากประชาชนเห็นว่ามีการเอารัดเอาเปรียบ สามารถร้องเรียนได้ผ่านสายด่วน 1569 กรมการค้าภายในจะจัดส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจสอบทันที

ที่มา http://news.mthai.com/