CEO ARTICLE
4 กุมาร
พอเอ่ยคำว่า “4 กุมาร” ในทางการเมืองวันนี้ย่อมหมายถึง คุณอุตตม สาวนายน คุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ คุณสุวิทย์ เมษินทรีย์ และคุณกอบศักดิ์ ภูตระกูล
4 กุมารเข้ามาโดยการชักนำของคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ทั้งหมดได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐและอยู่ในข่าวที่จะถูก ส.ส. ของ พปชร. ต่อต้านการเป็นรัฐมนตรีต่อไป
วันนี้ ทั่วโลกต่างจากอดีตมากจากสถานการณ์ Covid-19 จำนวนผู้ติดเชื้อสูงถึง 12 ล้านคนและมีทีท่าว่าจะพุ่งไปมากกว่า 13 ล้านคนอย่างก้าวกระโดดในเร็ววันนี้
ออสเตรเลียปลอดการระบาดภายในประเทศคล้ายไทย แต่แล้วจู่ ๆ ก็พบผู้ติดเชื้อใหม่จากภายในประเทศหลายสิบราย ซึ่งกว่าจะสืบรู้ว่าติดเชื้อจากสถานที่กักตัวของผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศก็เป็นเวลาหลายวันเชื้อกระจายจนต้องประกาศล็อกดาวน์เมืองเมลเบิร์นรอบสอง
แล้วไม่คาดฝันวันนี้ ประเทศไทยที่ปลอดการระบาดภายในมาเกือบ 50 วัน ก็มีทหารอียิปต์ติดเชื้อมาพักโรงแรมและเดินห้างในระยอง และลูกเจ้าหน้าที่ทูตที่พักในคอนโดหรูย่านสุขุมวิทจนอาจต้องเกิดการล๊อกดาวน์รอบสองที่ทำให้คนไทยหวั่นไปทั่ว
เศรษฐกิจทั่วโลกดิ่งเหว ทุกวันจะมีประกาศปลดคนและปิดกิจการเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้คนตกงานมากยิ่งขึ้น คนไม่มีเงินมากยิ่งขึ้น แบบนี้เศรษฐกิจไทยไม่มีทางดีกว่าประเทศอื่นไปได้
ในอดีต เราอาจเคยใช้ระบบข้าราชการ (Bureaucratic System) ขับเคลื่อนประเทศได้ เราอาจเอาใครมาเป็นรัฐมนตรี (รมต.) บริหารประเทศก็ได้ แต่สถานการณ์เศรษฐกิจที่ดิ่งเหววันนี้กลับแตกต่างไปมาก ประเทศไทยวันนี้ต้องการนักบริหารมืออาชีพที่มีอุดมการณ์เท่านั้น
คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามาบริหารประเทศในยุคคุณทักษิณ ชินวัตร มีประวัติการเป็นนักบริหารองค์กรเอกชนขนาดใหญ่ที่ประสบความสำเร็จมาก่อน เมื่อมาบริหารประเทศก็เคียงบ่ากับคุณทักษิณ มีผลงานมาก และเมื่อได้รับเชิญจาก พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็นำพาเศรษฐกิจประเทศท่ามกลาง Covid-19 มาถึงทุกวันนี้
ส่วน 4 กุมารข้างต้นก็มีประวัติไม่ต่างกัน หากจะนับว่าทั้ง 4 ท่านเป็นนักบริหารมืออาชีพที่มีอุดมการณ์ และมีประวัติความสำเร็จก็คงกล่าวได้อย่างเต็มปาก
แต่ด้วยระบบการเมืองไทยและด้วยรัฐธรรมนูญเกือบทุกฉบับกำหนดให้การทำหน้าที่ของ รมต. ต้องถูกตรวจสอบโดย ส.ส. ผ่านการอภิปรายไว้วางใจ คนเป็น รมต. จึงต้องมี ส.ส. เป็นลูกทีมคอยยกมือสนับสนุนผ่านการลงมติไว้วางใจ
แม้นายกรัฐมนตรีจะมีอำนาจในการเสนอผู้ใดเป็น รมต. แต่หากบรรดาท่าน ส.ส. ไม่เอาด้วย รมต. นั้นก็ทำงานต่อไม่ได้
มันเป็นการคานอำนาจไม่ให้ รมต. ทำการสิ่งใด ๆ ที่ไม่ชอบในทางทฤษฏี แต่ในทางปฏิบัติกลับทำให้ รมต. ต้องดูแล ส.ส. ลูกทีม ต้องเลี้ยง ส.ส. ด้วยปัจจัยต่าง ๆ
ภาพที่เราเห็นจนชินตาคือ ส.ส. ในแต่ละพรรคจะรวมตัวกันเป็นกลุ่มก๊วน ใครเป็นหัวหน้ากลุ่มก๊วนที่ดูแลลูกทีมได้ดีก็จะได้รับการเสนอชื่อให้เป็น รมต. ระบบโควต้าจึงเกิดขึ้น
ระบบโควต้าจึงกลายเป็นของกลุ่มก๊วนหรือของพรรคอย่างที่กล่าวอ้าง
การบริหารประเทศไทยจึงไม่ต่างอะไรไปจากฟาร์มฝึกลิงที่ต้องเลี้ยงดู แต่อย่างน้อยลิงก็ยังฝึกให้เก็บมะพร้าวและเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจได้ นี่คือการเมืองแบบ Old Normal
ในอดีตเคยมีแนวคิดจะแก้ไขโดยกำหนดให้ ส.ส. มีหน้าที่ออกกฎหมายและแก้ไขกฎหมายอย่างเดียวเพื่อให้ฝ่ายรัฐบาลนำกฎหมายนั้นมาบังคับใช้ ให้ข้าราชการทุกกระทรวงนำกฎหมายนั้นมาดูแลประชาชน โดยแนวคิดนี้จะห้าม ส.ส. เป็น รมต.
แต่อย่างว่า ใครล่ะจะตรวจสอบการทำงานของ รมต.
สุดท้าย ระบบและรัฐธรรมนูญก็วนกลับมาที่เดิม คือ ส.ส. เป็น รมต. ได้ จนเกิดเป็นระบบโควต้าเพื่อกลุ่มก๊วน เพื่อพรรคการเมือง แต่กลับไม่ใช่โควต้าเพื่อประชาชน
ประเทศไทยวันนี้จึงได้เห็นนักการเมืองส่วนหนึ่งที่เก่งเลี้ยงลิง เก่งฝึกลิง แต่ไม่เก่งด้านการบริหารแบบมืออาชีพ ไม่มีอุดมการณ์ เข้ามาเป็น รมต. และต้องเลี้ยงดูกลุ่มก๊วนอย่างที่เห็นโดยจะเรียกนักการเมืองแบบนี้ว่า “ผู้มีบารมี”
บางครั้งหัวหน้ากลุ่มก๊วนมีบารมีไม่มากพอก็ไปแอบอ้างนำชื่อคนมีบารมีมากกว่ามาใช้ เช่น การอ้างคุณทักษิณก็มีให้เห็นอย่างไร้อุดมการณ์
ในความเป็นจริงนักการเมืองที่มีความเป็นมืออาชีพด้านการบริหารก็มีอยู่ เพียงแต่การต้องมาเลี้ยงลิง ฝึกลิง ในที่สุดก็ทำให้ความเป็นนักบริหารมืออาชีพที่หันมาเอาดีทางการเมืองต้องเดินผิดทาง อุดมกาณ์กลายพันธ์ มีคดีติดตัว และถูกตำหนิติเตือนอย่างที่เห็นหลายรายทุกวันนี้
วันนี้ เสียงขู่ พล.อ. ประยุทธ์ ให้ปลด 4 กุมารและคุณสมคิดจึงดังขึ้นเรื่อย ๆ โดยนำระบบโควต้าของกลุ่มก๊วนหรือของพรรคมาต่อรอง
หาก พล.อ. ประยุทธ์ จะแก้เกมด้วยการนัดพบฝ่ายค้านเพื่อขอข้อมูลในการบริหารราชการ ให้มีการพบปะกันทุกไตรมาส ให้มีการประนีประนอมกัน ก็เชื่อว่าการเมืองที่ห่ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตายก็น่าจะลดความร้อนแรงลง การกดดันจาก ส.ส. ทุกฝ่ายก็น่าจะลดลงไม่ต่างกัน
ทั้งนี้เพราะจะทำให้การสลับขั้วเพื่อจัดตั้งรัฐบาลก็อาจเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ จนถึงการยุบสภาที่ทำให้ทุกคนต้องเหนื่อยกับการเลือกตั้งใหม่
วันนี้ ความเป็นพรรคเทพ พรรคมาร การแยกสีเสื้อ การแบ่งฝ่ายประชาธิปไตย หรือฝ่ายเผด็จการควรหมดไปจากประเทศไทยได้แล้ว การอ้างเป็นฝ่ายก็เพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพร้องเท่านั้น ประเทศชาติไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ จากการอ้างเหล่านี้เลย
ความน่ากลัวของการแพร่ระบาด Covid-19 รอบ 2 อาจเกิดขึ้นตามอย่างออสเตรเลียง่าย ๆ การตกงาน การปิดกิจการ และเศรษฐกิจที่ตกแล้วจะยิ่งตกต่ำลงโดยมีประชาชนเป็นผู้รับกรรมจากการแย่งชิงอำนาจของ ส.ส.
ประชนชนที่อยากได้นักบริหารมืออาชีพมาเป็น รมต. ก็ภาวนาให้ 4 กุมารและคุณสมคิดได้บริหารประเทศต่อไป ส่วนคนที่ยอมรับการเมืองแบบ Old Normal ก็หวังว่า การปรับ รมต. ในครั้งนี้และทุกโอกาสต่อไปก็ขอให้ใครก็ตามที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี โปรดเลือกจากนักบริหารมืออาชีพที่มีอุดมการณ์เพื่อประเทศชาติเท่านั้น
หากทำได้แค่นี้ ความเจริญก้าวหน้าก็จะค่อย ๆ เกิดขึ้นเอง และถือเป็นบุญของประชาชนตาดำ ๆ และประเทศไทยแล้ว
ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร
อ่านบทความอื่นที่เขียนโดย ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร ได้ที่ http://snp.co.th/e-journal/
Logistics
กานซูเร่งพัฒนาการขนส่งทางอากาศต่อเนื่อง นำเข้าผลไม้ไทยไม่ต้องผ่านเมืองหน้าด่าน
ภายหลังที่สนามบินนานาชาติหลานโจวจงชวน ได้รับการอนุมัติให้เป็นด่านนำเข้าผลไม้เมื่อปี 2562 ล่าสุด เมื่อ 27 พ.ค. 2563 สายการบิน LanMei Airlines ของกัมพูชา เปิดเที่ยวบินขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ กทม. – กรุงพนมเปญ – นครหลานโจว รอบปฐมฤกษ์ บรรทุกผลไม้ไทยสู่นครหลานโจว ถือเป็นสัญญาณดีของผู้บริโภคท้องถิ่นที่สามารถลิ้มลองรสชาติผลไม้ไทยสดใหม่ จากเดิมที่ผลไม้นำเข้ามักเป็นการขนส่งจากเมืองหน้าด่าน ผ่านการกระจายสินค้าที่นครซีอาน มณฑลส่านซีไปยังนครหลานโจว ซึ่งใช้เวลาขนส่งทางรถยนต์ราว 4-5 วัน
เที่ยวบินขนส่งสินค้าฯ ในครั้งนี้ ได้บรรทุกมังคุดไทยน้ำหนัก 15 ตัน มูลค่าราว 23,300 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งหมดผ่านกระบวนการตรวจสอบโดยศุลกากรนครหลานโจวและ สนง. ตรวจสอบและกักกันโรคนครหลานโจวแบบครบวงจร ณ สนามบินนานาชาติหลานโจวจงชวน นอกจากนี้ พบข้อมูลเที่ยวบิน ขนส่งผลไม้จากกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มอีก 5 เที่ยวบินภายในเดือน ส.ค. 2563 แสดงให้เห็นถึงความต้องการการบริโภคผลไม้เมืองร้อนของผู้บริโภคชาวหลานโจวได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ นครหลานโจวยังได้รับอานิสงส์ส่งออกผลไม้เมืองหนาวไปยังประเทศไทยอีกด้วย ล่าสุด ได้ส่งออกแอปเปิ้ลจาก อ. หลี่ ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกแอปเปิ้ลที่มีชื่อเสียงของมณฑลกานซู และเป็น 1 ใน 5 พื้นที่สาธิตเกษตรปลอดภัยของมณฑลกานซูไปยังประเทศไทย โดยนอกจากสามารถส่งออกแอปเปิ้ลไปยังประเทศไทยและประเทศกลุ่มอาเซียนแล้ว แอปเปิ้ลจาก อ. หลี่ ยังได้เริ่มส่งออกไปยังรัสเซียและอินเดียอีกด้วย
อนึ่ง ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา สนามบินนานาชาติหลานโจวจงชวนได้รับการยกระดับในการเป็นด่านนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศได้โดยตรง นอกเหนือจากการเป็นด่านนำเข้าผลไม้แล้ว เมื่อ ม.ค. 2562 สนามบินนานาชาติหลานโจวจงชวนได้รับการอนุมัติให้เป็นด่านนำเข้าเนื้อสัตว์และสัตว์น้ำแช่แข็ง เมื่อ ก.พ. 2563 ได้รับการอนุมัติให้เป็นด่านนำเข้าเมล็ดพันธุ์ผักและดอกไม้จากต่างประเทศเพื่อเพาะเป็นต้นกล้าสำหรับการส่งออกเป็นแห่งแรกของประเทศ และเมื่อ 27 เม.ย. 2563 ได้รับการอนุมัติให้สามารถนำเข้าสัตว์มีชีวิต ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการปศุสัตว์ของมณฑลกานซูเป็นอย่างมาก โดยได้มีการนำเข้าพ่อพันธุ์แกะและแกะนมสายพันธุ์ดีจากออสเตรเลียกว่า 1,494 ตัว มูลค่า 2.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำมาใช้พัฒนาและปรับปรุงสายพันธุ์แกะท้องถิ่น
อย่างไรก็ดี แม้ว่าปัจจุบันจะสามารถขนส่งสินค้าทางอากาศมายังนครหลานโจวได้โดยตรง แต่พบว่าเที่ยวบินที่เปิดให้บริการขนส่งสินค้าและเที่ยวบินระหว่างประเทศของสนามบินฯ นั้นยังมีจำนวนน้อย ข้อมูลจาก Western Airport Group Logistics Company ระบุว่า เที่ยวบินขนส่งสินค้าของสนามบินฯ มีเพียงไม่กี่เส้นทาง อาทิ เส้นทางการขนส่งนครหลานโจว – กทม. นครหลานโจว-ฮานอย นครหลานโจว-ดูไบ นครหลานโจว-ธากา นครหลานโจว – เมือง Nha Trang เวียดนาม นครหลานโจว – กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย และนครหลานโจว-เมลเบิร์น ซึ่งเป็นเที่ยวบินเฉพาะกาล และมีเที่ยวบินขนส่งสินค้าในประเทศนครหลานโจว-นครซีอาน นครหลานโจว-อูรุมชี-นครหังโจว นครหลานโจว-นครเทียนจิน-นครหนานจิง เท่านั้นที่เป็นเที่ยวบินประจำ และเนื่องด้วยผลกระทบของวิกฤต COVID 19 ในอนาคตสนามบินฯ มีแนวโน้มทยอยเปิดเส้นทางการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารในประเทศมากขึ้น โดยเมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2563 LongJiang Airlines ได้เปิดเที่ยวบินนครฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง – นครหลานโจว มณฑลกานซู – นครอูรุมชี เขตฯ ซินเจียงอุยกูร์รอบปฐมฤกษ์ เพื่อรองรับช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึงและยังสามารถให้บริการขนส่งสินค้าได้อีกด้วย
ที่มา : https://thaibizchina.com
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!