SNP NEWS

ฉบับที่ 548

Follow Us :     เพิ่มเพื่อน  

CEO ARTICLE

นโยบายแห่งรัฐ

‘สงครามการค้าสหรัฐ-จีน’ ระอุ !

ตลอดปีที่ผ่านมา ข่าวสหรัฐกับจีนทำสงครามการค้าตอบโต้กันปรากฎหน้าสื่อจนเป็นที่ตกใจในวงกว้างกระทั่งถึงช่วงปลายปีค่อยซาลงโดยไม่มีใครรู้ว่าจะระเบิดขึ้นอีกเมื่อไร ???

ยกตัวอย่าง ประชาชาติออนไลน์ลงหัวข้อข่าวข้างต้นภายหลังทรัมป์ลงนามรีดภาษีนำเข้าจากจีนกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ที่ส่งผลกระทบต่อสินค้าถึง 1,300 รายการ รวมถึงเหล็กและอะลูมีเนียม (https://www.prachachat.net/world-news/news-134320)

ข่าวแจ้งว่า กระทรวงพาณิชย์จีนได้ประกาศตอบโต้ทันทีด้วยการตั้งกำแพงภาษีสินค้าราว 128 รายการ มูลค่าราว 3,000 ล้านดอลล่าร์

นี่คือตัวอย่างการตอบโต้ด้วยกำแพงภาษีระหว่าง 2 ประเทศที่มีท่าทีร้อนระอุ ทั้งที่โลกเข้าสู่ยุค FTA ไปนานแล้ว

ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ของไทยก็ประกาศว่า ปี 2561 นี้ จีนกำลังทะยอยลดภาษีนำเข้าลงไปเรื่อย ๆ ตามกรอบข้อตกลง FTA อาเชี่ยน-จีน

การลดภาษีทำให้สินค้าไทยส่งออกสู่จีนมากขึ้น และลดโอกาสการไหลทะลักของสินค้าจีนเข้าสู่ไทยให้น้อยลง (http://www.thansettakij.com/content/245092)

นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปี 2561 ที่ผ่านมา

ใครจะไปรู้ว่า วันนี้ภาษีกำลังจะกลายเป็นอาวุธแทนระเบิด ภาพที่ว่านี้แม้จะไม่ชัดเจน แต่คนทั่วโลกก็พอจะมองออก

กำแพงภาษีเป็นเรื่องนโยบายของแต่ละประเทศที่จะนำออกใช้

ประเทศใด ไม่ว่าจะกำหนดนโยบายแห่งรัฐอย่างไรก็ตาม ประเทศอื่นก็มักได้ผลกระทบไม่มากก็น้อย บ้างได้รับโดยตรง บ้างได้รับโดยอ้อม บ้างได้รับทางบวก และบ้างก็ได้รับทางลบ

ไม่ต้องดูอื่นไกล เอาแค่ประเทศไทย ปี 2561 ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ตลาดทุนวิเคราะห์ว่า หุ้นที่อยู่ในแดนลบส่วนหนึ่งเกิดจากความหวาดกลัวต่อท่าทีสหรัฐที่แสดงออกต่อจีน

นี่คือนโยบายระหว่างประเทศที่ส่งผลลบต่อไทย

เวลานี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นที่ไหนล้วนกระทบไปทั่วโลก ทั้ง ๆ ที่นโยบายแห่งรัฐหลายเรื่องที่เกิดขึ้นในปี 2561 ก็ยังไม่ได้เข้าสู่การปฏิบัติอย่างจริงจังด้วยซ้ำไป

ผลกระทบเหล่านี้ มักลุกลามไปสู่ระบบการค้า การลงทุน การขนส่ง และ Logistics

คนทำธุรกิจการค้าย่อมไม่มีทางเลือกอื่นใด เมื่อรัฐใดประกาศนโยบายออกมา อาการตื่นตัว ติดตามข้อมูล ประเมินสถานการก็ย่อมเกิดตามมาไม่มากก็น้อย

นี่ผลของนโยบายแห่งรัฐ หรือนโยบายสาธารณะ

บางประเทศที่ผู้นำขาดธรรมภิบาล มีธุรกิจทับซ้อน หากต้องการซื้อหุ้นตัวหนึ่งในราคาถูกก็เพียงให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแสร้งให้สัมภาษณ์อะไรสักเรื่องที่ตีความว่า อาจเป็นนโยบายแห่งรัฐแต่ส่งผลลบต่อหุ้นตัวนั้น

เพียงเท่านี้ เพียงเท่านี้จริง ๆ ผลกระทบจะส่งผลต่อหุ้นตัวที่ต้องการทันที

หุ้นเริ่มถูกขายเพื่อลดความเสี่ยง เมื่อหุ้นถูกขายโดยกลุ่มแรก กลุ่มต่อ ๆ มาก็ต้องขายตามเพื่อลดความเสี่ยง เมื่อการขายมากขึ้น ราคาก็จะค่อย ๆ ปรับลงตามหลักเศรษฐศาสตร์

กว่าจะรู้ข้อมูลที่แท้จริง กว่าจะเข้าใจว่าไม่ใช่นโยบายแห่งรัฐ

มันก็กินเวลาไปหลายชั่วโมง หรือหลายวัน แต่ส่งผลให้ราคาหุ้นตัวนั้นร่วงลงและถูกบุคคลที่ต้องการช้อนซื้อในราคาถูกไปเรียบร้อยแล้ว

จีนลดภาษีมีหลักการ มีเหตุผล และบางเรื่องก็เป็นไปตามกรอบข้อตกลงการค้าเสรี ขณะที่สหรัฐประกาศขึ้นภาษีจีนก็เป็นไปตามนโยบายที่ทรัมป์หาเสียงในตอนต้นและเริ่มเข้าสู่การปฏิบัติ

ไม่มีใครรู้ว่า มาตรการของทรัมป์จะส่งผลกระทบต่อประชาชนสหรัฐเองและประเทศอื่นในปี 2562 นี้จะมากขึ้นไปอีกหรือไม่ และจะส่งผลในทางลบหรือในทางบวกแค่ไหน ???

ไม่มีใครรู้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐในปีนี้อาจดีขึ้นจนทรัมป์ยกเลิกมาตรการที่ใช้ตอบโต้เมื่อไหร่ ???

ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่อาจเกิดหรืออาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ในปี 2562 นี้

นโยบายแห่งรัฐ บางครั้งก็เรียก นโยบายสาธารณะ ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องการเมืองที่มุ่งหวังผลประโยชน์ทางใดทางหนึ่งในทางการเมือง

เมื่อเป็นเรื่องการเมือง ส่วนใหญ่จึงมักมีนักการเมืองเป็นผู้กำหนด

ในเมื่อเป็นเรื่องการเมือง แต่นโยบายแห่งรัฐเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบ และเป็นเรื่องที่นักธุรกิจทั้งในและระหว่างประเทศ ผู้ประกอบการขนส่ง และ Logistics ต้องเฝ้าติดตามเพื่อให้ได้ประโยชน์ (Benefit) และหลีกเลี่ยงโทษ (Cost) ที่อาจเกิดขึ้น

ขณะเดียวกัน นโยบายแห่งรัฐบางเรื่องก็อาจเพื่อประโยชน์ส่วนรวมโดยแท้จริง บางเรื่องก็อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน บางเรื่องอาจกำหนดแล้วยกเลิกในเวลาอันรวดเร็ว หรือบางเรื่องอาจเป็นเรื่องบทสัมภาษณ์ ข่าวลือ หรือไม่จริงเลยก็มี

ประเทศไทยเวลานี้กำลังจะมีการเลือกตั้ง และกำลังจะมีการปรับปรุงนโยบายแห่งรัฐมากขึ้น เช่น การเพิ่มมาตราการการปราบปรามการทุจริตในวงราชการ

สหรัฐและจีนอาจเปลี่ยนท่าทีดีต่อกันในวันหนึ่ง นโยบายแห่งรัฐของ 2 ประเทศอาจเปลี่ยนตาม แต่สำหรับประเทศไทยต่อให้เปลี่ยนรัฐบาลใหม่ แต่การต่อต้านการทุจริตคงไม่เงียบหายไปแน่

เครื่องยนต์ถูกจุดติดมาหลายปี ประชาชนเฝ้าติดตามคงไม่ยอมแน่

ใครจะไปคาดคิดว่า การโกงเงินคนจน คนชรา ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาสทางสังคมที่ทำกันมาเป็นสิบ ๆ ปีโดยไม่มีใครรู้ แล้วอยู่ ๆ วันหนึ่งก็มาตายจากนักเรียนฝึกงานกลุ่มหนึ่ง

วันนี้ ผู้ประกอบการที่พึ่งพาการทุจริตในวงราชการไม่ว่าจะเป็นการซื้อ การขาย การนำเข้า หรือการส่งออกจึงน่าจะสังเกตให้ออก

การโผล่ผลุดขึ้นมาแต่ละเรื่องส่วนใหญ่มาจากเหตุไม่คาดฝันทั้งสิ้น

ไม่ว่านโยบายแห่งรัฐในปี 2562 จะคงเดิมอย่างแกร่งกร้าว จะอ่อนลง หรือจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร ผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คงหนีไม่พ้นผู้ประกอบการ และผู้ให้บริการ Logistics ทั่วไป

ดังนั้น การปรับปรุงวิธีการบริหารองค์กรให้สอดคล้องกับนโยบายแห่งรัฐจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้บริหารยุคใหม่ต้องเร่งดำเนินการ

การปล่อยให้การบริหารเป็นแบบเก่าที่ได้ประโยชน์จากการทุจริตในวงราชการโดยไม่มองนโยบายแห่งรัฐจึงกลายเป็นสิ่งอันตรายที่ควรหลีกเลี่ยงในปี 2562

ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร

ปล. นโยบายแห่งรัฐ หรือนโยบายสาธารณะ (Public Policy) คือ แนวทางการปฏิบัติ รวมถึงกิจกรรมที่ทางรัฐบาลเลือกที่จะกระทำ หรือไม่กระทำโดยมุ่งเน้นเพื่อผลประโยชน์ของส่วนรวมและต่อสังคมเป็นหลัก ซึ่งเป็นผลผลิดที่มาจากระบบการเมืองโดยนโยบายสาธารณะจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

(www.เกร็ดความรู้.net/นโยบายสาธารณะ)

 

LOGISTICS

เซี่ยงไฮ้ยกระดับระบบการจัดเก็บภาษีธุรกิจแบบครบวงจร
 
ท่าเรือขนส่งสินค้านครเซี่ยงไฮ้ ตั้งอยู่ทางตอนกลางของจีนติดชายฝั่งของทะเลจีนใต้ (East China Sea) และปากแม่น้้าแยงซีเกียงซึ่งถือเป็นจุดยุทธศาสตร์การเดินเรือที่สำคัญ อีกทั้งยังถือเป็นแหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญของชาวจีน ท่าเรือขนส่งสินค้านครเซี่ยงไฮ้ ได้พัฒนาเติบโตอย่างรวดเร็วในเวลา 40 ปีมานับตั้งแต่การปฏิรูปและเปิดประเทศ ซึ่งในเดือนมกราคม ปี 2003 สำนักงานขนส่งสินค้าทางเรือนครเซี่ยงไฮ้แต่เดิมได้ถูกจัดตั้งเป็นองค์กรท่าขนส่งสินค้านครเซี่ยงไฮ้ และได้ก่อตั้งเป็นบริษัทท่าขนส่งสินค้า นครเซี่ยงไฮ้จำกัดในเดือน มิถุนายนปี 2005 ก่อนที่จะได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 26 ตุลาคม 2016
ท่าขนส่งหลักของบริษัทท่าขนส่งสินค้าเซี่ยงไฮ้มีปริมาณและสัดส่วนการขนส่งตู้สินค้าเป็นอันดับหนึ่ง 8 ปีซ้อนนับตั้งแต่ปี 2010 และถือเป็นบริษัทท่าขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ในด้านการใช้ระบบอัตโนมัติมาจัดระบบตู้คอนเทนเนอร์ นับตั้งแต่การพัฒนาเขตท่าเรือน้ำลึกหยางซานระยะที่ 4 ในปี 2017 บริษัทขนส่งสินค้าเซี่ยงไฮ้ก็ได้ทุบสถิติปริมาณการขนส่งตู้สินค้าอีกครั้ง โดยมีการส่งตู้สินค้ามาตรฐานจำนวนมากถึง 40.23 ล้านตู้ โดยอันดับสองได้แก่ประเทศสิงคโปร์ จำนวนการส่งขนส่งอยู่ที่ 6.5 ล้านตู้ ปลายปี 2017 บริษัทท่าขนส่งสินค้าเซี่ยงไฮ้มีปริมาณสินทรัพย์รวมถึง 1.142 แสนล้านหยวน กำไรสุทธิ 1.153 หมื่นล้านหยวน ซึ่งคิดเป็นประมาณร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิจากบริษัทท่าขนส่งสินค้าทางเรือทั้งประเทศ บริษัทท่าขนส่งสินค้าเซี่ยงไฮ้ถือเป็นบริษัทประเภทการขนส่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และเป็นหนึ่งในบริษัทท่าขนส่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นาย Guo Li Zhong ผู้จัดการฝ่ายฝ่ายการเงิน บริษัทท่าขนส่งสินค้าเซี่ยงไฮ้จำกัด กล่าวว่า การที่บริษัทสามารถเจริญก้าวหน้ามาในตลอดระยะเวลา 40ปีที่ผ่านมานี้ได้นั้น มีความเกี่ยวเนื่องโดยตรงกับการปฏิรูปแผนการเปิดกว้างประเทศและนโยบายสิทธิพิเศษในการเก็บภาษีของรัฐบาลจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วง 10ปี ที่ผ่านมา มีการออกนโยบายปลอดภาษีธุรกิจในเขตปลอดภาษีท่าขนส่ง Yang Shan นโยบายการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม นโยบายการปลอดภาษีบริการข้ามพรมแดนและนโยบายลดหย่อนภาษีอื่นๆ ซึ่งสามารถลดภาระการจ่ายภาษีไปได้ถึง 66.8% ในขณะเดียวกันนั้นยังช่วยผลักดันให้บริษัทก้าวหน้าไปในทางที่ดีขึ้นอีกด้วย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ กรมสรรพากร นครเซี่ยงไฮ้ ได้สนับสนุนการดำเนินเรื่องภาษีผ่านระบบอินเตอร์เนต ซึ่งปัจจุบัน ระบบอินเตอร์เนตได้ครอบคลุมขั้นตอนการดำเนินงานทั่วไปเกือบทั้งหมดแล้ว ในส่วนของระบบ“ออกใบเสร็จภาษีผ่านอินเตอร์เนต+บริการจัดส่งEMS” ก็ได้มีการเริ่มใช้งานขึ้นในปี 2017
ประเทศจีนในปัจจุบันได้ก้าวเดินเข้าสู่ใจกลางเวทีการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ดังนั้นการตื่นตัวต่อสภาพแวดล้อมภายนอกและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ก็เป็นเรื่องจำเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบริษัทรายใหญ่ในเขตเสรีทางการค้าอย่างบริษัทขนส่งสินค้า เซี่ยงไฮ้ นาย Guo Lizhong กล่าวว่า บริษัทขนส่งสินค้าเซี่ยงไฮ้และกรมสรรพากรควรจะต้องทุบกำแพงเก่าและเปิดกว้างช่องทางการเชื่อมโยงและดำเนินการ ปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่ความยุ่งเหยิงทางเศรษฐกิจ และคว้าโอกาสในการพัฒนาธุรกิจบนโลกยุคใหม่
เขตปลอดอากร Wai Gao Qiao แห่งนครเซี่ยงไฮ้ ถือว่าเป็นเขตปลอดอากรแห่งแรกของจีนนับตั้งแต่การเปิดประเทศ บริษัท Carl Zeiss (Shanghai) Co., Ltd ถือเป็นหนึ่งในบริษัทต่างประเทศเจ้าแรกที่จัดตั้งในเขตปลอดอากร Wai Gao Qiao และหลังจากผ่านการพัฒนามาเกือบ 20 ปี ปัจุบันจึงได้กลายมาบริษัทด้านการลงทุนแบบครบวงจร และยังเป็นบริษัทสาขาหลักอีกด้วย ซึ่งไม่นานมานี้ทางบริษัทก็ได้ขยายธุรกิจไปยังประเทศเยอร์มัน ซึ่งมีตลาดใหญ่เป็นอันดับที่สองรองจากเซี่ยงไฮ้ จำนวนรายจ่ายภาษีจาก 1.96 ล้านหยวน ในปี 2000 ก็ได้เพิ่มขึ้นเป็น 2.9 ร้อยล้านหยวนในปี 2017
เขตปลอดอากร Wai Gao Qiao เริ่มใช้ระบบดำเนินขั้นตอนแบบไร้กระดาษ เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินการคืนภาษีส่งออก ซึ่งได้เริ่มใช้ระบบดังกล่าวในเขตการค้าเสรีเซี่ยงไฮ้เป็นที่แรก และทดลองใช้กับบริษัท Carl Zeiss ( Shanghai) เป็นบริษัทแรกเช่นกัน การดำเนินขั้นตอนคืนภาษีส่งออกโดยใช้ระบบแบบไร้กระดาษ สามารถลดหย่อนเวลาจาก 20 วันทำการเหลือเพียง 5 วันทำการ ถือเป็นการประหยัดแรงและเวลาเป็นอย่างมาก นอกเหนือจากนี้ สำนักงานสรรพากรท้องถิ่นได้เริ่มดำเนินระบบผ่านช่องทางเดียว ทำให้สามารถดำเนินขั้นตอนได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่าการคืนภาษีส่งออกแก่บริษัท Carl Zeiss ( Shanghai) จากปี 2013 จนถึงปัจจุบัน ได้มีการคืนภาษีเป็นจำนวนเงินถึง 80.07 ล้านหยวน
นาย Cui Qin ผู้จัดการฝ่ายภาษีของบริษัท Carl Zeiss ( Shanghai) เผยว่า เดือนพฤษภาคมปี 2014 ทางบริษัทได้จดสัญญาซื้อเครื่องวัดชิ้นงานละเอียด 3 มิติกับบริษัท Carl Zeiss (Germany) และทำการจัดส่งสินค้าจากกรุงเบอร์ลิน เยอรมันสู่เซี่ยงไฮ้ ทั้งยังได้ทำพิธีการจ่ายภาษีนำเข้าเป็นจำนวน 5.6 แสนหยวน ในเดือนพฤษภาคม ปี 2015 แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้เกิดปัญหาในระหว่างการดำเนินขั้นตอนการยื่นเรื่องขอลดหย่อนภาษี สืบเนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทาง Carl Zeiss ( Shanghai) ก็ได้ประสานติดต่อกับสำนักงานสรรพากรในทันที ซึ่งปัญหาดังกล่าวก็ได้รับการแก้ไขในเวลาอันรวดเร็ว
หลังจากปี 2015 ระบบการลดหย่อนภาษีได้เปลี่ยนจากการที่องค์กรจะต้องผ่านการตรวจตราและรอการอนุมัติ เป็นการทำการพิจารณาและตรวจตราด้วยตนเองโดยยึดหลักเกณฑ์การตรวจตราตามเอกสาร “แนวทางการปฎิบัติเพื่อขอสิทธิลดหย่อนภาษีสำหรับองค์กร” และมีการแก้ไข “แนวทางการปฎิบัติ”ดังกล่าวอีกครั้งในปี 2018 หน่วยงานสรรพากรเซี่ยงไฮ้ประกาศว่า การดำเนินนโยบายแบบลัดนั้นมีประโยชน์ในการเพิ่มความสะดวกและรวดเร็วในการปฎิบัติงาน ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถเสริมประสิทธิภาพและคุณภาพขององค์กรต่างๆไปในตัวได้อีกด้วย เพราะองค์กรต่างๆจะต้องทำความเข้าใจในนโยบายและแนวทางการปฏิบัติอย่างถ่องแท้
ที่มา http://www.ditp.go.th