SNP NEWS

ฉบับที่ 399

Article

“เฟชบุ๊ค”

Fcebook

เจ้าจากพี่มา เจ้าลืมทุ่งนาฟ้ากว้าง
เจ้าลืมฟากคลองสองฝั่ง .. ฝั่ง … ลืมทั้งทุ่งทอง

ประโยคข้างต้นเป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเพลงแสนแสบ และเป็นบทเพลงในนิยายอมตะของขวัญกับเรียมที่ประพันธ์โดยไม้ เมืองเดิม
เรื่อง แผลเก่า
ไม่มีใครรู้ว่า ผู้แต่งนิยายเรื่องนี้ต้องการเขียนบทให้เรียมมีจิตใจรวนเร หรือให้มีชายอื่นเข้ามาในชีวิตจนทำให้เรียมมีจิตใจรวนเร แม้ว่าช่วงเวลาในนิยายนั้นการเกี้ยวพาราสีและการสื่อสารต่อกันต้องทำกันต่อหน้าเท่านั้นด้วยความยากลำบาก
แม้การสื่อสารจะลำบากในเวลานั้น แต่ชายอื่นที่เข้ามาพัวพันก็ทำให้เรียมมีจิตใจรวนเรจริง ๆ และสุดท้าย “แผลเก่า” ก็จบลงด้วยโศกนาฎกรรม
ขวัญถูกชายที่เข้ามาพัวพันเรียมยิงตกน้ำเสียชีวิตในคลองแสนแสบ ขณะที่เรียมยอมเป็นเมียขวัญเพียงคนเดียวก็ตัดสินใจยุติความเรรวนของตนโดยการใช้มีดของขวัญแทงตัวตายตามขวัญไปในสายน้ำนั้น
จากนั้น ศาลขวัญเรียมที่วัดบางเพ็งใต้ก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่สักการะบูชาจนถึงทุกวันนี้

“แผลเก่า” เป็นเพียงนวนิยาย
แต่ใครจะไปรู้ว่า เรื่องราวลักษณะเดียวกันกลับเกิดขึ้นมาอีกนับครั้งไม่ถ้วนในปัจจุบัน และเกิดขึ้นได้ง่ายยิ่งขึ้นไปเรื่อย ๆ ในโลกที่มีโซเซียลมีเดียเชื่อมต่อถึงกันได้ง่าย ๆ อย่างเฟซบุ๊ค
แม้จะไม่ใช่เรื่องที่เหมือนกับขวัญเรียม แต่ชายหนุ่มวัย 26 ปี จากจังหวัดอำนาจเจริญผู้หนึ่งได้ใช้น้ำมันราดภรรยาสาววัย 22 ปี พร้อมลูกชายวัย 3 ขวบ และจุดไฟเผาพร้อมเข้าไปกอดให้ตกตายทั้งครอบครัว
ต้นเหตุของเรื่องเกิดจากความหึงหวง สามีเห็นภรรยามักแอบเล่นเฟซบุ๊คด้วยท่าทีลับลมคมใน
ข่าวสารระบุว่า สามีระแวงที่ภรรยาติดต่อชายอื่น หรือภรรยาอาจจะมีใจเรรวนเหมือนเรียมในนวนิยายก็ได้จนทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงกันหลายครั้ง
สุดท้ายสามีจึงตัดสินใจยุติปัญหาด้วยวิธีดังกล่าว
ข่าวสารต่างชี้ไปในทางเดียวกันว่า มันเป็นพิษร้ายที่เกิดจากเฟซบุ๊คที่วันนี้คนไทยจำนวนมากได้นำมาใช้ผิดวัตถุประสงค์
ไม่มีใครรู้ว่า บาดแผลจากไฟครั้งนี้จะคร่าชีวิตใครบ้างและจะกลายเป็นแผลใหม่ให้ผู้รอดชีวิตได้จดจำไปอีกนานเท่าไร
แผลเก่าในวันนั้นได้คร่าชีวิตขวัญกับเรียมไปด้วยปลายปากกาผู้ประพันธ์ แต่แผลใหม่ในวันนี้กลับเกิดขึ้นจริงจากเฟซบุ๊คล้วน ๆ
วันนี้ คนไทยใช้เฟซบุ๊คใช้ไปในทางชู้สาว ในทางโอ้อวด และในการหลอกลวงมากกว่าการใช้เพื่อการสื่อสารต่อกันในกลุ่มเพื่อนตามวัตถุประสงค์ของผู้ก่อตั้งไปแล้ว

คนทุกวัยในวันนี้ใช้เฟซบุ๊คด้วยวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน
หากคนมีครอบครัวอบอุ่น มีความเชื่อมั่น และมีความจริงใจต่อกันในครอบครัว คนกลุ่มนี้จะใช้เฟชบุ๊คเพื่อธุรกิจการค้าและเพื่อการสื่อสารในกลุ่มเพื่อนและญาติพี่น้อง
ภาพและเรื่องราวต่าง ๆ ของคนกลุ่มนี้จะมีครอบครัวเป็นส่วนหลักในพื้นที่เฟซบุ๊คให้ทุกคนรับทราบทั่วกัน
นี่คือครอบครัวที่อบอุ่นของข้าพเจ้า
หญิงที่มีครอบครัวหรือมีคู่หมายแล้ว หากหญิงนี้เป็นคนเจ้าชู้ หรือหญิงที่ชอบให้ชายอื่นส่งข้อความเชิงชู้สาวมาให้ พื้นที่ในเฟชบุ๊คของหญิงนี้จะไม่มีภาพและเรื่องราวของครอบครัวแต่จะมีภาพที่ดูน่ารักที่สุดของเธอในอริยาบทต่าง ๆ เพียงผู้เดียว
มันเป็นการหลอกลวงทั้งต่อตัวเองและผู้อื่นให้สำคัญผิดว่าหญิงนี้เป็นโสดเพื่อให้เกิดการเกี้ยวพาราสี
หญิงนี้จะมีความสุข หญิงนี้จะมีความตื่นเต้นทุกครั้งที่มีชายอื่นเข้าเยี่ยมชมเฟชบุ๊คและส่งข้อความเชิงชู้สาวมาให้
กรณีของภรรยาชาวอำนาจเจริญที่ถูกไฟเผาทั้งเป็นผู้นี้ ในข่าวไม่ได้ระบุว่าภรรยาอยู่ในข่ายนี้หรือไม่ หรืออาจจะเป็นกรณีอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง
หากหญิงชอบให้คนชม ชอบรับข้อความเชิงชู้สาวไม่ว่าจะเป็นหญิงโสดหรือหญิงมีคู่หมายแล้วก็ตาม พฤติกรรมเจ้าชู้ที่หญิงแสดงออกมาจะกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ชายเจ้าชู้เข้ามาเยี่ยมชมเฟชบุ๊คอย่างต่อเนื่อง
แม่เหล็กดึงดูดที่เป็นต้นเหตุของโศกนาฏกรรมนับครั้งไม่ถ้วน
หากเป็นชายใจเจ้าชู้ไม่ว่าจะมีครอบครัวหรือมีคู่หมายก็หนีไม่พ้นกฎเกณฑ์เดียวกันกับหญิงเจ้าชู้ซึ่งมันก็อาจตามมาด้วยโศกนาฎกรรมจากเฟชบุ๊คเหมือน ๆ กัน

ตรงกันข้าม ในกรณีคนโสดจะใช้พื้นที่นี้เพื่อการทักทาย หรือเพื่อการสื่อสารต่อกันซึ่งอาจเป็นไปในทางธุรกิจ หรือการทำความรู้จักในทางชู้สาวก็ได้ คนโสดย่อมถือเป็นเรื่องปกติในสังคมเฟชบุ๊ค
มันเป็นการทำความรู้จักกันในโลกที่เปิดกว้างขึ้น
ส่วนในกรณีคนชอบโอ้อวด หรือชอบให้ผู้อื่นชื่นชมความสวย ความหล่อ ความทันสมัย คนกลุ่มนี้มักจะชอบถ่ายภาพตัวเองพร้อมรถยนต์สวย ๆ ห้องนอนหรู ๆ เฟอร์นิเจอร์งาม ๆ บ้านสวย ๆ หรือแหล่งท่องเที่ยวที่หรูหราเพื่อโอ้อวดให้เกิดการชม
บางคนชอบโอ้อวดในสิ่งจอมปลอมด้วยการถ่ายภาพตนเองพร้อมกับสิ่งของแพง ๆ ที่ไม่ใช่ของตนให้ดูหรูหราทั้ง ๆ ที่ตนเองก็รู้อยู่แก่ใจว่า “มันไม่ใช่”
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเชิญชวนให้คนมาชม ให้คนเห็นว่าตนเองดี ให้คนชมว่าตนเองเด่นแต่กลับเป็นการปิดซ่อนความจริงที่เป็นข้อด้อยไว้ทั้งสิ้น
คนจะแสดงแต่ปมเด่นและปิดซ่อนปมด้วยในพื้นที่เฟชบุ๊คกันทั้งนั้น

เฟชบุ๊คในวันนี้ จึงเป็นพื้นที่ที่ดีและร้ายในตัวของมัน เป็นพื้นที่ใครก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย และเป็นพื้นที่ที่อาจก่อให้เกิดการหลอกลวงและโศกนาฎกรรมโดยปราศจากคุณธรรม
หญิงและชายเจ้าชู้ที่มีคู่ครองแล้ว แต่กลับส่งข้อความเชิงชู้สาวต่อกันจึงเป็นผู้ส่งเสริมให้เกิดพฤกรรมเอาอย่าง การลวงโลก และเป็นต้นเหตุการทำร้ายครอบครัวอำนาจเจริญอย่างไม่รู้ตัวและไม่รับผิดชอบใด ๆ
เรียมลืมทุ่งนาฟ้ากว้าง ลืมคลองแสนแสบ และจากขวัญไปจนกลายเป็นโศกนาฎกรรมด้วยปลายปากกา แต่วันนี้กลับมีหญิงหรือชายเจ้าชู้ที่มีคู่ครองอีกมากมายในสังคมที่ไม่เห็นคุณค่าของกันและกันเพียงเพราะการหลงระเริงในเฟชบุ๊คอย่างน่าใจหาย

สิทธิชัย ชวรางกูร

The Logistics

101

ดัน ‘หนองปลาดุก’ ฮับขนส่งระบบราง หนุนเศรษฐกิจภาคกลาง

เมื่อเร็วๆ นี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมร่วมกับ นายซึโตะมุ ชิมุระ รองอธิบดีกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น ได้เป็นประธานร่วมกันในพิธีปล่อยขบวนรถสินค้า เพื่อการทดลองขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ขนาดเล็ก ภายใต้ความร่วมมือรถไฟไทย-ญี่ปุ่น จากสถานีรถไฟชุมทางหนองปลาดุก อ.บ้านโป่ง จ. ราชบุรี มายังสถานีบางซื่อ กรุงเทพฯ

การเคลื่อนไหวนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาขนส่งระบบรางที่สำคัญและเป็นการผลักดันให้ จ.ราชบุรี ก้าวขึ้นมาเป็นศูนย์กลางในการขนส่ง ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสโดยตรงให้กับ สถานีชุมทางหนองปลาดุก ในฐานะของพื้นที่ ซึ่งถูกกำหนดให้เป็น “ชุมทาง” ในการเชื่อมต่อแนวเส้นทางระบบรางไปยังท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี และเป็นชุมทางในการเชื่อมต่อเส้นทางไปยังท่าเรือน้ำลึกทวายในเมียนมา ผ่านทางจ.กาญจนบุรี อันจะช่วยสนับสนุนกิจกรรมขนส่งสินค้าภายในประเทศไทย และเอื้อไปถึงประเทศเพื่อนบ้านให้คล่องตัวยิ่งขึ้น

การทดลองขนส่งข้างต้น ยังเป็นไปตามบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอซี) ที่ทำไว้ระหว่าง ไทยและญี่ปุ่น เมื่อเดือนพ.ย. ปีที่แล้ว ระหว่างกระทรวงคมนาคมกับกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตัวแทนของทั้ง 2 ฝ่าย ได้ลงนามในบันทึก ณ กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น

ภายใต้เอ็มโอซีที่ทำไว้นั้น ไทยและญี่ปุ่น จะร่วมมือกันใน 4 ด้าน รวมถึงการพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานระบบรางเส้นทางเศรษฐกิจด้านใต้ การพัฒนาบุคลากร ครอบคลุมไปถึงการฝึกอบรมสำหรับบุคลากรของการรถไฟแห่งประเทศไทย ทั้งการซ่อมบำรุงรักษาและบริหารจัดการขบวนรถไฟการซ่อมบำรุงรักษาทาง ระบบอาณัติสัญญาณ และโทรคมนาคม

นอกจากนี้ ยังเป็นความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนบุคลากรด้านระบบราง โดยฝ่ายญี่ปุ่นได้ตอบรับในการส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งระบบราง มาร่วมสนับสนุนตามที่ฝ่ายไทยได้ร้องขอ และ เป็นการให้บริการขนส่งสินค้าทางราง ซึ่งเป็นการให้บริการขนส่งสินค้าทางรางรูปแบบใหม่ สำหรับการขนส่งตู้สินค้า (คอนเทนเนอร์) ขนาด 12 ฟุต ตามแนวเส้นทางปัจจุบันของการรถไฟแห่งประเทศไทย ด้วยเทคนิคการให้บริการขนส่งทางรางของญี่ปุ่น

ทั้งนี้การทดลองขนส่งสินค้าทางรางด้วยตู้สินค้า ขนาด 12 ฟุต โดยมีสถานีหนองปลาดุก เป็นศูนย์กลาง เป็นการทดลองขนส่งด้วยตู้คอนเทนเนอร์ขนาดเล็ก ครั้งแรกในประเทศไทย อันจะช่วยให้การขนส่ง และขนถ่ายสินค้ามีความคล่องตัว ในขณะที่การเชื่อมต่อการขนส่งทางราง ด้วยรถบรรทุกสามารถเข้าถึงผู้รับสินค้าได้สะดวกขึ้น แม้จะมีข้อจำกัดกับพื้นที่คับแคบ

ผลที่ตามมาก็คือ ประหยัดพื้นที่จัดเก็บ เอื้อให้เกิดการลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง

ตามเป้าหมายของการรถไฟแห่งประเทศไทยที่วางเอาไว้นั้น จะมีการทดลองขนส่งสินค้าทางราง ด้วยตู้สินค้า ขนาด 12 ฟุต ใน 2 เส้นทาง ที่เปิดใช้บริการได้จริง และมีศูนย์กระจายสินค้าคือ เส้นทางที่ 1 เส้นทางบางซื่อ-ลำพูน-บางซื่อ โดยกำหนดให้สถานีลำพูนเป็นพื้นที่กระจายสินค้าในภาคเหนือ เปิดให้ทดลองใช้บริการระหว่างวันที่ 8-12 ก.พ. ที่ผ่านมา

เส้นทางที่ 2 บางซื่อ-กุดจิก (จ.นครราชสีมา) – บางซื่อ โดยมีสถานีกุดจิก และสถานีท่าพระ เป็นพื้นที่กระจายสินค้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ส่วนรูปแบบของการทดลองเดินรถเป็นการนำตู้สินค้า ขนาด 12 ฟุต จำนวน 12 ตู้ นำมาวางบนรถบรรทุกตู้สินค้า จำนวน 2 แคร่ ถัดจากนั้นจะทดสอบเป็นระยะๆ ตลอดเดือน ก.พ. สำหรับการศึกษาความเป็นเป็นต่อการขนส่งตู้สินค้า ขนาด 12 ฟุตโดยทางรถไฟ คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปีนี้

เบื้องต้นการศึกษาพบว่า การใช้ตู้ขนาด 12 ฟุตในประเทศไทย จะมีข้อดี ประกอบด้วย
1. มีความคล่องตัวในการขนส่งเข้าเมืองชุมชน เข้าถึงโรงงานแหล่งกระจายสินค้าได้สะดวก
2. ลดต้นทุน ผู้ประกอบการรายย่อยที่สามารถเข้าถึงการใช้บริการด้วยตู้ขนาดเล็กลง จากเดิมที่มีตู้ขนาด 20 และ 40 ฟุต ซึ่งอาจจะเสียเวลารอ และมีค่าใช้จ่ายสูง
3. สามารเชื่อมโยงในการขนส่งสินค้าประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งลาว มาเลเซีย กัมพูชา พม่า ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจเล็กกว่าไทยได้สะดวกขึ้น
4. ใช้รางขนาด 1 เมตรที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยบริหารจัดการตารางการเดินรถให้ตรงต่อเวลา เกิดประสิทธิภาพสร้างความมั่นใจกับผู้ใช้บริการ
5.เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากญี่ปุ่น

ส่วนโครงการระยะยาว ที่จะเป็นความต่อเนื่องกับแผนงานเดียวกันนี้ ก็คือ โครงการพัฒนาระบบราง ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ให้น้ำหนักกับการพัฒนาเส้นทางรถไฟแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตกตอนใต้ อันได้แก่ เส้นทางกาญจนบุรี (บ้านพุน้ำร้อน)- กรุงเทพฯ-แหลมฉบัง และกรุงเทพฯ-อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ระยะทาง 574 กิโลเมตร

ญี่ปุ่นและไทย เห็นพ้องที่จะให้แนวเส้นทางรถไฟดังกล่าว เป็นการเปิดโครงข่ายเชื่อมโยง 3 ท่าเรือของ 3 ประเทศ ผนวกกับพื้นที่ 3 เขตเศรษฐกิจพิเศษ ในภูมิภาคนี้คือ ท่าเรือน้ำลึกทวาย เมียนมา ท่าเรือน้ำลึก แหลมฉบัง ของไทย และท่าเรือน้ำลึกสีหนุวิลล์ของกัมพูชา ที่จะใช้เส้นทางรถไฟจากสระแก้ว ผ่านไปเข้ากัมพูชา อันจะทำให้เกิดการเชื่อมโยงเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย เมียนมา เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสระแก้ว และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษกาญจนบุรี

ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ — วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2559, หน้า 10

AEC Info

12bd16bb86f75899db304ac0666cd7b8

สิงคโปร์กลุ้มใจเพิ่มประชากรไม่ได้

ทั่วโลกยอมรับกันว่า สิงคโปร์มีรัฐบาลที่เก่งที่สุดในโลก ข้าราชการทันสมัยมีวิสัยทัศน์และทำงานมีประสิทธิภาพจนสามารถแก้ปัญหาของประเทศได้เกือบทุกเรื่อง ยกเว้นปัญหาเดียวที่แก้ไม่ได้ คือ การเพิ่มประชากร

รัฐบาลสิงคโปร์ออกมาตรการสนับสนุนให้คู่สามีภรรยามีลูกมากกว่า 1 คนโดยเสนอให้สิทธิประโยชน์ทั้งเงินสด เงินช่วยเหลือการคลอดบุตร สิทธิ์การลาคลอดและเลี้ยงดูบุตร เงินช่วยเหลือเลี้ยงดูบุตรและสิทธิประโยชน์อีกหลายเรื่อง แต่สามีภรรยาชาวสิงคโปร์ยังนิยมมีลูกคนเดียว

หนังสือพิมพ์สเตรตไทม์สรายงานว่า การสำรวจแบบเจาะลึกพบว่า คู่แต่งงานส่วนใหญ่นิยมมีลูกคนเดียวและมีลูกช้า เพราะรู้สึกว่า การมีลูกเป็นภาระและอุปสรรคสำหรับคู่สามีภรรยาที่ทำงานทั้งคู่ ทั้งในเรื่องของชีวิตการทำงาน ความเจริญก้าวหน้า และการท่องเที่ยวเดินทาง

ปัญหานี้ใหญ่เพราะว่า ขนาดในปีที่แล้วแม้ว่าจะมีเด็กชาวสิงคโปร์ลืมตาดูโลก 33,793 คนมากที่สุดในรอบ 13 ปี แต่อัตราการเจริญพันธุ์ของสิงคโปร์ยังอยู่ต่ำกว่า 1.4 ทั้งที่อัตราควรจะเป็น 2.1 แค่เพื่อไม่ให้จำนวนประชากรชาวสิงคโปร์ลดลง

หนังสือพิมพ์เดอะซันเดย์ไทม์สเป็นสื่อสิ่งพิมพ์อีกฉบับหนึ่งที่ทำการสำรวจโดยเน้นไปที่ผู้หญิงชาวสิงคโปร์พบว่า ปัญหาเริ่มก่อนแต่งงานด้วยซ้ำ ผู้หญิงสิงคโปร์เน้นการศึกษาและการทำงานซึ่งอาจเป็นผลมาจากนโยบายพัฒนาระบบการศึกษาของรัฐ ทำให้ผู้หญิงแต่งงานช้า หรืออาจจะไม่แต่งเลย โดยการสำรวจส่วนหนึ่งพบว่า อีกปัญหาหนึ่ง คือ ค่าเลี้ยงดูและให้การศึกษาบุตรแพงจนคนไม่อยากมีลูก
การศึกษาบุตรในสิงคโปร์แพง เนื่องจากพ่อแม่ ต้องจ่ายเงินค่าการศึกษาไม่เฉพาะในโรงเรียนเท่านั้น แต่ต้องจ่ายค่าเรียนพิเศษมากมาย ทั้งในเรื่องที่เกี่ยวกับวิชาการและไม่ใช่วิชาการโดยมีการศึกษาพบว่า ในปี 2556 ค่าใช้จ่ายครัวเรือนในส่วนของการเรียนพิเศษเพิ่มขึ้นเป็น 1,100 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 28,000 ล้านบาท) จาก อยู่ที่ 650 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 16,524 ล้านบาท) ในปี 2546

การศึกษาของซันเดย์ไทม์สพบว่า ในปี 2513 อายุเฉลี่ยของเจ้าสาวอยู่ที่ 23.1 ปี ในปี 2533 อายุเฉลี่ยของเจ้าสาวอยู่ที่ 25.3 ปี และปีที่แล้วปรากฏว่า อายุเฉลี่ยของเจ้าสาวอยู่ที่ 28.2 ปี เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีการสำรวจพบว่า อัตราผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว รวมหย่าหรือเป็นม่ายที่ตัดสินใจไม่มีลูกปัจจุบันเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าตัวในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา

Dr. Paulin Straughan อาจารย์สังคมวิทยาของมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (NUS) ทำวิจัยในปี 2555 พบว่า คนหนุ่มสาวสิงคโปร์มีแนวโน้มสนใจสร้างฐานะให้มีมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดีและเติมเต็มความต้องการส่วนบุคคลมากกว่าจะแสวงหาคู่ หรือมีครอบครัว ทำให้การแต่งงานไม่ได้เป็นความต้องการในช่วงต้นๆ ของชีวิตวัยทำงานอีกต่อไป

Prof. Jean Yeung ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยประชากรและครอบครัวให้สัมภาษณ์ ซันเดย์ไทม์ส ในทำนองเดียวกันว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราการเจริญพันธุ์ของสิงคโปร์ต่ำเพราะมีการแต่งงานน้อย ‘คนหนุ่มสาวไม่อยากแต่งงาน ถ้าเราอยากจะให้สิงคโปร์มีเด็กเกิดใหม่มากขึ้นจะต้องมีการทุ่มเทเพื่อให้มีการแต่งงานมากขึ้น’

มีพ่อแม่บางคนที่ให้เหตุผลว่า เหตุใดจึงมีลูกเพียงคนเดียว แม้รัฐบาลจะให้เงินช่วยเหลือลูกคนที่สองว่า ‘รัฐบาลให้เงินตอนแรกเท่านั้น แต่การมีลูกเป็นค่าใช้จ่ายระยะยาว เราไม่รู้ว่าตอนที่ลูกโตขึ้นและต้องเข้าโรงเรียนสภาพเศรษฐกิจเป็นอย่างไร’

ซันเดย์ไทม์ส รายงานว่า ความกังวลใจในเรื่องการเลี้ยงดูบุตรซึ่งเป็นภาระในระยะยาว สะท้อนให้เห็นหลังจากเกิดวิกฤตการเงินโลกใน 2552 ที่ปรากฏในปีต่อจากนั้นมีเด็กเกิดเพียง 30,131 คนคิดเป็นอัตราการเจริญพันธุ์เพียง 1.15 ซึ่งต่ำเป็นประวัติการณ์

รัฐบาลสิงคโปร์กำลังจะแก้ปัญหาด้วยการเพิ่มสิทธิ์วันลาคลอด ซึ่งเป็นเสมือนการเพิ่มเวลาให้กับคุณแม่และคุณพ่อได้มีเวลาเลี้ยงดูบุตร ซึ่งนอกจากจะให้สิทธิ์วันลาเพิ่มแล้วการปรับสำนักงานให้มีที่เลี้ยงเด็กก็จะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่สนับสนุนการมีลูก อย่างไรก็ดีผู้เชี่ยวชาญระบุว่า สิ่งสำคัญน่าเป็นการเปลี่ยนความคิดของสังคมมากกว่าและรัฐบาลดูเหมือนกำลังจะไปในแนวทางนั้น

ในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีลีเซียนลุง ประกาศว่า ‘ครอบครัวเป็นเสาหลักและแรงหนุน ที่ช่วยให้เราแต่ละคนผ่านชีวิตช่วงตกต่ำและเวลาแห่งความสำเร็จ ลูกๆ เติมเต็มประสบการณ์ชีวิตทั้งช่วงทุกข์และสุข รัฐบาลจะช่วยพ่อแม่ในหน้าที่เลี้ยงดูบุตรอย่างเต็มที่’

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,134 วันที่ 25 – 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ที่มา : http://www.thansettakij.com/2016/02/26/32657

คุยข่าวเศรษฐกิจ

tnews_1420518232_8710

เงินเฟ้อเดือนก.พ.ติดลบ0.5%

เงินเฟ้อเดือนก.พ.ติดลบ0.5%เงินเฟ้อเดือนก.พ.59 ติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่14 ชี้ปัจจัยหลักจากราคาน้ำมันหดตัว ด้านพาณิชย์ลดเป้าทั้งปีเหลือ0-1%

วันอังคารที่ 1 มีนาคม 2559 เวลา 14:08 น.น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) เดือนก.พ. 59 เท่ากับ105.62เมื่อเทียบกับเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้น 0.15%และเมื่อเทียบกับเดือนก.พ. 58 ลดลง 0.50%ซึ่งเป็นการติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 ติดต่อกันนับจากเดือนม.ค. 58 เมื่อเฉลี่ยเงินเฟ้อ 2 เดือนแรกของปี 59 (ม.ค.-ก.พ.) ลดลง 0.52% เนื่องจากราคาน้ำมันยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สินค้า, ค่าขนส่งและค่าโดยสาร ทั้งรถ บขส. และรถร่วมเอกชนลดลง เป็นต้นทั้งนี้แนวโน้มเงินเฟ้อเริ่มเห็นชัดเจนว่ามีสัญญาณที่ค่อยๆ ติดลบน้อยลง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่เริ่มส่งผล โดยช่วงนี้ไปจนถึงกลางปีตัวเลขเงินเฟ้อจะยังคงขยายตัวติดลบอยู่ แต่จะเริ่มเป็นบวกได้ตั้งแต่ช่วงกลางปีเป็นต้นไป และจะทำให้เงินเฟ้อทั้งปีกลับมาขยายตัวเป็นบวกได้ แต่จะบวกไม่มาก”จากแนวโน้มดังกล่าว กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับประมาณการเงินเฟ้อปี 59 ใหม่เป็น 0.0 -1.0%ลดลงจากเดิม 1.0-2.0%ภายใต้สมมตฐานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ 2.8-3.8%จากเดิม 3.0-4.0% ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 30-40 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากเดิม 48-54 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 36-38 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐคงเดิม”

ที่มา : http://www.dailynews.co.th/economic/382959