CEO ARTICLE

ทฤษฏีแมลงสาบ

Published on August 15, 2023


Follow Us :

    

ทฤษฏีแมลงสาบคืออะไร การเมืองและองค์กรนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร ???

แมลงสาบเป็นสัตว์สกปรก น่ารังเกียจ แต่ศาสตราจารย์ ดร. กนก วงษ์ตระหง่าน ผู้อาวุโสของประชาธิปัตย์นำ “ทฤษฏีแมลงสาบ” (Cockroach Theory) มาเสนอเพื่อปฏิรูปพรรคในปี 2545 ภายหลังแพ้การเลือกตั้งอย่างหนักให้แก่ไทยรักไทยในปี 2544
จุดเด่นของ “แมลงสาบ” คือ “การปรับตัวเองได้ดี มีหนวดเป็นเรดาห์คอยตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ มีสมองและประสาทไว้คอยประสานงานกับส่วนต่าง ๆ มีขา 6 ขาไว้เดิน มีปีก 2 คู่เอาไว้บินเวลาคับขัน เวลาวิ่งจะเร็ว แต่วิ่งระยะสั้น ๆ วิ่งไปแล้วหยุดแล้ววิ่งต่อ”
แมลงสาบอยู่มาได้เป็นพันล้านปี ไม่สูญพันธุ์ เมื่อนำมาใช้ปฏิรูปการเมืองจะได้ 4 ประการคือ (1) รู้จักฟัง (2) รู้จักคิด (3) รู้จักจัดการ และ (4) รู้จักทำเพื่อป้องกันประชาธิปัตย์มิให้สูญพันธ์
นับแต่นั้นทฤษฏีแมลงสาบก็ทำให้ประชาธิปัตย์ได้รับฉายาว่า “พรรคแมลงสาบ”
ประชาธิปัตย์ก่อตั้งขึ้นโดยนายควง อภัยวงศ์ ในวันที่ 6 เม.ย. 2489 หรือราว 14 ปี หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 มีลักษณะเป็น “พรรคอนุรักษ์นิยมและกษัตริย์นิยม”
ต่อมา มรว. เสนีย์ ปราโมช ขึ้นเป็นหัวหน้า มีระบบพรรคที่ชัดเจน ไม่มีการสืบทอดทางสายเลือด ไม่มีสภาพผู้ใดเป็นเจ้าของ ประชาธิปัตย์จึงเป็น “สถาบันการเมือง” ที่แท้จริงจนถึงปัจจุบัน
คนที่สนใจการเมืองระบบพรรคจึงมักเข้าประชาธิปัตย์ สมาชิกที่มีความรู้ มีความสามารถ และเป็นคนดีทุกคนมีสิทธิ์ขึ้นเป็นฝ่ายบริหาร เป็นหัวหน้า และเป็นนายกรัฐมนตรีได้ตามระบบ
แต่ข้อเสียของพรรคที่ไม่มีเจ้าของคือ ไม่มีคนทุบโต๊ะ ไม่มีคนกำกับ เล่นพรรคเล่นพวก และไม่มีคนรักษาพรรค ความรู้สึกเป็นเจ้าของที่สมาชิกมีมากในอดีตก็ค่อย ๆ ลดลงจนเกิดช่องว่าง แย่งผลประโยชน์ ชิงตำแหน่ง เลือดจาง จุดยืนเปลี่ยน เกิดความขัดแย้ง และความแตกแยก
ไม่มีใครตอบได้ว่า 20 ปีที่ผ่านมาประชาธิปัตย์นำทฤษฏีแมลงสาบมาใช้อย่างไร
แต่ผลการเลือกตั้งปี 2562 และ 2566 ประชาธิปัตย์พ่ายแพ้ ย่อยยับกว่าในอดีต ต่อไปอาจเป็นพรรคต่ำสิบ หรืออาจสูญพันธ์ในอนาคตจนทำให้หลายคนคิดถึงทฤษฏีแมลงสาบ

หากจะนำทฤษฏีแมลงสาบกลับมาใช้ ประชาธิปัตย์ต้องหาคน 2 ลักษณะนี้ให้ได้ก่อน
คนที่ 1 “คนรุ่นใหม่” ที่ชอบคุยกับคนรุ่นเก่าและคนที่ 2 “คนรุ่นเก่า” ที่ชอบคุยกับคนรุ่นใหม่ ยิ่งหาได้มากก็ยิ่งดี กรรมการบริหาร เลขาธิการ และหัวหน้าพรรคต้องเป็นคน 2 ลักษณะนี้ที่คุยกันรู้เรื่อง แลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยี ประสบการณ์ ใช้หลักการและเหตุผล นำสมอง นำ 6 ขา และนำ 2 ปีกของทฤษฏีแมลงสาบมาร่วมกันปฏิรูปพรรค
(1) รู้จักฟัง
คน 2 ลักษณะต้องรับฟังให้ได้ว่า สภาพสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองปัจจุบันเป็นอย่างไร  สังคมแตกแยกหนัก คนรุ่นใหม่อยากเปลี่ยน คนรุ่นเก่าอยากอนุรักษ์ การเข้าร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลในครั้งนี้มีข้อดี ข้อเสียอะไร จุดแข็งของพรรคคือ ความเป็นสถาบันการเมือง จุดอ่อนคือ การบริหารภายในที่ถ่วงตัวเองทำให้เกิดการแย่งชิงตำแหน่ง และความแตกแยก เป็นต้น
(2) รู้จักคิด
คน 2 ลักษณะต้องนำสิ่งที่รับฟังมาคิด วิเคราะห์ แยกแยะเพื่อสร้างวิสัยทัศน์ขึ้นใหม่ สร้างระบบบริหารและโครงสร้างใหม่ จะเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมและกษัตริย์นิยมต่อไป หรือผสมก้าวหน้านิยม และจะใช้วิธีการอะไรเพื่อให้พรรคอยู่ในใจประชาชนให้มากที่สุด
หากคน 2 ลักษณะร่วมกันคิดจริง ๆ จะเห็นว่า ไม่ว่าเลือกทางใดก็มีผลดีและผลเสียทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การคิดจะมองออกว่า ควรเลือกทางใด หรือเลือกหลายทางผสมกัน
(3) รู้จักจัดการ
เมื่อฟัง คิด ได้วิสัยทัศน์ใหม่ท่ามกลางการตลาดการเมือง โซเซียล อินฟลูเอนเซอร์ การใช้ IO และการออกนโยบายที่ทำไม่ได้ แต่ได้คะแนนนิยมแล้ว คน 2 ลักษณะนี้ก็กำหนดกลยุทธ์เพื่อจัดการได้ สร้างทีมงานแต่ละด้านได้ เลือกวิธีจัดการที่ได้ผลดีมากที่สุด และได้ผลเสียให้น้อยที่สุด
กลยุทธ์คือ การทำสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ให้มีความเป็นไปได้ (Impossiblity to Possiblity)
(4) รู้จักทำ
เมื่อมีกลยุทธ์ที่ดีก็ถือว่าสำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่หากไม่ลงมือทำ ความสำเร็จอีกครึ่งก็ไม่เกิด การลงมือทำทันที ทำจริงจัง แม้ไม่สำเร็จ แต่ผลที่ได้จากกลยุทธ์ที่ลงมือทำจริง ๆ ก็สามารถนำไปต่อยอดสร้างกลยุทธ์อื่นเพิ่มขึ้นไม่รู้จบซึ่งดีกว่าการไม่ฟัง ไม่คิด ไม่จัดการ และไม่ทำอะไร
หากประชาธิปัตย์สูญพันธ์จริง ๆ การเมืองไทยก็คงเหลือพรรคการเมืองที่สืบทอดด้วยพวกพร้องเป็นส่วนใหญ่ มีสภาพครอบครัว ไม่มีระบบพรรคที่แท้จริง การกินรวบประเทศก็เกิดได้ง่าย
ทฤษฏีแมลงสาบอาจใช้ได้ผล อาจไม่ได้ผล แต่คนของประชาธิปัตย์ทั้งในอดีตและปัจจุบันก็ควรรู้ว่า ทุกคนมีส่วนทำให้พรรคเป็นสถาบันที่น่าเชื่อถือ สูงขึ้น และต่ำลงจนถึงจุดนี้
วันนี้ หากคน 2 รุ่นเปิดใจ คุยกัน ไม่มีอัตตา ไม่ยึดผลประโยชน์ส่วนตน ทุกคนก็สามารถใช้ทฤษฎีแมลงสาบเพื่อปฏิรูปได้ทั้งการเมืองและองค์กรเพื่อแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นได้
แต่หากต่างฝ่ายต่างยึดอัตตา ไม่เปิดใจ การปฏิรูปนอกจากจะไม่เกิดขึ้นแล้ว สถานการณ์ก็จะยิ่งเลวร้ายจนประชาธิปัตย์อาจสูญพันธ์ได้เช่นกัน.

ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร
👉  Home and Health … https://www.inno-home.com
👉  Art and Design …… https://www.cose.life

อ่านบทความอื่นที่เขียนโดย ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร ได้ที่ http://snp.co.th/e-journal/

Date Published : August 15, 2023

Dr. Sitthichai Chawaranggoon
Dr. Sitthichai ChawaranggoonChief Executive Officer (CEO) - SNP GROUP

Logistics

กุ้ยโจวทยอยเปิดเดินเรือทางแม่น้ำสู่นครฉงชิ่ง และออกสู่ทะเลมากขึ้น

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2566 เรือบรรทุกสินค้าเคมีภัณฑ์จำนวน 2 ลำ รวม 36 ตู้คอนเทนเนอร์ ได้ออกเดินทางจากท่าเรือซาวาน ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอยวีชิ่ง เมืองจุนอี้ มณฑลกุ้ยโจว ไปยังเขตฝูหลิงของนครฉงชิ่ง รวมระยะทางประมาณ 450 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 3-4 วัน นับเป็นการเดินเรือขนส่งสินค้าด้วยตู้คอนเทนเนอร์ที่ผ่านทั้งแม่น้ำสายหลัก
และแม่น้ำสายรองเป็นครั้งแรกของมณฑลกุ้ยโจว ซึ่งสามารถช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้กว่าร้อยละ 30 เมื่อเปรียบเทียบกับการขนส่งสินค้าทางถนน

ท่าเรือซาวานถือเป็นท่าเรือที่สำคัญอีกหนึ่งแห่งของมณฑลกุ้ยโจว สามารถรองรับเรือสินค้าขนาด 500 ตันได้ โดยมีท่าเทียบเรือรวม 6 แห่ง และสามารถรองรับสินค้าเข้า-ออกได้ปีละ 5 ล้านตัน

ทั้งนี้ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ท่าเรือหลายแห่งในมณฑลกุ้ยโจวเริ่มทยอยเปิดให้บริการการขนส่งสินค้าทางแม่น้ำเพิ่มขึ้น เช่น ท่าเรือคายหยางในนครกุ้ยหยางเปิดเดินเรือเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 และท่าเรือซือหนาน เมืองถงเหริน เปิดเดินเรือเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2565 โดยล่องตามแม่น้ำอูเจียงขึ้นเหนือไปยังเขตฝูหลิงของนครฉงชิ่งเพื่อเชื่อมต่อกับแม่น้ำฉางเจียงหรือแม่น้ำแยงซีและไปออกทะเลที่นครเซี่ยงไฮ้ ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางเลือกสำหรับการขนส่งสินค้าให้กับผู้ประกอบการในมณฑลกุ้ยโจวที่ต้องการ “หาทางออกสู่ทะเล”

มณฑลกุ้ยโจวแม้จะเป็นมณฑลตอนในของจีนที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล (Landlock) แต่ถือเป็นมณฑลที่มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ โดยมีแม่น้ำที่มีระยะทางมากกว่า 50 กิโลเมตรขึ้นไปจำนวน 93 สาย รวมระยะทางของแม่น้ำภายในมณฑล 11,270 กิโลเมตรที่พาดผ่านอำเภอ/เมือง/เขต 74 แห่งของมณฑล

ขณะเดียวกัน กุ้ยโจวมีแม่น้ำสายสำคัญ 5 สาย ได้แก่ (1) แม่น้ำชื่อสุ่ยเหอ (2) แม่น้ำอูเจียง (3) แม่น้ำชิงสุ่ยเจียง (4) แม่น้ำตูหลิ่วเจียง (5) แม่น้ำหนานผานเจียงและเป่ยผานเจียงที่ไหลรวมสู่แม่น้ำหงสุ่ยเหอ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงกับแถบเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำแยงซี แถบเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำเพิร์ลหรือจูเจียง-ซีเจียง ระเบียงการค้าระหว่างประเทศบก-ทะเลสายใหม่ (New International Land-Sea Trade Corridor) เขตความร่วมมือกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า และเขตวงกลมเศรษฐกิจเฉิงตู-ฉงชิ่ง โดยแม่น้ำชื่อสุ่ยเหอ แม่น้ำอูเจียง และแม่น้ำชิงสุ่ยเจียง ไหลผ่านสู่แม่น้ำแยงซี ขณะที่แม่น้ำตูหลิ่วเจียง รวมถึงแม่น้ำหนานผานเจียงและเป่ยผานเจียงที่ไหลรวมสู่แม่น้ำหงสุ่ยเหอ จะไหลผ่านแม่น้ำซีเจียงและไหลไปรวมที่แม่น้ำจูเจียง

กรมคมนาคมและขนส่งมณฑลกุ้ยโจวเปิดเผยว่า จนถึงสิ้นปี 2565 กุ้ยโจวมีระยะทางการเดินเรือทางแม่น้ำ 3,954 กิโลเมตร ปัจจุบัน กุ้ยโจวมีท่าเรือ 9 แห่ง และท่าเทียบเรือรวม 507 แห่ง โดยเป็นท่าเทียบเรือที่รองรับเรือขนาด 500 ตัน จำนวน 62 แห่ง สามารถรองรับสินค้าเข้า-ออกได้ปีละ 38 ล้านตัน และมีเรือหลากหลายประเภทเข้าออกกว่า 18,700 ลำ

ที่มา : https://thaibizchina.com

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.