CEO ARTICLE
ผีเสื้อกระพือปีก
“ผีเสื้อกระพือปีกที่บราซิลจะส่งผลให้เกิดพายุทอร์นาโดในรัฐเท็กซัสได้หรือไม่ ?”
คำถามข้างต้นเป็นของ Dr. Edward Norton Lorenz นักคณิตศาสตร์ และนักพยากรณ์อากาศชาวอเมริกัน (https://www.isoc5.net 16 ก.พ. 2565)
Dr. Lorenz ค้นคว้า และสรุปว่า “การเปลี่ยนแปลงเพียงน้อยนิดของสิ่งหนึ่ง (ผีเสื้อกระพือปีกที่บราซิล) สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ (พายุทอร์นาโดในรัฐเท็กซัส)
การค้นคว้าทำให้เกิดทฤษฏีก้องโลกชื่อ “ผีเสื้อกระพือปีก” (Butterfly Effect) ซึ่งหมายถึง “การกระทำสิ่งเล็ก ๆ หรือการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ สามารถทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ตามมา”
ในครอบครัว เพียงพ่อแม่ใช้โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะอาหาร อาจคุยเรื่องงาน เรื่องจำเป็น เร่งด่วน ดูข่าวสาร บันเทิง ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรืออื่น ๆ ทำบ่อย ๆ ทำให้ลูกเห็น ลูกย่อมเสี่ยงที่จะทำตาม ได้รับผลเสียต่อสุขภาพ และเสี่ยงต่ออนาคตของลูก
ในองค์กร เพียงผู้นำละเลย ไม่ยึดมั่นระบบงาน ละเลยพนักงานเพียงคนเดียวให้ขาดขวัญ กำลังใจ ขาดระเบียบวินัยย่อมส่งผลต่อความเป็นทีม มาตรฐาน และประสิทธิภาพเป็นลูกโซ่
พนักงานเล็ก ๆ คนหนึ่งลาออกมีผลกระทบเล็ก ๆ ที่อาจลามให้พนักงานอื่นลาออกมากยิ่งขึ้นกระทบต่อขวัญ กำลังใจ และความเชื่อมั่นของพนักงานที่เหลืออยู่ การไม่ส่งเสริมการตลาด ไม่แสวงหา Supplier ทั้งในและต่างประเทศเพิ่ม ไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้า และการเจริญเติบโตขององค์กร
เหตุเพียงนิดเดียว แต่ผลที่ตามมามหาศาลตามทฤษฏี “ผีเสื้อกระพือปีก” ข้างต้น
ต่างชาติมี “ผีเสื้อกระพือปีก” ของไทยมี “เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว”
บางโอกาสก็ใช้สำนวนเปรียบเทียบว่า “หัวเป็นอย่างไร หางก็เป็นอย่างนั้น”
ทุกอย่างเป็นผีเสื้อที่คอยกระพือปีกไม่เว้นแม้แต่การเมือง ทุกครั้งที่ผีเสื้อการเมืองกระพือปีก ผลที่ตามมาอาจดี อาจร้าย และความเสียหายไม่ว่าดีหรือร้ายก็ต้องตกสู่ประชาชนที่อาจรุนแรงมากกว่าพายุทอร์นาโดในรัฐเท็กซัสหลายเท่าตัว
ปี 2475 ผีเสื้อการเมืองของไทยกระพือปีกครั้งใหญ่ เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากนั้นก็เกิดการแย่งอำนาจ ชิงผลประโยชน์ ทุจริต รัฐประหาร การประท้วง การต่อต้าน ประชาชนขาดความสงบสุข บาดเจ็บ ล้มตายจำนวนมาก และประเทศขาดการพัฒนาอย่างเป็นห่วงโซ่
ปี 2559 ผีเสื้อการเมืองกระพือปีกอีก ครั้งนี้ คณะรัฐประหารเป็นผู้เริ่ม ประชาชนเป็นผู้ร่วม ยินยอมให้ ส.ว. 250 คนที่แต่งตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2560 สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนนเห็นชอบ 58% และไม่เห็นชอบ 42% คนส่วนใหญ่เห็นชอบสร้างปีกผีเสื้อขนาดใหญ่ให้ ส.ว.
ปี 2566 การเลือกตั้งทั่วไปในเดือน พ.ค. พรรคการเมืองแบ่งข้างชัดเจน ทุกพรรคเริ่มผลักปีกผีเสื้อการเมืองให้ขยับปีก ต่างออกนโยบายประชานิยมทั้งจริงทั้งเท็จเพื่อแย่งคะแนนนิยม
ครั้งนี้ ประชาชนหลงกระพือปีกตาม เฮละโลเลือกพรรคต่าง ๆ จนที่ 1 ได้ถึง 14 ล้านเสียง แต่ติดเงื่อนไข ม. 112 ที่ ส.ว. ส่วนใหญ่จากรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่สนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี
ผีเสื้อ ส.ว. แผงฤทธิ์ การเมืองอาจถึงทางตัน พรรคการเมืองอาจสลับขั้ว อาจยืนยันแก้ ม. 112 ต่อ อาจชุมนุม อาจต่อต้าน อาจมีคำตัดสินจากศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ถูกใจพรรคการเมือง และไม่ถูกใจประชาชนที่สนับสนุน
ทุกอย่างเป็นไปตามทฤษฏี “ผีเสื้อกระพือปีก” ทั้งสิ้น เพียงแต่มันเป็น “ผีเสื้อการเมือง”
ผีสื้อครอบครัวและผีเสื้อองค์กรเป็นหน่วยไม่ใหญ่ เมื่อกระพือปีกก็อาจส่งผลดีหรือเสีย แต่หากบุคคลในครอบครัว ผู้นำองค์กร และพนักงานต่างรู้ เข้าใจ สามัคคี มุ่งไปตามวิสัยทัศน์เดียวกัน ใช้แนวคิด ทฤษฏี หลักการบริหาร และหลักการจัดการร่วมกัน
ไม่ว่าผีเสื้อจะกระพือปีกกี่ครั้ง ทุกคนก็รับมือได้และได้ประโยชน์จากผีเสื้อมากกว่าโทษ
แต่การเมืองใหญ่ระดับประเทศ มีพรรคการเมืองมาก ทุกครั้งที่ผีเสื้อกระพือปีก ประชาชนที่คิดไม่ทันจะร่วมสนับสนุน ร่วมชุมนุม กดไลค์ กดแชร์ ร่วมกระจายถ้อยคำเกลียดชังที่ผลักความโกรธแค้นให้มากยิ่งขึ้น และสุดท้ายความเสียหายก็วนกลับสู่ประชาชนอย่างไม่มีทางเป็นอื่น
พรรคการเมืองต้องแย่งคะแนนนิยม ต้องขยับปีกให้ผีเสื้อสร้างความรัก ความเกลียดชัง
แต่หากประชาชนต้องการป้องกันความเสียหายที่วนกลับมา ประชาชนต้องรู้ทันการเมือง ไม่ตกเป็นเครื่องมือ ไม่ขยับปีกผีเสื้อตาม หยุดกดไลค์ กดแชร์ถ้อยคำเกลียดชัง และปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
ผีเสื้อกระพือปีกที่บราซิลเป็นเรื่องธรรมชาติ ป้องกันไม่ได้ แต่ผีเสื้อการเมืองป้องกันได้ง่าย ๆ ด้วยมือประชาชนที่รู้ทันการเมืองเท่านั้น.
ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร
👉 Home and Health … https://www.inno-home.com
👉 Art and Design …… https://www.cose.life
อ่านบทความอื่นที่เขียนโดย ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร ได้ที่ http://snp.co.th/e-journal/
Date Published : August 1, 2023
Logistics
เส้นทางขนส่ง INSTC จะช่วยรัสเซียลดการพึ่งพาการขนส่งผ่านตอนเหนือของเอเชียกลาง
การประกาศให้ความสำคัญกับภูมิภาคตะวันออกของรัสเซีย ทำให้รัสเซียให้ความสำคัญกับการมีเส้นทางคมนาคมขนส่งที่มีประสิทธิภาพสำหรับการค้า กับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น โดยที่เส้นทางขนส่งปัจจุบัน เช่น เส้นทางรถไฟสาย ทรานส์ไซบีเรีย เส้นทางสายหลักไบคาล-อามูร์ (BAM) และเส้นทาง Middle Corridor (ผ่านคาซัคสถาน) มีความพลุกพล่านมาก ดังนั้น เร็วๆ นี้รัสเซียจึงมีการเร่งเพิ่มเส้นทางขนส่งภายใต้กรอบของ International North-South Transportation Corridor (INSTC) จากเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ผ่านภูมิภาคแอสตราคาน (Astrakhan) ของรัสเซีย ไปยังอิหร่าน และอินเดีย
ปัจจุบัน ภูมิภาคแอสตราคาน (Astrakhan) ถือเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพที่ดีในการเป็นศูนย์กลางการขนส่งและโลจิสติกส์ที่สำคัญของรัสเซีย โดยท่าเรือ Astrakhan และท่าเรือพาณิชย์ Olya แห่งใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโวลก้า ในภูมิภาคแอสตราคาน (Astrakhan) น่าจะเข้ามามีส่วนสำคัญในการขนส่งสินค้าตามแนวเส้นทางขนส่ง INSTC อย่างไรก็ดี เพื่อให้ท่าเรือทั้งสองดังกล่าวรวมถึงคอมเพล็กซ์การขนส่งและโลจิสติกส์ต่างๆ ได้รับการพัฒนาและถูกใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รัสเซียยังคงจำเป็นต้องมีความร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรต่างประเทศในการดำเนินงานด้วย ทั้งนี้ แม้ขณะนี้การมีส่วนร่วมในการขนถ่ายสินค้าของเครือข่ายรถไฟอิหร่าน และท่าเรือ Anzali (บริเวณทะเลแคสเปียน) และ ท่าเรือ Bandar Abbas (บริเวณมหาสมุทรอินเดีย) ของอิหร่าน อาจยังไม่ได้มีมากอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่ก็อาจเปลี่ยนแปลงได้ โดยเฉพาะหากเส้นทางรถไฟ Rasht-Astara ของอิหร่านได้ดำเนินการแล้วเสร็จ (คาดว่าในปลายปี 2567)
นอกจากเส้นทาง INSTC จะเป็นเส้นทางขนส่งจากเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ผ่านภูมิภาคแอสตราคาน (Astrakhan) ของรัสเซีย ไปยังอิหร่าน และอินเดียได้แล้ว ยังเป็นเส้นทางขนส่งที่สามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางขนส่งสินค้าจากจีน-คีร์กีซสถาน-อุซเบกิสถาน-เติร์กเมนิสถาน จากนั้นไปตามทะเลแคสเปียนไปยังท่าเรือในภูมิภาคแอสตราคาน (Astrakhan) ได้ด้วย Mr. Igor Babushkin ผู้ว่าการภูมิภาคแอสตราคาน (Astrakhan) ของรัสเซียซึ่งตั้งอยู่บริเวณทะเลแคสเปียน กล่าวว่า “เรากำลังเจรจากับเติร์กเมนิสถานในการสร้างสายการเดินเรือระหว่างท่าเรือของเราและการก่อสร้างศูนย์โลจิสติกส์ในภูมิภาคแอสตราคาน (Astrakhan) ตอนนี้เราพร้อมแล้วที่จะรับปริมาณการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียกลาง และรับประกันการขนส่งผ่านเส้นทาง INSTC โดยเส้นทาง INSTC นี้มีหลายเส้นทาง รวมทั้งที่ผ่านดินแดนคาซัคสถาน และอิหร่านด้วย”
การที่เส้นทางขนส่ง INSTC สามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางขนส่งสินค้าจากจีน-คีร์กีซสถาน-อุซเบกิสถาน-เติร์กเมนิสถาน และภูมิภาคแอสตราคาน (Astrakhan) ของรัสเซียได้นั้น จะทำให้ประเทศตอนใต้ของภูมิภาคเอเชียกลาง เช่น คีร์กีซสถาน อุซเบกิสถาน และเติร์กเมนิสถาน สามารถสร้างเส้นทางขนส่งหลายรูปแบบเชื่อมต่อกับ INSTC ได้ (ไม่ต้องผ่านคาซัคสถาน) ซึ่งจะสามารถช่วยลดการพึ่งพาคาซัคสถานซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ทางตอนเหนือของภูมิภาคเอเชียกลาง และทำให้คลายข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับการขนส่งผ่านคาซัคสถานไปยังรัสเซียได้ ตัวอย่างของข้อห่วงกังวลในการขนส่งสินค้าผ่านคาซัคสถาน เช่น ปัญหาในการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนคาซัคสถาน – คีร์กีซสถาน ซึ่งยังคงมีความติดขัด ที่ผ่านมา แม้คีร์กีซสถาน คาซัคสถาน และรัสเซีย จะเป็นสมาชิกของสหภาพเศรษฐกิจยูเรเชีย (EAEU) ที่มีพรมแดนร่วมกัน และการเกิดขึ้นของ EAEU จะตั้งอยู่บนหลักการพื้นฐาน 4 ประการ ได้แก่ การเคลื่อนย้ายสินค้า ทุน ผู้คน และบริการ อย่างเสรี แต่ก็ยังคงมีปัญหาความติดขัดในการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนคาซัคสถาน – คีร์กีซสถาน ในประเด็นนี้ Mr. Igor Shestakov ผู้อำนวยการ Oy Ordo Center for Expert Initiatives จากคีร์กีซสถานระบุว่า ปัญหาการจราจรติดขัดที่ชายแดนนี้มีมาอย่างยาวนาน โดยที่ผ่านมา ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าได้มีการร้องเรียนและกล่าวถึงความต้องการเส้นทางอื่นๆ ในการขนส่งสินค้าไปยังรัสเซีย ทั้งนี้ แม้ว่า EAEU จะพยายามมีส่วนร่วมในการบรรเทาปัญหานี้ แต่สถานการณ์ของปัญหาก็เปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นอกจากนี้ ปัจจุบัน คีร์กีซสถาน อุซเบกิสถาน และจีน ยังได้มองหาเส้นทางขนส่งในการจัดส่งสินค้าไปยังรัสเซียและยุโรป โดยข้ามผ่านคาซัคสถาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การก่อสร้างทางรถไฟจีน-คีร์กีซสถาน-อุซเบกิสถาน (CKU Railway) ซึ่งจะเริ่มต้นในไม่ช้า ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศของคีร์กีซสถานยังได้กล่าวถึงความสนใจของรัสเซียในการเข้าร่วมโครงการนี้บนดินแดนของคีร์กีซสถานด้วย โดยเส้นทาง CKU Railway จะทำให้สามารถส่งสินค้าจากจีน ผ่านคีร์กีซสถานไปยังอุซเบกิสถานได้โดยตรง และต่อไปยังเติร์กเมนิสถาน และท่าเรือบริเวณทะเลแคสเปียนในภูมิภาคแอสตราคาน (Astrakhan) ของรัสเซียได้
เส้นทางขนส่ง INSTC นับเป็นเส้นทางขนส่งที่มีศักยภาพที่จะสามารถเชื่อมต่อภูมิภาคเอเชียกับรัสเซียได้ จึงเป็นที่น่าจับตามองและต้องติดตามความก้าวหน้าในการพัฒนาเส้นทางขนส่งนี้อย่างใกล้ชิด โดยหากเส้นทาง INSTC ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ประเทศในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงเอเชียตะวันออกฉียงใต้ (รวมไทย) ก็น่าจะได้ประโยชน์จากเส้นทางขนส่งดังกล่าว โดยจะสามารถใช้เป็นเส้นทางในการขนส่งสินค้าเข้าไปบุกตลาดรัสเซียและตลาดในภูมิภาคเอเชียกลางได้มากขึ้นด้วย
ที่มา: New INSTC Transport Corridor Reduces Russia’s Dependence On North Central Asian Transit
https://www.ditp.go.th/post/139642
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!