SNP NEWS

ฉบับที่ 550

Follow Us :       

CEO ARTICLE

นโยบายหาเสียง

พรรคการเมืองสร้างนโยบายเพื่อหาเสียงในการเลือกตั้ง
เมื่อชนะเลือกตั้ง พรรคการเมืองก็มักนำนโยบายนั้นสู่การปฏิบัติ

ช่วงเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมาจะเห็นว่า นโยบายที่พรรคการเมืองในประเทศต่าง ๆ ใช้ในการหาเสียงส่วนใหญ่จะโดนใจและทำให้ประชาชนสนใจเลือกพรรคการเมืองนั้น
ในทางเศรษฐศาสตร์ ทุกนโยบายต้องมีข้อดี (Benefit) และข้อเสีย (Cost) แก่ส่วนรวมเป็นของคู่กันทั้งสิ้น
หลายพรรคการเมืองไม่ศึกษาผลเสีย บางพรรคการเมืองศึกษาแต่ไม่ใส่ใจแม้ผลเสียจะเกิดขึ้นก็ไม่ยอมรับ อ้างเหตุอื่นและส่งผลให้ประเทศชาติต้องรับผลเสียเหล่านั้นไปอย่างยาวนาน
ทำให้ประเทศต้องแบกรับต้นทุน (Cost) ที่เกิดจากผลเสียตามไปด้วย
เมื่อพรรคการเมืองได้รับเลือกตั้งเข้ามา ก็มักนำนโยบายที่ใช้ในการหาเสียงมาเป็นนโยบายแห่งรัฐตามไปด้วย
ดังนั้น นักการเมืองที่ดีและรักประเทศชาติอย่างแท้จริงก็ดูได้จากนักการเมืองที่นำข้อดีของแต่ละนโยบายมาใช้และป้องกันข้อเสียให้ได้มากที่สุด
มิใช่นักการเมืองที่ปล่อยปละละเลยให้ข้อเสียเกิดขึ้นมากที่สุด
ตัวอย่างง่าย ๆ นโยบายพาอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (EU) ของนายเดวิด คาเมรอน (David Cameron) ที่ใช้หาเสียง
ไม่มีใครฟันธงได้ชัด ๆ ว่าคนอังกฤษที่เลือกจะชอบนโยบายนี้หรือไม่ แต่เมื่อนายเดวิดได้รับเลือกตั้งเข้ามา การทำตามนโยบายนั้นก็ค่อย ๆ เกิดขึ้น
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐหน้า 5 ฉบับวันที่ 15 ม.ค. 2562 รายงานว่า ภายหลังได้รับเลือกตั้ง วันที่ 23 มิ.ย. 2016 (พ.ศ. 2559) นายเดวิดก็ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้โดยการทำประชามติ
แล้วผลประชามติ (Brexit) ก็ออกมา ประชาชน 17.4 ล้านคนคิดเป็น 52% ต้องการให้ออกจาก EU ส่วนประชาชนอีก 16.1 ล้านคนคิดเป็น 48% ยังต้องการให้อยู่กับ EU
ประชาชนที่ออกเสียงประชามติจะมีสักกี่คนที่มีความรู้ความเข้าใจในผลดีและผลเสียอย่างแท้จริงของการออกจาก EU แม้จะเป็นประเทศที่ถูกมองว่าเจริญแล้วอย่างอังกฤษ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐรายงานว่า ภายหลัง Brexit สหภาพยุโรปก็ลงมติเห็นชอบให้อังกฤษออกจาก EU อย่างเป็นทางการซึ่งจะมีผลในวันที่ 29 มี.ค. 2562 เวลา 23.00 น.
ตามการรายงานของสื่อหากอังกฤษออกจาก EU โดยไม่มีข้อตกลง ผลที่ตามมาคือ
1. สินค้าและบริการที่นำเข้าจากยุโรปทุกประเทศจะต้องเสียภาษีนำเข้าประเทศอังกฤษ ทำให้สินค้าและบริการต่าง ๆ มีราคาแพงขึ้น
2. ในทางกลับกัน สินค้าและบริการที่อังกฤษส่งไปขายใน EU ก็ต้องเสียภาษีนำเข้ายุโรป ทำให้สินค้าอังกฤษมีราคาแพงขึ้นและขายส่งออกได้ยากขึ้น
3. อังกฤษต้องสูญเสียข้อตกลงทางการค้าที่ EU ทำไว้กับทุกประเทศทั่วโลกทำให้อังกฤษเสียสิทธิประโยชน์ทางภาษีระหว่างประเทศมากมาย
4. หากอังกฤษอยากได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกลับคืนมาก็ต้องไปเจรจาเอง การเริ่มต้นก็ต้องใช้เวลา และส่งผลให้นักธุรกิจและประชาชนที่ลงประชามติใน Brexit ด้วยความรู้หรือไม่รู้ต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างยาวนานตามไปด้วย
5. ชายแดนอังกฤษที่ประชาชนเคยเดินทางข้ามไปมาอย่างเสรีก็ต้องมีการ “ตั้งด่าน” ทั้งตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรที่สร้างต้นทุน (Cost) และความวุ่นวายตามไปด้วย
ข้อเสียเหล่านี้คือสิ่งที่อังกฤษจะได้รับจากการออกจาก EU ตามนโยบายที่นักการเมืองใช้หาเสียงจนสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชนผู้ลงประชามติในเวลานี้
ตามรายงานข่าวให้ข้อมูลและสรุปว่า ทั้งหมดจะเกิดขึ้นในเวลา 23.00 น. ของคืนวันที่ 29 มีนาคม 2562 ที่กำลังจะมาถึงนี้

นโยบายหาเสียงเป็นเรื่องสำคัญที่พรรคการเมืองต้องใช้ในการเลือกตั้ง
ประเทศไทยกำลังจะมีการเลือกตั้งในไม่ช้านี้ บางพรรคก็เริ่มมีนโยบายออกมาแล้ว ขณะที่บางพรรคยังไม่มีนโยบายอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน แต่เชื่อว่า ทันทีที่มีประกาศการเลือกตั้งอย่างชัดเจน ทุกพรรคการเมืองจะมีนโยบายของตน
ในอดีต ประเทศไทยก็เคยรับความเสียหายจากนโยบายหาเสียงที่เมื่อได้เป็นรัฐบาลในภายหลังก็กลายมาเป็นนโยบายแห่งรัฐมาแล้วมากมาย
บางนโยบายสร้างความเสียหายและต้นทุน (Cost) ให้แก่ประเทศนับแสนล้านบาท
เงินที่สูญเสียไปทั้งหมดคือ เงินภาษีอากรที่ประชาชนเป็นผู้จ่ายทั้งสิ้น ไม่ใช่เงินของนักการเมืองคนใดคนหนึ่ง และไม่ใช่เงินของเจ้าของนโยบาย
แม้ปัจจุบันจะมีการวิจารย์และแจกแจงผลประโยชน์ (Benefit) และข้อเสีย (Cost) กันมากขึ้น บางประเทศถึงกับมีการศึกษาผลกระทบจากนโยบายหาเสียงอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
แต่จะมีประชาชนผู้ลงคะแนนคนไหนบ้างที่เข้าใจ ศึกษา และนำมาพิจารณาประกอบการตัดสินใจลงคะแนนเลือกตั้ง
ประชาชนไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรืออังกฤษส่วนใหญ่มักเลือกจากความนิยมที่ตนมีเป็นหลัก นโยบายเป็นเรื่องที่นำมาคิดภายหลังเกือบทั้งสิ้น
แล้วผลก็เป็นอย่างที่เห็น ประเทศไทยเสียหาย อังกฤษกำลังจะเสียหาย ยังมีประเทศอื่น ๆ อีกมากที่เสียหายจากนโยบายหาเสียง
สิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกสามารถยืนยันเป็นเสียงเดียวกันได้ก็คือ นโยบายหาเสียงใดมีข้อดี (Benefit) มาก นโยบายนั้นก็มักมีข้อเสีย (Cost) เป็นเงาตามตัว
ไม่มีนโยบายใดที่มีแต่ข้อดีอย่างเดียว
แต่นักการเมืองจะนำแต่ข้อดีมาทำการตลาด โฆษณาประชาสัมพันธ์โดยไม่นำข้อเสียมาชี้ให้เห็น แม้วันหนึ่งจะปรากฎข้อเสียชัด ๆ ก็จะไม่ยอมรับแต่จะผลักให้เป็นเรื่องอื่นทั้งสิ้น
สิ่งที่เห็นได้ชัดในทุกวันนี้คือ นักการเมืองที่ไม่มีความรับผิดชอบ เห็นแก่คะแนนเสียงที่จะได้โดยไม่คำนึงถึงข้อเสีย ไม่ว่าอะไรที่ได้คะแนนนิยมนักการเมืองแบบนี้ก็ทำได้โดยไม่สนใจความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
นี่คือโลกแห่งการแข่งขันทางการเมือง
การพิจารณาข้อดีและข้อเสียจากนโยบายหาเสียงจึงเป็นสิ่งสำคัญที่วันนี้ ประชาชนควรจะตื่นตัวขึ้นมา และควรฟังการวิเคราะห์จากนักวิชาการหรือผู้รู้ด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับผลของยโยบายที่ใช้ในการหาเสียงของแต่ละพรรคการเมือง
Brexit เป็นเรื่องของคนอังกฤษที่ต้องการกำหนดทิศทางประเทศของตนโดยอาจรู้ หรืออาจไม่รู้ข้อเสียที่ส่งผลมาถึงวันนี้
คนไทยก็เป็นผู้กำหนดทิศทางประเทศไทย ผ่านการเลือกตั้ง ผ่านนโยบายหาเสียงที่ดูแล้วก็ไม่จากประเทศอื่นสักเท่าไร
การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2562 จึงเป็นการกำหนดทิศทางประเทศของคนไทยอีกครั้งหนึ่ง นโยบายหาเสียงจึงควรเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาตัดสินใจลงคะแนนในครั้งนี้

ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร

LOGISTICS

กรมทางหลวงเปิดใช้ศาลาทางหลวง หน้า ปตท. ป้ายรถเมล์ริมถนนวิภาวดี นำร่องป้ายรถเมล์อัจฉริยะที่จะเร่งทำอีก 10 แห่งทั่ว กทม.

วันที่ 21 ม.ค. 2562 นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดศาลาทางหลวงหน้าสำนักงานการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต (ขาออก) ช่วง กม. 11+432 ซึ่งกรมทางหลวง (ทล.) ได้เริ่มปรับปรุงตั้งแต่วันที่ 9 ก.ค. 2561 ที่ผ่านมา ด้วยงบประมาณ 1.4 ล้านบาท

โดนายอาคมกล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดพายุ มีฝนตกหนัก ทำให้ศาลาที่พักผู้โดยสารบริเวณดังกล่าวได้รับความเสียหายเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา กรมทางหลวงได้ดำเนินโครงการปรับปรุงและก่อสร้างศาลาทางหลวงเป็นรูปแบบใหม่ โดยบูรณาการร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในการติดตั้งป้ายรถเมล์อัจฉริยะ แจ้งสายรถเมล์ของ ขสมก.ที่จะวิ่งผ่านมีจำนวน 5 สาย ได้แก่ สาย 191 สาย 3 สาย 29 สาย 134 และสาย 510

นอกจากนี้จะมีการเชื่อมต่อสะพานลอยโดยบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จะเป็นหน่วยงานรับผิดชอบโครงการ โดยจะขนาดช่องทางเดินจาก 2 เมตร เป็น 3.50 เมตร เพื่อความสะดวกในการใช้บริการ โดยจะเชื่อมต่อไปยังโรงเรียนหอวัง และสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินพหลโยธินได้ ส่วนการจะเชื่อมต่อห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลนั้นทางห้างสรรพสินค้าก็จะต้องดำเนินการต่อเชื่อมอีกครั้ง ขณะนี้โครงการก่อสร้างอยู่ระหว่างการหารือร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายอภิสิทธิ์ พรหมเสน รองอธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า กรมทางหลวงได้ดำเนินโครงการปรับปรุงและก่อสร้างศาลาทางหลวงเป็นรูปแบบใหม่โดยบูรณาการร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในการติดตั้งป้ายรถเมล์อัจฉริยะ แจ้งสายรถเมล์ที่จะวิ่งผ่าน มีจำนวน 5 สาย โดยจะบอกเวลาล่วงหน้าว่าสายใดจะเข้าจอด เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน โดยปรับปรุงศาลาทางหลวงขนาดพื้นที่ยาว 20 เมตร ใช้วัสดุอะลูมิเนียมที่มีความทนทาน ที่นั่งเป็นสเตนเลส หลังคาเป็นเมทัลชีต สีโครงสร้างโดยรวมใช้สีเหลือง

ในอนาคตกรมทางหลวงมีแผนจะปรับปรุงป้ายรถเมล์ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลกว่า 10 แห่ง ให้เป็นรูปแบบที่ทันสมัยมากขึ้น โดยเฉพาะในจุดที่มีประชาชนใช้งานจำนวนมาก เช่น บริเวณหน้ามหาวิทยาลัย สถานที่ชุมชน หรือสถานที่สาธารณะต่างๆ เช่น พื้นที่แขวงทางหลวงนนทบุรี แขวงทางหลวงปทุมธานี แขวงทางหลวงสมุทรสาคร แขวงทางหลวงธนบุรี

สำหรับป้ายรถเมล์ขนาดใหญ่ขณะนี้ดำเนินการแล้ว 2 จุด ที่ทำการเปิดในครั้งนี้ ส่วนที่เหลืออีก 4 จุด คือบริเวณ หน้าโรงเรียนหอวัง 2 จุด และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 2 จุด ที่จะดำเนินการต่อไป

ที่มา: https://mgronline.com/business/detail/9620000007172