CEO ARTICLE
มาตรฐานสูง
กฎหมายกำหนดมาตรฐานนักการเมืองให้สูงขึ้น ประชาชนจะได้ประโยชน์จริงหรือ ?
นักการเมืองเป็นผู้ที่เข้ามาจัดสรรเงินภาษีแต่ละปีนับล้าน ๆ บาท รับผิดชอบความอยู่รอดของประเทศชาติ สร้างความกินดีอยู่ดีให้ประชาชนนับล้าน ๆ คน และพัฒนาประเทศ
นักธุรกิจผู้หนึ่งอาจผิดพลาดได้ ขาดทุนได้ ล้มละลายได้ ความเสียหายก็อาจอยู่ระดับ 10 ล้าน 100 หรือ 1,000 ล้านบาท และนักธุรกิจที่ผิดพลาดก็ยังฟื้นกลับขึ้นใหม่ได้
แต่นักการเมืองที่บริหารผิดพลาดแม้เพียงเล็กน้อย ความเสียหายจะหนักที่อาจถึงแสนล้าน หรือล้าน ๆ บาท หรืออาจส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของประชาชนในวงกว้างทั้งประเทศ
ยิ่งหากมีส่วนให้ประเทศล้มละลาย ความเสียหายก็ยิ่งมากจนไม่อาจประเมินค่าได้
มาตรฐานของนักการเมืองจึงต้องสูงกว่าอาชีพอื่น ผู้ใดซุกหุ้น ซุกทรัพย์สิน เคยถูกจำคุก มีลักษณะที่อาจสร้างผลประโยชน์ทับซ้อนจะถูกกฎหมายคัดให้ออกจากการเมือง คนไทยที่มีความรู้ ความสามารถมีมาก การคัดคนที่บกพร่องออกส่วนหนึ่งจะสร้างโอกาสให้คนที่ไม่บกพร่องมากขึ้น
รัฐธรรมนูญ 2540 เริ่มมีลักษณะเช่นนี้ แต่ยังไม่ชัดเจน เมื่อคุณทักษิณ ชินวัตร ถูกกล่าวหาซุกหุ้นจึงรอดจากศาลรัฐธรรมนูญด้วยคะแนนเฉียดฉิว 8:7
รัฐธรรมนูญ 2550 ละเอียดขึ้น คุณสมัคร สุนทรเวช รับเงินค่าจ้างเอกชนเพื่อทำรายการทีวีตั้งแต่ก่อนและขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้ค่าจ้างเป็นเงินเล็กน้อย แต่ก็มีลักษณะลูกจ้าง สามารถให้คุณ ให้โทษนายจ้าง เป็นผลประโยชน์ทับซ้อน ทำให้ขาดคุณสมบัติ และถูกคัดออก
รัฐธรรมนูญ 2560 ลงรายละเอียดมากขึ้น มี พรบ. ประกอบรัฐธรรมนูญประเด็นปลีกย่อยที่รวมถึงการเจ้าของหรือถือหุ้นสื่อใด ๆ จนทำให้คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนักการเมืองอีกหลายท่านต้องถูกคัดออกจากการเมือง
แน่นอนว่าบุคคลเหล่านี้มีความรู้ มีความสามารถ แต่พลาดนิดเดียวก็ถูกกฎหมายคัดออก
หากจะเปรียบง่าย ๆ ก็คล้ายการแข่งขันฟุตบอลระดับโลกที่ FIFA (ฝรั่งเศส: Federation Internationale de Football Association) กำหนดกฎเกณฑ์หยุมหยิมให้มีมาตรฐานสูง มีใบแดง ใบเหลือง ตัวสโมสรและนักฟุตบอลต้องรู้ เตรียมตัว และต้องปรับตัวก่อนเข้าเล่น
การคัดนักการเมืองที่สร้างการได้เปรียบ หรืออาจสร้างผลประโยชน์ทับซ้อนออกไปก่อนจึงเป็นการป้องกันเหตุร้าย และเป็นการสร้างโอกาสที่ดีให้ประชาชนได้นักการเมืองที่ดีมากขึ้น
แต่การเมืองไม่ใช่ฟุตบอลที่ผู้ชมสามารถมองเห็นผู้เล่นได้ตลอดเวลาของการแข่งขัน
การเมืองลึกลับ ซับซ้อน คลุมเคลือ มีแต่การแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ สามารถสร้างจินตนาการหมู่ให้เกิดความหลงไหล ทำให้คนหมู่มากยินดีทำทุกอย่างเพื่อคนผู้หนึ่ง (All for One) สามารถดึงประชาชนให้ออกมาประท้วงเต็มท้องถนน ทำให้ประชาชนดีใจ และข้องใจได้ง่าย ๆ
ยิ่งองค์กรอิสระผู้ทำหน้าที่กรรมการคอยตัดสินนักการเมือง แต่ยึดกรอบกฎหมายมากเกินไปจนอาจดูมาตรฐานไม่สูงเท่านักการเมืองก็ยิ่งทำให้ประชาชนข้องใจมากขึ้น
ตัวอย่างการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. 2566 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รู้ทั้งรู้ว่ามีการใช้ IO (Information Operation) ปั่นข่าวเท็จ ข่าวลวง มีการทำผิดกฎหมาย รู้ทั้งรู้ว่าผู้ใดควรถูกตัดสิทธิ์ เขตใดควรให้เลือกตั้งใหม่ และรู้ทั้งรู้ว่าการประกาศรับรอง ส.ส. 500 คนไปก่อน และไปสอยภายหลังภายใน 1 ปี จะทำให้ผลการเลือกประธานสภาฯ และนายกรัฐมนตรีเกิดจาก ส.ส. ที่ส่วนหนึ่งขาดคุณสมบัติ แต่ กกต. ก็ปล่อยไปก่อน ไม่เร่งสร้างความชัดเจน
ปัจจุบัน ประชาชนแตกแยกมาก แบ่งเป็น 2 ฝ่ายเข้าบูลลี่ ห่ำหั่นหนัก การไม่เร่งสร้างความชัดเจนย่อมทำให้ประชาชนกลุ่มหนึ่งชอบใจ ได้ประโยชน์ อีกกลุ่มหนึ่งเสียประโยชน์ ข้องใจ
ตรงกันข้าม หากเร่งสร้างความชัดเจนก็ทำให้ประชาชนกลุ่มหนึ่งชอบใจ ได้ประโยชน์ ส่วนอีกกลุ่มเสียประโยชน์ ข้องใจ ไม่ว่า กกต. จะเลือกทางใดก็มีประชาชนชอบใจ และข้องใจทั้ง 2 ด้าน
ไม่มีใครรู้ว่าการที่ กกต. เลือกทอดเวลาออกไปเป็นการลดอุณหภูมิความขัดแย้งหรือไม่
แต่การปล่อยให้ ส.ส. ที่ขาดคุณสมบัติจำนวนมากได้โอกาสเลือกประธานสภาฯ และนายกรัฐมนตรีอันเป็นตำแหน่งสูงสุดของประเทศ เป็นตำแหน่งทรงเกียรติกลับทำให้การเมืองซับซ้อนขึ้น ขาดความสง่างามมากขึ้น และทำให้มาตรฐานขององค์กรอิสระดูไม่สูงเท่านักการเมือง
มาตรฐานนักการเมืองที่สูงขึ้นจึงดูเป็นประโยชน์ที่ไม่ชัดเจน แต่หากผลักดันองค์กรอิสระ อัยการ ตำรวจ และระบบราชการต่าง ๆ ให้มีมาตรฐานสูงด้วย ไม่ยึดกรอบกฎหมายมากเกินไปจะให้ประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า ชัดเจนกว่า และสัมผัสได้มากกว่า.
ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร
👉 Home and Health … https://www.inno-home.com
👉 Art and Design …… https://www.cose.life
อ่านบทความอื่นที่เขียนโดย ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร ได้ที่ http://snp.co.th/e-journal/
Date Published : July 11, 2023
Logistics
เวียดนามวางแผนผลักดันท่าเรือขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ระหว่างประเทศ Can Gio นครโฮจิมินห์
โครงการท่าเรือขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ระหว่างประเทศ Can Gio ที่วางแผนไว้ของนครโฮจิมินห์ได้รับการเสนอให้เพิ่มในแผนแม่บทสำหรับการพัฒนาระบบท่าเรือของเวียดนามภายในปี 2573
กระทรวงคมนาคมของประเทศเวียดนาม กำลังรวบรวมความคิดเห็นจากกระทรวงและหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้องในการเสริมและปรับแผนแม่บทในการพัฒนาระบบท่าเรือของเวียดนามในช่วงปี 2564-2573 โดยมีวิสัยทัศน์ถึงปี 2593 โครงการนี้ยังได้รับการเสนอให้เป็นหนึ่งในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่มีความสำคัญซึ่งจะดำเนินการภายในปี 2566
จากข้อมูลของคณะกรรมการการเดินเรือเวียดนามการวางแผนสถานการณ์ได้รับการพัฒนาให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของมติสํานักการเมืองในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของภูมิภาคและท้องถิ่น โดยบรรลุเป้าหมายการพัฒนาในแต่ละภูมิภาคและแต่ละท้องถิ่น การปรับแผนแม่บทเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้สอดคล้องกับแผนแม่บทแห่งชาติและความต้องการในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเวียดนามในปัจจุบัน
เมื่อท่าเรือขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ระหว่างประเทศ Can Gio เสร็จสมบูรณ์ ท่าเรือในนครโฮจิมินห์จะเป็นไปตามเกณฑ์สำหรับการจัดประเภทของท่าเรือพิเศษตามบทบัญญัติใหม่ของประมวลกฎหมายการเดินเรือเวียดนามฉบับแก้ไขในปี 2558
จากข้อมูลของกระทรวงการวางแผนและการลงทุน ระบบท่าเรือสองแห่งในนครโฮจิมินห์ และจังหวัด Ba Ria – Vung Tau มีเป้าหมายให้เป็นเมืองท่าพิเศษของภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ โดยทำหน้าที่เป็นจุดขนถ่ายสินค้าระหว่างประเทศหรือท่าเรือเกตเวย์ระหว่างประเทศ
ด้วยเงินลงทุนรวมประมาณ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ โครงการนี้อยู่ระหว่างการศึกษาของ Vietnam Maritime Corporation (VIMC) และ Mediterranean Shipping Company (MSC) ซึ่งเป็นบริษัทขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
โครงการนี้มีความจุที่ออกแบบไว้ที่ 15 ล้าน TEUs ทั้งสองฝ่ายกำลังทำงานอย่างหนักกับพันธมิตรต่างชาติเพื่อสรุปแผนการลงทุนและการดำเนินงาน โดยโครงการนี้เป็นส่วนเสริมของระบบท่าเรือ Cai Mep–Thi Vai ไม่ใช่การแข่งขันเพื่อทำให้ระบบท่าเรือที่มีอยู่อ่อนแอลง
หมายเหตุ: จัดทำโดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครโฮจิมินห์
วิเคราะห์ผลกระทบ
เวียดนามเองให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการขนส่งทางทะเลเป็นอย่างมาก มีการวางแผนระยะยาวสำหรับการลงทุนเพื่อสร้างและส่งเสริมระบบการขนส่งผ่านท่าเรือเพื่อจะเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ เพราะประเทศเวียดนามมีข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ด้านการขนส่งทางทะเล เนื่องจากมีชายฝั่งที่ยาวตั้งแต่เหนือจรดใต้ และเวียดนามมีท่าเรือที่สามารถรองรับเรือขนาดใหญ่หลายแห่ง โครงการท่าเรือขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ระหว่างประเทศ Can Gio นครโฮจิมินห์ ที่กำลังผลักดันบรรจุในแผนแม่บทดังกล่าว จะเข้ามาช่วยเสริมระบบท่าเรือ Cai Mep –Thi Vai จ.บ่าเรีย หวุงเตา ซึ่งเป็นท่าเรือที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของเวียดนาม ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และเพิ่มการเชื่อมโยงระบบโครงข่ายการเดินเรือในภาคใต้ของเวียดนามระหว่างท่าเรือสำคัญทั้งสองแห่ง คือ ท่าเรือ Cat Lai นครโฮจิมินห์ และท่าเรือ Cai Mep –Thi Vai จ.บ่าเรีย หวุงเตา
นำเสนอโอกาส/แนวทาง
การวางแผนพัฒนาท่าเรือขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ ของนครโฮจิมินห์ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของท่าเรือต่างๆ ในการรองรับปริมาณสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าเรือนครโฮจิมินห์เป็นท่าเรือสำคัญรองรับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ รวมถึงจากไทย เข้ามากระจายไปยังภูมิภาคต่างๆ ของเวียดนาม หากท่าเรือขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าวแล้วเสร็จจะช่วยอำนวยความสะดวกการขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์ในนครโฮจิมินห์ เนื่องจากท่าเรือ Can Gio ดังกล่าวตั้งอยู่ห่างจากนครโฮจิมินห์ 1.30 – 2 ชั่วโมง
ที่มา: https://www.ditp.go.th/post/137629
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!