CEO ARTICLE
ทุ่งสังหาร
นักการเมืองไทยเป็นอาชีพที่ต้องอยู่ในทุ่งสังหารหรือไม่ ?
“ทุ่งสังหาร” (Killing Fields) คือ สถานที่ที่มีคนจำนวนมากถูกสังหารในเชิงประจักษ์
ทุ่งสังหารในโลกนี้มีหลายแห่ง เช่น กัมพูชา จีน และมีหลายตำนาน เช่น ตำนานฆ่ากันเพื่อล้างเผ่าพันธ์ ตำนานการชิงดินแดน หรือการแย่งชิงอำนาจโดยมีบันทึกเป็นเรื่องราวให้ศึกษา
แล้วอยู่ ๆ ในวันนี้ประเทศไทยก็มีตำนานทุ่งสังหารเกิดขึ้น
แม้ไม่มีการเสียชีวิตจริง แต่ก็เป็นการสังหารให้ตายจากตำแหน่งทางการเมือง ถูกสังหารไปแล้วหลายราย เป็นตำนานให้เล่าขาน และมีบันทึกให้ศึกษาเชิงประจักษ์เหมือนกัน
ก่อนปี พ.ศ. 2540 นักการเมืองของไทยที่ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชนมาแล้ว เมื่อนึกจะทำอะไรก็ทำ การตรวจสอบจากภาคประชาชนมีน้อย กระบวนการทางยุติธรรมก็เข้าถึงลำบาก
หากมีการจับได้ ไล่ทัน และส่งฟ้องศาล การพิจารณาคดีเป็นระบบกล่าวหา ต้องมีพยาน มีหลักฐาน มีการนำเสนอ มีการซักค้าน ศาลทำได้แต่เพียงรับฟัง ไม่มีสิทธิถามให้สิ้นสงสัย
การพิจารณาจึงใช้เวลานานมาก มีการวิ่งเต้นไปทั่ว และพยานหลักฐานมักเอาผิดลำบาก
นักการเมืองใหญ่จะคอยช่วยนักการเมืองเล็ก ส่วนนักการเมืองเล็กมีหน้าที่ยกมือสนับสนุนนักการเมืองใหญ่ในสภาไม่ว่าระดับท้องถิ่น หรือระดับชาติ ทุกฝ่ายต่างก็เอื้อประโยชน์ให้แก่กัน
นักการเมืองจึงเหลิงอำนาจมาก ใครจะทำโครงการอะไร ใช้จ่ายเงินของประเทศอย่างไร จะมีการทุจริตมากแค่ไหนก็เอาผิดลำบาก การทุจริตจึงเป็นเรื่องปกติ ทุกคนมีผลประโยชน์ทับซ้อน
ส่วนประชาชนมีแต่ยากจนลงไปเรื่อย ๆ ส่งผลให้ประเทศขาดการพัฒนาเชิงระบบ
ในที่สุดก็เกิดรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ที่มีระบบตรวจสอบมากขึ้น และมีศาลรัฐธรรมนูญให้มีหน้าที่ตัดสินคดีความเกี่ยวกับการใช้อำนาจของนักการเมือง การมีผลประโยชน์ทับซ้อน และการขัดแย้งต่าง ๆ เกี่ยวกับการใช้รัฐธรรมนูญตามแบบอย่างหลายประเทศที่ใช้กัน
การพิจารณาใช้ระบบไต่สวนที่ให้อำนาจศาลฯ ในการแสวงหาข้อเท็จจริงให้สิ้นสงสัย
รัฐธรรมนูญดูดี แต่มีข้อเสีย พอเกิดการรัฐประหาร รัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2550 และ 2560 ก็แก้ไขข้อเสีย ยังให้มีศาลรัฐธรรมนูญที่ส่งผลให้นักการเมือง รัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีถูกตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งไปแล้วหลายคนคล้ายถูกสังหารชีวิตในทางการเมือง
ล่าสุดวันพุธที่ 14 ส.ค. 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยก็ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้จบชีวิตทางการเมืองในทุ่งสังหารแห่งนี้
ศาลรัฐธรรมนูญใช้อะไรเป็นอาวุธในทุ่งสังหาร ?
จากการติดตามการพิจารณาพบว่า รัฐธรรมนูญมีหลายหมวด แต่ละหมวดก็มีเจตนารมณ์ พฤติกรรมที่อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญจึงมีมาก อาวุธที่ศาลฯ ใช้สังหารจึงมีมาก แต่ที่เป็นตัวชูโรง เช่น
1. พฤติกรรมที่ขัดต่อมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
2. พฤติกรรมที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
3. การรับผลประโยชน์มากกว่ากฎหมายกำหนด การสร้างผลประโยชน์ทับซ้อน
4. การมีพฤติกรรมครอบงำพรรค
5. การเซาะกร่อนบ่อนทำลาย หรือล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
6. อื่น ๆ ที่น่าจะมีคำวินิจฉัยให้เห็นตามมา
คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กรที่ต้องนำไปปฏิบัติตาม
ผลของคำตัดสินจึงถูกโยงไปคดีอื่น ศาลอื่น และส่งผลให้นักการเมืองต้องถูกสังหารซ้ำด้วยดาบ 2 และดาบ 3 ที่อาจนำไปสู่การติดคุกจริง ทุ่งสังหารจึงหนักหนาสาหัสต่อนักการเมืองมาก
หากถามนักการเมืองที่ถูกสังหารว่า ผิดจริงหรือไม่ ?
ส่วนใหญ่จะตอบว่าไม่ผิด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ส่วนนักการเมืองที่ยังไม่โดนก็คิดสู้ ไม่ยอมนิ่งเฉยให้ตกเป็นเหยื่อสังหารรายต่อไป เมื่อมองอาวุธที่ใช้สังหารก็เห็น ๆ ศาลฯ นำมาจากรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ การสู้ของนักการเมืองจึงพอเห็นทาง
จากการติดตามพบว่า นักการเมืองจะใช้มือเปล่าเป็นอาวุธ จะรวมมือกันมาก ๆ ให้เป็นมติยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อถอดอาวุธ หรือขอยกเลิกศาลรัฐธรรมนูญออกไปจากระบบ
ไม่มีใครตอบได้ว่าจะทำได้หรือไม่ แต่ล่าสุด สภาฯ ก็มีมติเลือก น.ส. แพทองธาร ชินวัตร ที่มีอายุเพียง 37-38 ปี อ่อนประสบการณ์หลายด้านให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ตามมาด้วยเสียงคัดค้านท่ามกลางปัญหาสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองที่รุมเร้าประเทศไทย
ในเมื่อรู้แล้วว่า ศาลรัฐธรรมนูญใช้อาวุธอะไรในทุ่งสังหารแห่งนี้ นายกฯ คนใหม่น่าจะสู้ได้ หรือจะหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกสังหารโดยไม่พฤติตนให้เข้าทางอาวุธของศาลฯ ก็ได้
แต่อำนาจและผลประโยชน์ทางการเมืองหอมหวานแค่ไหน คนระดับชาวบ้านไม่รู้
แต่ที่รู้ ๆ นักการเมืองทุกคนต่างเข้าไปแสวงหา ส่วนใหญ่ถลำตัวเข้าไปถูกอาวุธสังหารเอง และทำให้นักการเมืองของไทยกลายเป็นอาชีพที่ต้องอยู่ในทุ่งสังหารอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คนที่เชียร์นายกฯ คนใหม่ก็ได้แต่ภาวนาให้เธอรอดจากทุ่งสังหาร แต่คนที่ไม่ชื่นชอบต่างก็มองทุกมุม และฟันธงว่า พฤติกรรมมากมายจะผลักเธอให้เข้าไปในทุ่งสังหารอย่างไม่รู้ตัว
ทุกอย่างคล้ายเกม แต่เป็นเกมของอำนาจและผลประโยชน์ที่นักการเมืองอยากได้ เกมที่มีชีวิตของชาวบ้านที่ส่วนใหญ่กินไม่อิ่ม อยู่ไม่สบายเป็นเดิมพัน และมีทุ่งสังหารที่ไม่มีใครรู้ว่าจะมีอีกกี่คนที่ต้องตายในทางการเมือง.
ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร
for Home and Health,
please visit https://www.inno-home.com
อ่านบทความอื่นที่เขียนโดย ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร ได้ที่ http://snp.co.th/e-journal/
Date Published : August 20, 2024
Logistics
มีใบ(ขับขี่)ไหม? ญี่ปุ่นออกกฎ ห้ามขี่ ‘กระเป๋าเดินทางไฟฟ้า’ เพราะผิดกฎหมายจราจร
พอจะคุ้นตากับกระเป๋าเดินทางแบบมีมอเตอร์ไฟฟ้า หรือกระเป๋าเดินทางที่สามารถขี่ได้กันบ้างไหม? กระเป๋าดังกล่าวนี้ เรามักจะพบเห็นได้บ่อยมากตามสนามบิน หรือตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่นเดียวกับในประเทศญี่ปุ่น
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า สนามบินหลักทั้ง 2 แห่งของญี่ปุ่นได้ขอให้ผู้เดินทางงดใช้กระเป๋าเดินทางแบบมีมอเตอร์ภายในสนามบินแล้ว โดยตำรวจกำลังเรียกร้องให้ผู้ค้าในประเทศเตือนลูกค้าเกี่ยวกับกฎหมายที่เข้มงวดเกี่ยวกับการใช้งานกระเป๋าเดินทางที่มีมอเตอร์นี้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กระเป๋าเดินทางแบบมีมอเตอร์ซึ่งคล้ายกับสกู๊ตเตอร์ของเด็ก แต่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ผู้เดินทาง อีกทั้งยังได้รับความนิยมจากหมู่คนดังด้วย
ตามข้อมูลของเกียวโด ระบุว่า ปัจจุบันญี่ปุ่นจัดประเภทกระเป๋าเดินทางแบบมีมอเตอร์ซึ่งเป็นที่นิยมนี้ว่าเป็น ‘ยานพาหนะที่มีมอเตอร์ที่สามารถขับขี่บนท้องถนนได้เฉพาะเมื่อมีอุปกรณ์ความปลอดภัยที่จำเป็น และใบขับขี่’
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ที่จังหวัดโอซากะ หญิงชาวจีนวัย 30 ปีคนหนึ่งที่มาเรียนต่อในญี่ปุ่น ถูกส่งตัวไปยังอัยการในข้อหาขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ โดยเธอขี่กระเป๋าเดินทางบนทางเท้าในโอซากะ เมื่อวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา
ภายใต้กฎจราจรของญี่ปุ่น กระเป๋าเดินทางของหญิงคนดังกล่าวซึ่งสามารถเดินทางได้เร็วถึง 13 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จัดอยู่ในประเภท ‘จักรยานยนต์’ เช่นเดียวกับรถมอเตอร์ไซค์บางรุ่น เจ้าหน้าที่ตำรวจเน้นย้ำกับประชาชนเมื่อเดือนมิถุนายนว่า จะต้องมีใบอนุญาตสำหรับกระเป๋าเดินทางเคลื่อนที่ดังกล่าว
ทาเครุ ชิบายามะ (Takeru Shibayama) นักวิทยาศาสตร์อาวุโสจากสถาบันขนส่ง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเวียนนา บอกว่า ยานพาหนะหลากหลายประเภทของญี่ปุ่นถูกจัดอยู่ในประเภทจักรยานยนต์ อาจบังคับให้ประเทศต้องหารือกันว่าควรมีการจัดประเภทใหม่หรือไม่ เพื่อจัดการกับกระเป๋าเดินทางไฟฟ้า
ญี่ปุ่นกำลังจัดการรูปแบบการขนส่งใหม่ๆ ซึ่งไม่นานมานี้ การละเมิดกฎจราจรที่เกี่ยวข้องกับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 4 เท่าในช่วง 6 เดือน หลังจากมีการผ่อนปรนข้อจำกัดในเดือนกรกฎาคม 2023 ซึ่งกฎดังกล่าวนี้อนุญาตให้ผู้ที่มีอายุมากกว่า 16 ปี ขับขี่ได้โดยไม่ต้องมีใบขับขี่ และปัจจุบันสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าก็กลายเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปในเมืองใหญ่อย่างโตเกียว
ที่มา: https://thematter.co/brief/229471/229471
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!