CEO ARTICLE

ประชาธิปัตย์ผลัดใบ

Published on October 14, 2025


Follow Us :

    

ประชาชนจะได้อะไรจากการผลัดใบของประชาธิปัตย์ ?

“ประชาธิปไตย” เป็นระบอบการปกครองที่ถูกออกแบบให้ประชาชนเป็นเจ้าของ
หลักการง่าย ๆ คือ ประชาชนมีเป็นล้าน ๆ คน และเป็นผู้จ่ายภาษี หากให้ประชาชนแย่งชิงเงินภาษีเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ ประเทศจะมีแต่ความขัดแย้งและพัฒนาไปอย่างไร้ทิศทาง
“ประชาธิปไตย” จึงกำหนดให้มีพรรคการเมืองเข้ามาชิงอำนาจรัฐเพืี่อบริหารประเทศแทนประชาชน ใช้อำนาจรัฐขับเคลื่อนประเทศไปในทิศทางที่ต้องการ สร้างการกินดีอยู่ดีให้ประชาชน
แต่มีเงื่อนไขว่า “พรรคการเมืองนั้นต้องเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง” มีประชาชนร่วมกันกำหนดนโยบาย และพรรคการเมืองก็ใช้นโยบายนั้นเป็นทิศทางขับเคลื่อนประเทศ
แม้พรรคการเมืองจะมีกลุ่มผู้ก่อตั้งก็ต้องส่งมอบให้เป็นพรรคของประชาชนโดยเร็ว
แต่นับตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 เป็นต้นมา พรรคการเมืองส่วนใหญ่ไม่ใช่ของประชาชนอย่างแท้จริง ส่วนใหญ่เป็นของผู้มีอิทธิพล หรือของนายทุนพรรค
วิธีการสังเกตง่าย ๆ คือ พรรคใดมีครอบครัว มีกลุ่มคน นายทุน หรือมีอิทธิพลอยู่เหนือผู้อื่น มีสิทธิ์ มีเสียงมากกว่าผู้อื่น หรือเป็นเจ้าของพรรค พรรคการเมืองนั้นย่อมไม่เป็นของประชาชน
ยิ่งพรรคใดมีการเล่นละครเพื่อสืบทอดผ่านสายโลหิต พรรคนั้นก็ยิ่งไม่เป็นของประชาชน
เมื่อพรรคการเมืองไม่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง นโยบายและการบริหารต่าง ๆ จึงมักมีผลประโยชน์ทับซ้อนจากเงินภาษี มีการทุจริตเลี้ยงดู ส.ส. ในพรรคให้เล่นละคร สร้างความร่ำรวยให้เจ้าของพรรคโดยอ้างผลประโยชน์ของประเทศเพื่อให้ประชาชนหลงเชื่อและเลือกพรรคของตน
หากต่างชาติจะแทรกแซงประเทศใดก็เพียงครอบงำพรรคการเมืองที่มีเจ้าของ ทำง่ายด้วยผลประโยชน์ ให้กำหนดนโยบาย ทำกฎหมาย และบริหารประเทศไปตามทิศทางที่ต่างชาติต้องการ
ประเทศใดมีพรรคการเมืองที่มีเจ้าของมาก ๆ ประเทศนั้นมีความเสี่ยงที่จะเสียดินแดน เสียทรัพยากร ถูกตักทวงผลประโยชน์โดยแบ่งปันกับเจ้าของพรรคการเมือง และเสียอธิปไตย
พรรคการเมืองที่มีเจ้าของส่วนใหญ่จึงเป็นบ่อเกิดแห่งความหายนะของประเทศ

พรรคประชาธิปัตย์ หรือ ปชป. ก็เป็นพรรคการเมืองที่ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2489
ปชป. มีกลุ่มทุน มีผู้อิทธิพลไม่ต่างจากพรรคอื่น แต่ที่ต่างกันคือ ปชป. ไม่มีครอบครัวใด ผู้มีอิทธิพล หรือกลุ่มทุนใดเป็นเจ้าของโดยเฉพาะ แต่มีคนหลายกลุ่มหมุนเวียนเข้ามายึดครอง
หากคนกลุ่มใดได้รับการสนับสนุนจากประชาชนและกรรมการบริหารพรรคตามระบบ คนกลุ่มนั้นก็สามารถยึดครอง ปชป. ได้ระยะเวลาหนึ่ง แต่เมื่อใดที่คนกลุ่มนี้ไม่ได้รับการสนับสนุน คนกลุ่มนี้จะลาออก และยอมให้คนกลุ่มอื่นที่ได้รับการสนับสนุนเข้ามาบริหารพรรคแทนที่
ปชป. จึงมีกลุ่มอิทธิพลไม่ต่างกัน แต่มีสภาพเป็นพรรคของประชาชนมากกว่าพรรคอื่น
ลูกแม่ค้า คนวัยเกษียณ และประชาชนที่มีความรู้ มีความสามารถ และได้รับการสนับสนุนจากประชาชนจึงสามารถเป็นหัวหน้า เป็นผู้บริหารพรรค และเป็นผู้บริหารประเทศในนาม ปชป. ได้ง่ายกว่าพรรคที่มีเจ้าของ แต่ ปชป. ก็ผ่านเรื่องผิด เรื่องถูกมามาก และมีการผลัดใบหลายครั้ง
วันเสารที่ 18 ต.ค. 2568 ก็เป็นอีกครั้งที่ ปชป. จะผลัดใบครั้งใหม่
ประชาชนที่มองการผลัดใบครั้งนี้เป็นการถ่ายอำนาจเหมือนพรรคการเมืองที่มีเจ้าของก็จะได้แต่มอง ไม่เห็นอะไร แต่หากเห็นระบบพรรคที่ ปชป. ไม่มีใครเป็นเจ้าของ ไม่มีสายโลหิต สมาชิกทุกคนมีสิทธิ์เท่ากัน มีการพูดคุยกัน ล๊อบบี้กันในหมู่สมาชิก และชิงอำนาจการนำพรรคกันเอง
ประชาชนจะเห็นระบบพรรคการเมืองที่ถูกต้อง และจะเห็นสิ่งแตกต่าง ดังนี้
1. ปชป. ไม่มีคนกลุ่มใดเป็นเจ้าของชัดเจน แต่เป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่มีการละครเพื่อส่งผ่านอำนาจบริหารพรรคซึ่งต่างจากพรรคที่มีเจ้าของ และเป็นผู้กำกับละครแต่ละบท
2. แม้ระบบพรรคจะซับซ้อน แต่เปิดเผย และเห็นที่มาของผู้บริหาร ต่างจากพรรคที่มีเจ้าของที่ผู้บริหารพรรคต้องมาจากเจ้าของพรรคเป็นผู้กำหนด แต่เล่นละครหลอกว่ามาจากประชาชน
3. ประชาชนได้เรียนรู้ระบบพรรคที่ไม่ใช่การละคร แม้จะมีการตกลงกันนอกรอบ แต่เป็นการตกลงกันในกลุ่มสมาชิกตามวิถีทางประชาธิปไตย ไม่ใช่ตกลงกันในครอบครัวแล้วมาเล่นละคร
ด้วยเหตุนี้ ปชป. จึงเป็นพรรคเก่าแก่ที่สุด มีอายุยืนยาวที่สุดถึง 80 ปี เป็นสถาบันที่นักการเมืองอดีตนิยมเข้ามาเรียนรู้ระบบพรรคจนเป็นที่ยอมรับของคนรุ่นเก่าหลาย Gen
แต่วันนี้ Gen ของคนเปลี่ยนไป คนรุ่นเก่าล้มหาย คนรุ่นใหม่แทนที่ ให้คุณค่าทางความคิด ความเปลี่ยนแปลง และแนวโน้มทางเศรษฐกิจนิยมมากกว่าคุณค่าของระบบพรรคการเมือง
ความใส่ใจว่าใครเป็นเจ้าของพรรค ระบบพรรค และอนาคตของประเทศจึงลดน้อยลง
ประชาธิปัตย์ผลัดใบครั้งนี้จึงเป็นอีกฉากที่น่ามอง พรรคการเมืองที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริงกำลังจะสูญพันธ์ หรือจะฟื้นคืนชีพให้คนรุ่นใหม่ได้เห็นระบบพรรคที่ถูกต้องต่อไป.

ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร

(พื้นที่โฆษณา)
โฉนดแลกเงินด่วน ดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.75% ต่อเดือน ถูกกฎหมาย
อนุมัติใน 3 วัน ทำสัญญาที่สำนักงานเขตที่ดิน ไม่เช็คบูโร
ติดต่อ https://inno-home.com/loan-lead/

อ่านบทความอื่นที่เขียนโดย ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร ได้ที่ https://snp.co.th/e-journal/

Date Published : October 14, 2025

Logistics

ตลาดรถไร้คนขับพุ่ง 182 พันล้านดอลลาห์สหรัฐ : GCC ผงาดเป็นศูนย์กลาง โอกาสทองของฐานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย

การปฏิวัติการเดินทางกำลังเกิดขึ้น!ภายในปี 2578 ตลาดยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ (FAVs) ของโลกเตรียมทะยานสู่มูลค่ามหาศาลที่ 182 พันล้านดอลลาห์ ดึงดูดสายตานักลงทุนและผู้ผลิตจากทั่วโลก โดยมีภูมิภาค คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ หรือ GCC เป็นดาวเด่นแห่งยุคใหม่ ด้วยศักยภาพการเติบโตที่คาดว่าจะสร้างมูลค่าเกือบ 19 พันล้านดอลลาห์ ภายในภูมิภาคเดียว!

รายงานเชิงลึกจาก Strategy& Middle East ชี้ชัดว่า ความเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่รถยนต์ ส่วนบุคคล แต่เป็นการยกเครื่องระบบขนส่งสาธารณะทั้งหมด ด้วยการมาถึงของ robo-taxis, robo-shuttles (รถรับส่งหุ่นยนต์) robo-buses (รถบัสหุ่นยนต์) และแม้กระทั่ง passenger drones (โดรนโดยสาร) มีศักยภาพที่จะปฏิวัติการขนส่งทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งพร้อมจะเข้าถึงผู้คนในการเดินทางอัตโนมัติผ่านเครือข่ายที่จะตอบสนองต่อความต้องการได้อย่างเต็มรูปแบบ

GCC: สนามทดลองแห่งอนาคตและอาณาจักร Robo-taxis
ภูมิภาค GCC โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซาอุดีอาระเบีย และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) กำลังใช้เงินทุนมหาศาลจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ และวิสัยทัศน์แห่งชาติอันทะเยอทะยาน เช่น Saudi Vision 2030 และ UAE Vision 2071 เพื่อสร้างพิมพ์เขียวเมืองแห่งอนาคต

แกนหลักของแผนการนี้คือโครงการขนาดใหญ่ (Giga-projects) อย่าง NEOM ซึ่งกำลังบุกเบิกการใช้งานเทคโนโลยีไร้คนขับด้วยการออกแบบเมืองที่มีช่องทางอัตโนมัติเฉพาะและศูนย์กลางการคมนาคมที่เป็นนวัตกรรมโครงการเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงการก่อสร้าง แต่คือ “สนามทดลอง” (Testing Grounds) ที่เปิดโอกาสให้หน่วยงานกำกับดูแลสามารถนำร่องและปรับปรุงระบบอัตโนมัติด้วยความยืดหยุ่นสูงกว่าเมืองแบบดั้งเดิม

Robo-taxis ได้รับการคาดการณ์ว่าจะกลายเป็น กลุ่มตลาดที่ใหญ่ที่สุด ในบรรดา FAVs ของ GCC โดยมีส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 10 พันล้านดอลลาห์ ภายในปี 2578 หรือคิดเป็นประมาณ 18% ของตลาดโลกที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งตอกย้ำถึงความพร้อมและความมุ่งมั่นของกลุ่มประเทศ GCC ในการก้าวขึ้นเป็น ผู้นำระดับโลก ในด้านการเดินทางอัตโนมัติ

Dr. Andreas Gissler หุ้นส่วนที่ Strategy& Middle East ระบุว่า GCC มีความพร้อมอย่างยิ่งที่จะคว้าโอกาส 19 ดอลลาห์นี้ไว้ได้ แต่สิ่งสำคัญคือการจัดการกับ สามจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ที่การเดินทางอัตโนมัติจะต้องผ่านก่อนที่จะได้รับการยอมรับในวงกว้าง

ความพร้อมสำหรับโครงการนำร่อง (Readiness for pilot projects) ซึ่งเป็นที่ที่เทคโนโลยีสามารถตรวจสอบความถูกต้องของตัวเองในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุม

ความพร้อมทางการค้า (Commercial readiness) ซึ่งเป็นจุดที่ระบบสามารถทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือในสถานการณ์จริงที่หลากหลาย และสามารถแข่งขันกับทางเลือกที่มีอยู่ แม้ว่าการสนับสนุนจากภาครัฐยังคงเป็นสิ่งสำคัญ

ความพร้อมในการขยายขนาด (Readiness to scale) ซึ่งมีลักษณะเป็นการผสานรวมเข้ากับระบบนิเวศการเดินทางอย่างสมบูรณ์ การยอมรับของผู้ใช้ในวงกว้าง และความยั่งยืนทางการเงิน

นาย Mark Haddad หุ้นส่วนอีกคนเสริมว่า GCC มีความได้เปรียบที่ไม่เหมือนใคร ทั้งจาก กำลังการลงทุนที่แข็งแกร่ง และ สนามทดสอบที่ไม่มีใครเทียบได้ ในโครงการยักษ์ใหญ่เหล่านี้ แต่ความท้าทายที่แท้จริงคือการเปลี่ยนจากการนำร่องไปสู่การใช้งานจริงในขนาดใหญ่ ซึ่งต้องอาศัยการสนับสนุนจากภาครัฐ ความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน และแรงจูงใจที่ชาญฉลาด

ข้อเรียกร้องสู่การเปลี่ยนแปลง: โครงสร้างพื้นฐานและศรัทธาของสาธารณชน
แม้จะมีทรัพยากรทางการเงินเหลือเฟือ รายงานยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่โครงสร้างพื้นฐานของภูมิภาคจะต้องได้รับการยกระดับอย่างมีนัยสำคัญ เพื่อรองรับเครือข่าย FAV ที่สมบูรณ์ การลงทุนระยะยาวอย่างต่อเนื่อง และการบริหารจัดการโครงการที่ครอบคลุมระหว่างภาครัฐ ผู้ให้บริการเทคโนโลยี และผู้ปฏิบัติงานถือเป็นกุญแจสำคัญ

เหนือสิ่งอื่นใดคือการสร้างความไว้วางใจของสาธารณชนซึ่งจะเกิดขึ้นได้ผ่านโครงการนำร่องที่น่าเชื่อถือการกำหนดราคาที่แข่งขันได้ และการแสดงบันทึกความปลอดภัยที่ชัดเจน Regulatory Sandboxes (พื้นที่ทดสอบทางกฎหมาย) และ มาตรฐานความปลอดภัยที่ชัดเจนจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการเร่งให้ประเทศใน GCC เปลี่ยนผ่านจากการนำร่องสู่ระดับการค้า

ความเห็นของ สคต.ดูไบ

ความต้องการ FAVs ที่พุ่งสูงขึ้นใน GCC และตะวันออกกลาง เป็นสัญญาณที่ชัดเจนสำหรับ อุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ซึ่งเป็นอันดับ 1 ใน ASEAN และเป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่สำคัญของโลกและมีการเตรียมความพร้อมของไทยในการคว้าโอกาสนี้ เช่น

1. การเปลี่ยนผ่านชิ้นส่วน (Parts Transformation) เพื่อรองรับ Robo-taxis : นโยบายของภาครัฐ มุ่งเน้นไปที่การผลักดันให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศเปลี่ยนจากการผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์สันดาปภายในไปสู่ชิ้นส่วนสำหรับ EVs เทคโนโลยีอัตโนมัติ AI และยานยนต์เชื่อมต่ออัจฉริยะ (Connected Vehicles) ตลาด GCC ที่มุ่งเน้น Robo-taxis และระบบขนส่งอัตโนมัติเต็มรูปแบบต้องการ ชิ้นส่วนเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างมาก หากผู้ผลิตไทยสามารถผลิตชิ้นส่วนสำคัญสำหรับระบบขับขี่อัตโนมัติ (เช่น เซ็นเซอร์ กล้องความละเอียดสูง เรดาร์ ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่เป็นหัวใจของรถไร้คนขับ) ได้ตามมาตรฐานโลก ก็จะเปิดช่องทางการส่งออก ที่ทำกำไรสูงไปยัง ยูเออี ซาอุดีอาระเบีย และประเทศอื่น ๆ ในตะวันออกกลางเพื่อประกอบในยานยนต์อัตโนมัติที่จะวิ่งใน Giga-projects

2. การเป็นส่วนหนึ่งของซัพพลายเชนโลกเพื่อตลาด GCC : การที่โครงการขนาดใหญ่อย่าง NEOM ต้องใช้เทคโนโลยีและชิ้นส่วนคุณภาพสูงจากซัพพลายเชนทั่วโลกทำให้ไทยมีโอกาสใช้จุดแข็งในฐานะฐานการผลิตที่แข็งแกร่งและมี”ระบบนิเวศ” ที่เอื้อต่อการลงทุน (มาตรการส่งเสริมการลงทุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษี) เพื่อดึงดูดการร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก และกลายเป็นฐานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์อัตโนมัติที่สำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อป้อนเข้าสู่ซัพพลายเชนที่นำไปสู่ตลาดตะวันออกกลาง
3. การขยายอุตสาหกรรม (Industry Diversification) : นอกจากยานยนต์แล้วกลยุทธ์ Parts Transformation ยังส่งเสริมให้ผู้ผลิตไทยขยายธุรกิจไปสู่อุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ เช่น ระบบราง เครื่องมือแพทย์ เครื่องจักรกลการเกษตรอัจฉริยะ และอากาศยาน ซึ่งล้วนต้องการทักษะและเทคโนโลยีที่ใกล้เคียงกับการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์อัตโนมัติ
ดังนั้น ตลาดรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติมูลค่า 182 พันล้านดอลลาห์ ไม่ใช่แค่เรื่องของรถยนต์ แต่คือเรื่องของเทคโนโลยีและชิ้นส่วน การเติบโตของ 19 พันล้านดอลลาห์ ใน GCC ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญ ที่ทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวข้ามจากการเป็น “โรงงานประกอบรถยนต์” ไปสู่ “ศูนย์กลางการผลิตและส่งออกชิ้นส่วนเทคโนโลยีแห่งอนาคต” โดยมีตลาด Robo-taxis ในยูเออีและตะวันออกกลางเป็นเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในอีกทศวรรษข้างหน้า

ที่มา: https://www.ditp.go.th/post/zslvfl2x9ibi7fmt7t6zffkc

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *