CEO ARTICLE
“มาตรา 44”
เอะอะ อะไร ๆ ก็จะให้ใช้มาตรา 44
มาตรา 44 คืออะไร ???
ประเทศเวลานี้ยังมีความจำเป็นต้องใช้มาตรา 44 หรือไม่ ???
ตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา หัวข้อข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ สื่อออนไลน์ และทีวีต่าง ๆ มักมีข่าวความต้องการให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 จัดการเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้เด็ดขาดลงไป
คนที่เรียนหรือคนที่รู้กฎหมายก็พอจะเข้าใจว่า มาตรา 44 คืออะไร ส่วนคนที่ไม่รู้ก็ได้แต่ฟัง ๆ อ่าน ๆ และผ่านสายตาไป
หากจะมองว่า มาตรา 44 คืออะไร แล้วมีความจำเป็นต่อประเทศไทยในเวลานี้หรือไม่ วิธีการง่าย ๆ ก็ให้ดูนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน
เพียงไม่กี่วันที่ขึ้นมาดำรงค์ตำแหน่ง โดนัล ทรัมป์ก็ใช้อำนาจประธานาธิบดีสั่งห้ามคนจาก 7 ประเทศมุสลิมประกอบด้วย อิรัก ซีเรีย ลีเบีย อิหร่าน โซมาเลีย ซูดาน และเยเมน เข้าสหรัฐเป็นเวลา 90 วันทันที
การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ไม่ใช่ว่าประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่าง ๆ หรือข้าราชการที่ทำงานประจำจะใช้อำนาจได้ตามอำเภอใจ
อำนาจต้องมีที่มา และ
อำนาจต้องมีขอบเขต มีข้อจำกัด
ระบบประชาธิปไตยไม่ยอมให้ใครมีอำนาจล้นฟ้าทำอะไรก็ได้ ส่วนที่มาของอำนาจก็ต้องมาจากประชาชน หรืออ้างอิงกับประชาชน
ความหมายง่าย ๆ คือ อำนาจต้องมาจากกฎหมาย หรือมาจากรัฐธรรมนูญ และ
กฎหมายหรือรัฐธรรมนูญก็ต้องมาจากการร่างโดยประชาชน หรือตัวแทนที่ประชาชนเลือกมาให้ทำหน้าที่
ในแต่ละยุคสมัยที่ผ่านมา เราจึงได้เห็นบรรดาท่าน ส.ส., ส.ว., สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ไม่ว่ามาจากการเลือกตั้งของประชาชน หรือมาจากการแต่งตั้งของผู้มีอำนาจต่างก็ขะมักเขม้นออกกฎหมาย แก้กฎหมาย หรือร่างรัฐธรรมนูญกันเรื่อยมา
เป้าหมายก็คือ การสร้างอำนาจ วิธีการใช้อำนาจ การกำหนดขอบเขตอำนาจ การถ่วงดุลและการตรวจสอบการใช้อำนาจให้เป็นไปตามเจตนารมณ์
ก็เจตนารมณ์ของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยนั่นละ
การที่โดนัล ทรัมป์ใช้อำนาจสั่งห้ามคนของ 7 ประเทศมุสลิมเข้าประเทศได้ ทรัมป์ก็ต้องได้อำนาจจากรัฐธรรมนูญของสหรัฐ
แล้วก็อย่างที่กล่าวข้างต้น อำนาจต้องมีขอบเขต ต้องมีการถ่วงดุล และมีการตรวจสอบ
พอคำสั่งนี้ออกไป ข่าวแจ้งว่า มีชาวมุสลิมของ 7 ประเทศนั้นได้รับผลกระทบถึง 218 ล้านคน การคัดค้านจึงเกิดขึ้น
อัยการสูงสุดของสหรัฐ 7 คน ต่างก็ออกมาระบุว่า คำสั่งนี้ไม่เป็นตามรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้ผู้พิพากษาในบางรัฐออกมาสั่งคุ้มครองเพื่อยับยั้งคำสั่งนี้ไว้ก่อน
ขณะที่นางแซลลี เยตส์ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ออกมาปกป้องผู้เดือดร้อนจากคำสั่งของทรัมป์ด้วยการไม่ยอมรับคำสั่งจนเธอเองต้องถูกปลดออกจากตำแหน่ง
นี่คือตัวอย่างการใช้อำนาจ การถ่วงดุล และการตรวจสอบของประเทศที่ขึ้นชื่อว่า มีสิทธิ มีเสรีภาพตามระบอบประชาธิไปไตยมากประเทศหนึ่ง
ทรัมป์ขยับซ้ายก็ติดขอบ ขยับขวาก็เจอตอ มันวุ่นวายขนาดนี้ที่อาจกระทบต่อการบริหารประเทศที่แสดงให้เห็นข้อจำกัดของอำนาจ
ส่วนเรื่องนี้จะจบอย่างไร คอการเมืองก็ต้องติดตามกันต่อไป
หากประเทศไทยจะประกาศแบบนี้บ้าง หรือจะประกาศอะไรสักอย่างหนึ่งที่ต้องการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เช่น ย้ายหรือปลดข้าราชการ ตรวจสอบการทุจริต หรืออื่น ๆ เป็นต้น
อะไรจะเกิดขึ้น ???
วันนี้ประเทศไทยก็มีรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว แม้จะไม่ได้ร่างโดยตัวแทนประชาชนแต่ก็ถือร่างโดยตัวแทนของผู้มีอำนาจในเวลานี้
ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และข้าราชการก็มีอำนาจจำกัด มีการถ่วงดุล และมีการตรวจสอบเหมือน ๆ กับนานาอารยประเทศทั้งหลายในระบอบประชาธิปไตย
นี่คือสิ่งที่คณะรัฐประหารชุดล่าสุดกำหนด
ดังนั้น หากนายกรัฐมนตรีจะสั่งการแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มันก็จะตามมาด้วยการคัดค้าน การร้องต่อศาลปกครอง ให้คุ้มครอง การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย และอะไรต่อมิอะไรที่จะตามมาเหมือนอย่างที่ทรัมป์โดน
แต่ประเทศไทยเวลานี้มีปัญหามากเหลือเกิน ปัญหาส่วนใหญ่ก็เกิดจากระบบที่ล่าช้า การขบเหลี่ยมของกฎหมายด้วยกันเอง มันคงไม่ทันกาลแน่หากจะเดินกันตามระบบ
ความรวดเร็ว ความเด็ดขาดคือสิ่งที่ประเทศไทยต้องการในเวลานี้
รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวก็เลยมอบอำนาจที่เด็ดขาดนี้ให้กับหัวหน้า คสช. หรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติให้สามารถสั่งการเด็ดขาดเหนือกฎหมาย เหนือตุลาการ
เอาให้เข้าใจง่าย ๆ หัวหน้า คสช. ใช้อำนาจนี้เมื่อไหร่ ใครจะร้องต่อศาล ไปฟ้องค่าเสียหาย หรือจะขัดขืนอย่างไรภายใต้กฎหมายปกติก็เป็นอันหมดสิทธิ์ไป
อำนาจภายใต้กฎหมายนี้ก็คือ อำนาจตามมาตรา 44 ที่ว่านี้
เผอิญว่าหัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรีมีชื่อว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาเหมือนกัน เป็นคน ๆ เดียวกัน คนที่ไม่ค่อยเข้าใจกฎหมายก็อาจคิดว่า นายกฯ มีอำนาจล้นฟ้า
จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่
มันเป็นเรื่องของความเข้าใจเท่านั้น
ส่วนใครที่คิดว่า อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดที่ไม่มีการถ่วงดุล ไม่มีการตรวจสอบแบบนี้ไม่ดี สู้แบบสหรัฐที่มีการถ่วงดุลไม่ได้ก็คงได้แต่คิดไว้ในใจและคงต้องรอให้มีรัฐธรรมนูญใหม่ที่ไม่มีมาตรา 44 แล้วเท่านั้น
ตรงกันข้าม คนที่คิดว่าประเทศไทยเวลานี้ยังจำเป็นต้องอำนาจแบบมาตรา 44 ไว้ก่อนก็อาจส่งเสียงเชียร์ออกมาได้
มันนานาจิตตังตามประชาธิปไตยแบบไทย ๆ และนี่คือที่มาและความสำคัญของอำนาจตามมาตรา 44
ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร
ปล. รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 มาตรา 44 บัญญัติไว้ว่า
ในกรณีที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเห็นเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ การส่งเสริมความสามัคคีและความสมานฉันท์ของประชาชนในชาติ หรือเพื่อป้องกัน ระงับหรือปราบปรามการกระทำอันเป็นการบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยหรือความมั่นคงของชาติราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดินไม่ว่าจะเกิดขึ้นภายในหรือภายนอกราชอาณาจักร ให้หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติมีอำนาจสั่งการระงับยับยั้ง หรือกระทำการใด ๆ ได้ ไม่ว่าการกระทำนั้นจะมีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหาร หรือในทางตุลาการ และให้ถือว่าคำสั่งหรือการกระทำ รวมทั้งการปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว เป็นคำสั่งหรือการกระทำ หรือการปฏิบัติที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญนี้และเป็นที่สุด ทั้งนี้ เมื่อได้ดำเนินการดังกล่าวแล้ว ให้รายงานประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและนายกรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว
The Logistics
Best if Used By ควรบริโภคก่อน…
ก่อนรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารหรือเครื่องดื่มต่างๆ ทุกครั้ง เชื่อว่าทุกคนต้องดูฉลากก่อนอย่างแน่นอน เพื่อดูว่าสินค้า/ผลิตภัณฑ์นั้นจะหมดอายุวันที่เท่าไหร่ซึ่งเรามักจะพบคำว่า Expiry Date (วันหมดอายุ) ปรากฏอยู่ที่ภาชนะ แต่ต่อจากนี้เราคงจะได้เจอกับคำว่า Best if Used By กันมากขึ้นแล้วล่ะค่ะ เพราะว่าเป็นกฎระเบียบใหม่ทางการค้าสำหรับสินค้ากลุ่มอาหาร ในการระบุวันหมดอายุรูปแบบใหม่ ซึ่งขณะนี้ในหลายประเทศได้นำกฎระเบียบนี้มาบังคับใช้กันแล้ว ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยเองก็ควรต้องเตรียมปรับแผนการผลิตสินค้าให้สอดคล้องกับข้อบังคับใหม่นี้ด้วยเช่นกัน
หมายเหตุ: Best if Used By (date) หมายถึง วันที่ที่ผู้บริโภคควรบริโภคสินค้า/ผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้รสชาติและคุณภาพที่ดีที่สุด (แต่ไม่ได้หมายความว่า สินค้าจะเสียทันที ถ้าหากเกินวันที่นั้นๆไป)
นอกจากนี้ เทรนด์อาหารโลกที่กำลังมาแรงคือกลุ่มสินค้าอาหารเพื่อสุขภาพ และอาหารเพื่อผู้สูงอายุ และคาดว่าจะเป็นกลุ่มสินค้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงถือเป็นโอกาสอันดี ที่ผู้ประกอบการไทยจะพัฒนาสินค้าและขยายตลาดในกลุ่มนี้
ขณะเดียวกัน การตลาดออนไลน์ก็เข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำวันของคนยุคใหม่ ผู้บริโภคสนใจหาข้อมูลสินค้าผ่านสื่อออนไลน์เป็นหลัก ฉะนั้นผู้ประกอบการไทยควรรุกทำการตลาดออนไลน์เพิ่มขึ้น และปรับบรรจุภัณฑ์ (packaging) ให้มีความสวยงาม สะอาด ทันสมัย มีความคิดสร้างสรรค์ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
แหล่งที่มา : หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์





