CEO ARTICLE
ลูกสาวแห่งชาติ
ลิซ่าควรได้รับการยกย่องให้เป็นลูกสาวแห่งชาติหรือไม่ ?
วันนี้ คนทั่วโลกไม่มีใครไม่รู้จัก “ลิซ่า” น.ส. ลลิษา มโนบาล คนไทยชาวบุรีรัมย์
สัปดาห์ที่ผ่านมา ลิซ่าทำเยาวราชแทบแตก คนหลั่งไหลเข้าสู่เยาวราชมากขึ้นทั้งที่ปกติคนก็เข้ามากอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ทำชื่อเสียงประเทศไทยให้ดังยิ่งขึ้นด้วยเพลง Rockstar ที่มียอด 32 ล้านวิวในเวลา 23 ชั่วโมง สมเป็น Soft Power (MGR Online เผยแพร่ 29.06.67)
หากจะกล่าวว่าลิซ่าคือ Soft Power ของแท้ และเป็นที่ภาคภูมิใจของคนไทยก็คงไม่มีใครค้าน แต่รัฐบาลยังวุ่นวายหาสิ่งต่าง ๆ เพื่อโปรโมตให้เป็น Soft Power ไม่รู้จบ
ลิซ่าวางตัวธรรมดา เดินทางแบบคนธรรมดา แต่งกายเรียบง่าย มีแต่ยิ้มสยาม รอยยิ้มแบบไทย ๆ มีการไหว้ การพูด มีกิริยามารยาทงดงาม ได้ชื่อว่ารักเมืองไทย รักจริงด้วยการกระทำ ไม่ใช่รักด้วยปาก ทำอะไรก็มีแต่บ้านเกิดเมืองนอนจนควรยกย่องให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชน
คนต่างชาติส่วนใหญ่ยกย่องลิซ่า ยกเว้นเกาหลีใต้บางคนที่เหยียดความเป็นไทยของลิซ่า
หากรัฐบาลจะดึงลิซ่ามาเป็นพรีเซนเตอร์เพื่ออะไรสักอย่างก็ดูเหมือนโหนลิซ่า หรือให้มายุ่งกับการเมือง รัฐบาลต้องถูกประณามอย่างรุนแรงจากประชาชนที่หวงแหนลิซ่าแน่
แต่หากรัฐบาลเอาแต่นิ่งเฉย ไม่ทำอะไรสักอย่างให้กับลิซ่า รัฐบาลเองก็ดูจะใจจืดใจดำจนเกินไป และจะถูกประชาชนที่รักและหวงแหนลิซ่าเข้ามาโจมตีรัฐบาลไม่รู้จบ
รัฐบาลโหนลิซ่าก็ถูกประณาม รัฐบาลทำเป็นทองไม่รู้ร้อนก็ถูกโจมตี
แต่หากรัฐบาลโดยกระทรวงวัฒนธรรมจะยกย่องลิซ่าให้เป็น “ลูกสาวแห่งชาติ” ให้เป็นน้อง เป็นพี่ เป็นลูก เป็นหลาน และเป็นเสี่ยวของคนไทยทุกคนตามการยกย่องในโลกโซเซียล ให้สมกับที่ทุกคนหวงแหน แบบนี้คนไทยทุกคนต้องยินดีรับลิซ่าเป็นเสี่ยวแน่
ลูกสาวแห่งชาติไม่ใช่ตำแหน่งทางการอะไร ไม่ว่าใครก็เป็นลูกสาว หรือลูกชายแห่งชาติได้ หากทำสิ่งดีงามให้ประเทศมาก ๆ และควรเปลี่ยนพาสปอร์ตให้ลูกแห่งชาติทุกคนเพื่อความสะดวก เป็นเกียรติ เป็นศักดิ์ศรี และเป็นการตอกหน้าคนเกาหลีใต้บางคนที่เหยียดลิซ่าไปในตัว
พาสปอร์ตที่เสนอให้เปลี่ยนคือจากเล่ม “สีแดงเลือดหมู” มาเป็น “สีแดงสด”
ปัจจุบัน กระทรวงการต่างประเทศแบ่งพาสปอร์ตออกมี 4 สี 4 ประเภท คือ
1. “สีแดงเลือดหมู” หนังสือเดินทางธรรมดาสำหรับประชาชนทั่วไป มีอายุการใช้งานไม่เกิน 5 – 10 ปี ฟรีวีซ่าได้ 33 ประเทศซึ่งเชื่อว่าปัจจุบัน ลิซ่าถือพาสปอร์ตประเภทนี้อยู่
2. “สีน้ำเงินเข้ม” หนังสือเดินทางสำหรับราชการ ไม่สามารถใช้ส่วนตัวได้ มีอายุการใช้งานไม่เกิน 5 ปี และฟรีวีซ่าได้ถึง 86 ประเทศซึ่งลิซ่าไม่ใช่ข้าราชการจึงไม่มีสิทธิ
3. “สีแดงสด” หนังสือเดินทางสำหรับการทูต เชื้อพระวงศ์ องคมนตรี มีอายุการใช้งานไม่เกิน 5 ปี และฟรีวีซ่าได้ถึง 86 ประเทศ
บุคคลที่สามารถถือพาสปอร์ต “สีแดงสด” แบ่งเป็น 14 กลุ่ม มีตั้งแต่พระบรมวงศ์และพระนัดดาในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นายกรัฐมนตรี ประธานศาลต่าง ๆ ผู้บัญชาการทหารต่าง ๆ ข้าราชการ คู่สมรส และกลุ่มที่ 14 “บุคคลอื่นใดเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการหรือภายใต้พันธกรณีระหว่างประเทศ หรือภายใต้สถานการณ์พิเศษที่มีความจำเป็น หรือเผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณของประเทศไทย”
ลิซ่าอยู่ในกลุ่มที่ 14 คือ บุคคลที่เผยแพร่ชื่อเสียงเกียรติคุณของประเทศไทย
4. “สีเขียว” หนังสือเดินทางชั่วคราว สำหรับพระและชาวมุสลิมเพื่อไปประกอบพิธี และมีอายุการใช้งานไม่เกิน 2 ปี
ลิซ่าจึงมีความเหมาะที่จะได้รับการยกย่องให้เป็น “ลูกสาวแห่งชาติ” และเหมาะสมที่จะได้รับพาสปอร์ต “สีแดงสด” ตามหลักเกณฑ์กลุ่มที่ 14 ของกระทรวงการต่างประเทศ
หากรัฐบาลยินยอมทำแบบนี้ หรือทำอย่างอื่นที่ไม่มากเกินไป ไม่ดูเป็นการโหนลิซ่า ไม่นิ่งเฉย มีหลักเกณฑ์ และส่งเสริมลิซ่าแต่พองามเพื่อให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เยาวชนไทย แบบนี้เชื่อว่า คนไทยทุกคนคงเห็นดีเห็นงาม และภาคภูมิใจร่วมไปด้วย
ข้อเสนอนี้เพื่อให้รัฐบาลทำอะไรสักอย่างให้สมกับความภาคภูมิใจของคนไทย.
ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร
for Home and Health,
please visit https://www.inno-home.com
อ่านบทความอื่นที่เขียนโดย ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร ได้ที่ http://snp.co.th/e-journal/
Date Published : July 2, 2024
Logistics
อุตสาหกรรมยานยนต์โปแลนด์โวย EU กรณีขึ้นภาษีรถไฟฟ้าจีน
หลังจากที่ European Commission (EC) ได้ประกาศปรับอัตราภาษีศุลกากรรถยนต์ไฟฟ้าประเภท Battery Electric Vehicles (BEVs) จากจีนเป็นการชั่วคราว โดยจะมีผลในวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 นั้น ส่งผลให้สมาคมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ของโปแลนด์ (Association of Automotive Parts Distributors and Producers – SDCM) แสดงความกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในโปแลนด์ และอาจจะเป็นการจุดฉนวนไปสู่การเกิด Trade war ระหว่างจีนและยุโรป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนจากต่างประเทศในโปแลนด์และต่อผู้ประกอบรายย่อยในอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยเช่นกัน โดยกรณีที่ร้ายแรงที่สุด นักลงทุนจากต่างประเทศที่ใช้โปแลนด์เป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า อาจพิจารณายกเลิกการลงทุนและถอนฐานการผลิตออกจากโปแลนด์
ข้อมูลเพิ่มเติม/ข้อคิดเห็นของสคต.
1. ปัจจุบันโปแลนด์ถือเป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่อันดับที่ 7 ของโลก มีมูลค่ารวมในปี 2566 ประมาณ 15พันล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 3.6 ของชิ้นส่วนยานยนต์โลก โปแลนด์เป็นฐานการผลิตและส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญของสหภาพยุโรป โดยมีจีนเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญมีสัดส่วนการส่งออกไปจีนถึงร้อยละ 30 ของการส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้ารวมของโปแลนด์
2. อัตราภาษีศุลกากรที่จะเริ่มจัดเก็บในวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 มีอัตราแตกต่างกันไปตามบริษัทผู้ผลิต โดยอยู่ที่ระหว่างร้อยละ 17.4 ถึงร้อยละ 38.1 สำหรับตลาดโปแลนด์ในปัจจุบันมีบริษัทยานยนต์ไฟฟ้าของจีนที่ทำตลาดอยู่แล้ว อาทิ BYD, Geely, MG และ SAIC เป็นต้น และมีราคาจำหน่ายเฉลี่ยต่ำกว่าผู้ผลิตจากสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 20 – 30 อย่างไรก็ตาม ลูกค้าชาวโปแลนด์ยังคงนิยมเลือกใช้ยานยนต์ไฟฟ้าจากสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมั่นใจในคุณภาพและบริการเป็นสำคัญ
ที่มา: https://www.ditp.go.th/post/175251
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!