SNP NEWS
ฉบับที่ 411
มองอย่างหงส์
“สยามเมืองร้อน”
ปมขัดแย้งทำเลที่นั่ง
ขอทานหนุ่มฆ่าเพื่อนขอทานด้วยกัน 2 คน
จากนั้นขอทานก็ฆ่าตัวตายตามรวมเป็น 3 คน
ไม่มีใครกล้ายืนยันว่า หากข่าวข้างต้นเป็นเรื่องจริงจะมีสำนักข่าวใดหรือนักข่าวสมัครเล่นใดให้ความสนใจ
ข่าวขอทานแย่งที่นั่งขอทานจนฆ่ากันแล้วผู้ผิดก็ขู่ฆ่าตัวเอง จะมีนักข่าวใดเฝ้าติดตามถ่ายทอดสด ๆ หลายชั่วโมง เหมือนข่าวของคนจบด็อกเตอร์หรือไม่
ด็อกเตอร์เป็นอาจารย์ 1 คน ใช้ปืนยิงด็อกเตอร์ที่เป็นอาจารย์ด้วยกันจนเสียชีวิต 2 คนเพื่อตัดสินปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วหลบหนี
วันรุ่งขึ้น ตำรวจสามารถแกะรอยจนพบ หลังจากร่วมกับญาติพยายามเกลี้ยกล่อมนานกว่า 7 ชั่วโมง ด็อกเตอร์มือฆ่าก็ใช้ปืนกระบอกเดียวกันปลิดชีพตัวเอง ท่ามกลางผู้สื่อข่าวอาชีพและสมัครเล่นที่เฝ้าถ่ายภาพนาทีชีวิต
คนเฝ้าหน้าจอทีวีและเฟสบุ๊คอีกนับแสนที่ติดตามภาพข่าวสดในวันนั้น ภาพความรุนแรงที่ไม่สมควรออกเผยแพร่ ทีวีหลายช่องที่ถ่ายทอดสด ๆ ทั้งหมดต้องตกเป็นเป้าให้สังคมวิจารณ์
แล้วหน่วยงานที่รับผิดชอบก็ไล่ตามเอาเรื่องในภายหลัง
ทำไมตำรวจไม่ทำอะไรเลย ??
คำถามข้างต้นจากคนในสังคมวิจารณ์ก็เกิดขึ้นตามมา ทำไมปล่อยให้ด็อกเตอร์เครียดออกทีวีโดยไม่จัดการอะไร ???
ถามว่า หากคนวิจารณ์มาเป็นนายตำรวจผู้รับผิดชอบสั่งการในเวลานั้น ไม่ว่าจะสั่งการอะไรลงไป คนสั่งการมีความมั่นใจกี่เปอร์เซ็นต์ว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์โดยไม่มีความสูญเสีย
มีใครกล้าตอบว่ามั่นใจ 100% บ้าง ???
หากไม่มี อย่างนั้นนายตำรวจที่รับผิดชอบในวันนั้นก็ย่อมไม่มีความมั่นใจ 100% เหมือน ๆ กับคนทั่วไป
เมื่อไม่มั่นใจ การเซฟสถานการณ์ให้มากที่สุดจึงเป็นสิ่งจำเป็น ก็ใครจะไปคิดว่าเหตุการณ์จะจบแบบนี้ แล้วเรื่องก็เป็นอย่างที่ทราบ
หลังจากนั้น วันรุ่งขึ้นก็มีข่าวพาดหัวในหนังสือไทยรัฐขึ้นมาอีก
“หนุ่มคลั่ง ฆ่า นศ. ปริญญาโทไม่ยอมคืนดี
ร่างพรุนคาห้อง ก่อนหนีไปแขวนคอตายตาม”
วันนี้ เวลานี้ อะไรกำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ???
ประเทศไทยทีเป็นเมืองพุทธ เป็นสยามเมืองยิ้มที่มีแต่คนยิ้มให้กัน เป็นเมืองคนใจเย็นแต่มาถึงบัดนี้กลับกลายเป็น “สยามเมืองร้อน” ที่มักตัดสินใจด้วยความรุนแรงไปแล้ว
เพราะเหตุใด ???
หากพิจารณาตามสภาพภูมิศาสตร์
ประเทศไทยตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตรทำให้ภูมิอากาศร้อนชื้น บางช่วงก็ร้อนจัดมาก อากาศแปรปรวน
หากเปรียบเทียบกับประเทศเมืองหนาวแล้ว คนไทยย่อมเสียเปรียบด้านอารมณ์
คนอยู่ประเทศเมืองหนาว จิตใจก็มักสงบเยือกเย็นตามไปด้วย ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์อะไรก็จะมีอารมณ์ที่เย็นมากกว่า รถติดกลางแดดก็ใจเย็น ขับรถแย่งทางกันก็ใจเย็น
เมื่อคนไทยอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนมากกว่า คนไทยก็จะยิ่งใจร้อนมากกว่าตามไปด้วย เมื่ออยู่ในสถานการณ์ตรึงเครียด คนไทยก็จะหุนหันพลันแล่นง่าย ขาดการยับยั้งชั่งใจ และตัดสินใจอย่างคนใจร้อนที่ส่งผลต่อความผิดพลาดได้ง่าย
แล้วในอดีต คนไทยใช้อะไรเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจให้สงบเยือกเย็น ให้ยิ้มง่ายจนใคร ๆ ก็เรียก “สยามเมืองยิ้ม”
คำตอบก็คือ ศาสนา
คนไทยในอดีตยึดมั่นศาสนา เกือบทุกชั้นเรียนต้องมีวิชาศีลธรรม คนทุกคนสวดมนต์พื้นฐานได้
ศีลธรรมนี่ละที่ยึดเหนี่ยวจิตใจคนไทยให้สงบเยือกเย็นตั้งแต่เป็นนักเรียน
หลายสิบปีที่ผ่านมา ใคร ๆ ก็รู้ว่าสภาพอาการ้อนมากยิ่งขึ้น แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น กระทรวงศึกษากลับลดชั่วโมงวิชาศีลธรรมลง
หลาย ๆ ชั้นเรียนอาจไม่มีวิชาศีลธรรมด้วยซ้ำไป
ในเมื่อสภาพอากาศร้อนรุ่มมากขึ้น รัฐบาลควรนำวิชาศีลธรรมกลับมาสอนอย่างจริงจังโดยให้สอนกันตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงปริญญาเอกกันเลย
วันนี้ก็เห็นกันชัด ๆ แล้วว่า ต่อให้คนจบปริญญาเอก ต่อให้คนเป็นอาจารย์ที่ผ่านงานวิจัย ผ่านงานนิพนธ์ ผ่านเรื่องของแนวคิด ทฤษฏี หลักการ และเหตุผลมามากต่อมาก
พอเลือดขึ้นหน้าก็คุมตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน
คนในอดีตเขาเรียนวิชาศีลธรรมกัน นักเรียนสมัยก่อนไม่ว่าจะอยู่ในศาสนาใดก็ต้องเข้าวัด เข้าสถานศาสนาของตนแล้วสวดมนต์กันทุกสัปดาห์
เดี๋ยวนี้กลับเปลี่ยนแปลงไปมาก บางโรงเรียน บางหลักสูตรไม่มีวิชาศีลธรรมกันแล้ว
ทำไมในอดีตที่ผ่านมา หลาย ๆ รัฐบาลจึงลดวิชาศีลธรรมลง ???
หากคนเป็นนายกรัฐมนตรีในแต่ละรัฐบาลไม่ยินยอมซะอย่าง คนเป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการจะลดบทบาทวิชาศีลธรรมลงได้อย่างไร
ในอดีตดึกดำบรรพ์ กระทรวงศึกษาเป็นกระทรวงที่นักการเมืองใจทุจริตไม่ค่อยเหลียวแลเพราะหากินกับงบประมาณไม่ค่อยได้
แต่หลายสิบปีที่ผ่านมา ไม่มีใครกล้าฟันธงว่ากระทรวงศึกษาได้กลายเป็นแหล่งหากินของนักการเมืองทุจริตไปแล้วหรือไม่ ???
การเปลี่ยนแปลงจึงเกิดขึ้นบ่อยมาก เดี๋ยวก็แจกคอมพิวเตอร์ เดี๋ยวก็ดูงาน เดี๋ยวก็เรียนพิเศษ เดี๋ยวก็เปลี่ยนหลักสูตร
นอกจากวิชาศีลธรรมจะไม่เพิ่มขึ้นแล้วไฉนกลับลดลงจนเหมือนหายไป แล้ววันนี้คนไทยก็ไม่มีจิตใจที่เยือกเย็นเหมือนอดีต ไม่ยิ้มง่าย แต่กลับหุนหันพลันแล่นมากยิ่งขึ้น
หากจะแก้ปัญหาคนอารมณ์ร้อนท่ามกลางอากาศที่ร้อนขึ้นเรื่อย ๆ มันก็ต้องหันมาพัฒนาจิตใจให้เยือกเย็นมากขึ้นแทนที่
รัฐบาลเปลี่ยนสภาพอากาศให้เย็นลงไม่ได้ แต่รัฐบาลสามารถนำวิชาศีลธรรมกลับมาได้ซึ่งมันจะส่งผลให้จิตใจเย็นลง
ไม่อย่างนั้น ไม่แน่ว่าข่าวปมขัดแย้งแย่งทำเลที่นั่งและทำให้ขอทานอารมณ์ร้อนฆ่ากันตายก็อาจกลายเป็นข่าวจริงขึ้นมาจนนักข่าวเฝ้าติดตามสด ๆ นานนับชั่วโมงก็ได้
สยามจะเป็นเมืองร้อน หรือเมืองยิ้ม ???
มันอยู่ที่รัฐบาลจะเลือกไปทางไหน
สิทธิชัย ชวรางกูร
ขอขอบคุณรูปภาพ : https://www.cctvbangkok.com/article/img/233/cctv-artical233-1.jpg
The Logistics
รถไฟฟ้า / BTS ชื่อนี้ที่ใครๆก็รู้จักกันมานาน เพราะเปิดให้บริการครั้งแรกมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2542 นับถึงปีนี้ก็ย่างเข้าสู่ 17 ปีแล้ว
จึงมีเรื่องราวดีๆ มาใหม่ๆ ล่าสุด BTS ได้สั่งซื้อรถไฟฟ้าขบวนใหม่เพิ่มอีก 46 ขบวน 184 ตู้ เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นทั้งในเส้นทางปัจจุบัน (หมอชิต-แบริ่ง และสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ-บางหว้า) และในเส้นทางส่วนต่อขยายไปสมุทรปราการและคูคต
ปัจจุบัน บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ มีรถไฟฟ้าทั้งสิ้น 52 ขบวน 208 ตู้ หากขบวนรถไฟฟ้าใหม่ส่งมอบครบตามกำหนด (ภายในปี 2563) ก็จะทำให้ BTS มีจำนวนรถไฟฟ้าทั้งหมด 98 ขบวน 392 ตู้ จะเห็นได้ว่า จำนวนรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัว เป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออย่างดียิ่งของภาคเอกชนกับรัฐบาลในการที่จะร่วมพัฒนาโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ให้มีความสมบูรณ์ ซึ่งเป็นนโยบายหลักที่รัฐบาลมุ่งส่งเสริมให้มีการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
เมื่อการเดินทางสะดวกสบายไปไหนมาไหนก็คล่องตัว คนก็อยากไปเที่ยวมากขึ้น ใช้จ่ายกันมากขึ้น เศรษฐกิจก็จะดีไปตามๆกันทั่วทุกหนแห่ง เรียกว่าฝนตกทั่วฟ้า เพราะรถไฟฟ้ากำลังจะไปหาตัวเธอนะคะ
แหล่งข่าว : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันอังคารที่ 24 พ.ค. 2559
ขอขอบคุณรูปภาพ : http://homewithdream.com/wp-content/uploads/2013/12/BTS.jpg