CEO ARTICLE
ภัยพิบัติกับการเมือง
“วันที่ 2 มีนาคม 2534 คลังสินค้าเก็บเคมีระเบิดที่ท่าเรือคลองเตย”
ภัยพิบัติครั้งนั้น เกิดในคลังสินค้าท่าเรือซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในการกำกับของกระทรวงคมนาคมจากความร้อน เป็นอุบัติเหตุ ที่มีสารเคมีอันตรายวางทับซ้อนกระจายไปทั่ว ไฟไหม้ถึง 3 วัน สารพิษแพร่ไปในอากาศนับเดือน สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศไทย
ผู้เสียชีวิต 43 ราย บาดเจ็บจากสารพิษ 1,700 ราย ในจำนวนนี้มีหญิงตั้งครรภ์ 499 คน บ้านเรือนพังพินาศ และทำให้คนไร้ที่อยู่อาศัยอีกมากกว่า 5,000 คน
ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกน่าจะถอดบทเรียนจากภัยพิบัติครั้งนั้นเพื่อป้องกันได้ แต่ก็ยังเกิดขึ้นแม้ไม่ใหญ่นัก กระทั่งวันที่ 5 ส.ค. 2563 ที่ผ่านมา เคมีอันตรายในคลังสินค้าท่าเรือ กรุงเบรุตประเทศเลบานอนก็เกิดระเบิดคล้ายประเทศไทยในปี 2534 อีก
ครั้งนี้ เคมีแอมโมเนียมไนเตรตกว่า 2,750 ตันถูกเก็บตามคำสั่งศาลมานานถึง 6 ปีก็เกิดระเบิดขึ้นจากความร้อนเหมือนของไทย บางข่าวว่าเป็นการก่อวินาศกรรม ลอบวางเพลิง หรือก่อการร้าย
ความรุนแรงของภัยพิบัติครั้งนี้เทียบเท่า 1 ใน 5 ของระเบิดปรมณูที่ญี่ปุ่นเคยถูกถล่ม เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 157 คน บาดเจ็บกว่า 5,000 คน และคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตมากกว่านี้ บ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก คนไร้ที่อยู่จนชาวบ้านต่างออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาล
ถัดมาไม่ถึง 24 ชั่วโมง เวลา 18.00 น. ของวันที่ 6 ส.ค. 63 ก็เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ตลาดอัจมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพลิงรุกโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงจนเกิดความเสียหายท้้งที่ตลาดนี้ปิดทำการจาก Covid-19 คาดการว่าเป็นอุบัติเหตุและยังไม่มีการประกาศความเสียหาย
ภัยพิบัติที่มีความรุนแรงลักษณะนี้เกิดขึ้นหลายยครั้ง แม้จะมีการถอดบทเรียนแต่ก็เหมือนไม่หลาบจำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ภัยพิบัติ หากไม่ใช่ภัยทางธรรมชาติก็เกิดจากความประมาทของมนุษย์ แต่ทุก ๆ ภัยพิบัติก็ไม่เกินความสามารถของรัฐบาลทุกประเทศในการบริหารจัดการ ตัวอย่างเช่น การแพร่ระบาดของ Covid-19 ซึ่งมีการถอดบทเรียนการแพร่ระบาดไวรัสในอดีต บางรัฐบาลจึงป้องกันได้ดี
มันอยู่ที่รัฐบาล อยู่ที่นักการเมือง อยู่ที่วิสัยทัศน์ในการถอดบทเรียน และอยู่ที่การบริหารจัดการ
ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง นักการเมืองจะขายนโยบาย ขายความฝัน ขายความปลอดภัยเพื่อขอคะแนนเสียงจากประชาชน
หลังการเลือกตั้ง นักการเมืองส่วนหนึ่งได้จัดตั้งรัฐบาล อีกส่วนเป็นฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ และให้ทำตามนโยบายที่หาเสียง
นักการเมืองทุกคนมีเงินเดือน และก็มีเงินเดือนให้ผู้ช่วย ส.ส. อีก แต่หากได้เป็นรัฐมนตรีก็ยังมีข้าราชประจำมากมายหลายกรมกองเป็นผู้ช่วยเหลือ
แต่จะมีนักการเมืองสักกี่คน จะมีผู้ช่วย ส.ส. และมีผู้ช่วยรัฐมนตรีสักกี่คนที่ภายหลังเลือกตั้งแล้วจะเข้ามาถอดบทเรียน จะเข้ามาตรวจสอบสถานที่ที่อาจมีภัยพิบัติเพื่อการป้องกัน
ภัยพิบัติจากประเทศเลบานอนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เพิ่งเกิดขึ้น และเป็นบทเรียนที่จะถอดอย่างดี อย่างน้อยวันนี้ก็น่าจะมีนักการเมืองแต่ละจังหวัดเสนอให้เรียกหน่วยราชการสำรวจดู ท่าเรือ โรงงาน คลังสินค้า หรือแหล่งที่เก็บเคมีอันตรายอยู่ที่ไหนบ้าง ???
สถานที่ทั้งของรัฐและเอกชนเหล่านี้มีมาตรการการป้องกันภัยพิบัติอย่างไร ยังใช้ได้ดีหรือไม่ หรือต้องมีการปรับปรุงเพื่อป้องกันภัยพิบัติ ???
วันนี้ ประเทศไทยมีท่าเรือ มีคลังสินค้าอันตรายนับพันแห่ง บางแห่งเก็บสารเคมีอันตราย และสารเคมีอันตรายส่วนใหญ่เป็นสินค้าต้องกำกัดหรือต้องขออนุญาตก่อนนำเข้า
หลายกรณีใบอนุญาตไม่ผ่าน หลายกรณีเป็นการลักลอบนำเข้า ถูกยึด จะส่งกลับออกไปก็ไม่ได้ ยังถูกเก็บรักษา ยังรอการทำลายอย่างเช่นกรณีเลบานอนที่ต้องรักษามาถึง 6 ปี ในครั้งนี้
หากสารเคมีอันตรายนำเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย เมื่อเรื่องนำขึ้นสู่ศาลพิจารณา ศาลท่านก็ต้องตัดสินและให้จัดการไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย
หากกฎหมายมีช่องว่างให้เกิดความเสี่ยงต่อภัยพิบัติ มันก็เป็นหน้าที่ของนักการเมืองอีกนั่นล่ะที่จะแก้ไขกฎหมายให้รัดกุมเพื่อป้องกันภัยพิบัติ
ตอนนี้ใคร ๆ ก็รู้ว่ากฎหมายอะไรก็แก้ไขได้แม้รัฐธรรมนูญหากเป็นการแก้ไขเพื่อประชาชนไม่ใช่เพื่อนักการเมือง หากการป้องกันภัยพิบัติยังปล่อยให้ข้าราชการเป็นผู้จัดการฝ่ายเดียว ข้าราชการก็ต้องจัดการไปตามบทบัญญัติของกฎหมายเท่านั้น
ภัยพิบัติกับการเมืองจึงหนีกันไม่พ้น นักการเมืองจึงต้องรับผิดชอบมากกว่าข้าราชการ
แนวคิดนี้น่าจะเป็นที่เข้าใจในหลายประเทศ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาประชาชนเลบานอนจึงลุกขึ้นก่อการจราจล ทำลายสถานที่ราชการและทรัพย์สินเพื่อประท้วงรัฐบาลที่ละเลยการป้องกัน และมีข่าวว่า การจราจลกลายเป็นแรงกดดันให้รัฐบาลอาจต้องยุบสภาหรือให้มีการเลือกตั้งใหม่ก็ได้
เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องย้ำเตือนว่า ภัยพิบัติกับการเมืองหนีกันไม่พ้นจริง ๆ
เหลียวดูประเทศไทย วันนี้ใครเป็น ส.ส. ก็ต้องควบคุมรัฐมนตรี ใครเป็นรัฐมนตรีก็ต้องกำกับดูแลหน่วยงานในสังกัดให้ทำงาน ให้เร่งตรวจสอบ กฎหมายใดควรแก้ไขก็ให้เร่งแก้ไข ให้เร่งทำหน้าที่เพื่อประชาชนเพื่อป้องกันภัยพิบัติ
แต่หากนักการเมืองเหล่านี้ยังขาดวิสัยทัศน์ ยังไม่ถอดแบบเรียนจากภัยพิบัติ ยังอยู่แต่ในวังวนของผลประโยชน์ทางการเมือง วันหนึ่งข้างหน้าประเทศไทยก็อาจเกิดภัยพิบัติอีกก็ได้
การเลือก ส.ส. การเลือกนักการเมืองที่ขาดวิสัยทัศน์ ขาดความสามารถ และขาดความมุ่งมั่นในการสร้างความปลอดภัยให้แก่ประชาชน มันจึงสะท้อนกลับไปสู่ประชาชนที่เลือกให้รับกรรมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกอย่างจึงวนกลับมาอยู่ที่ประชาชน
หากไม่เชื่อก็ดูคดีที่มีความเร็วรถที่สลับไปมาระหว่าง 70 กับ 170 กม. ต่อชั่วโมง หรือการปล่อยปละละเลยให้ทหารอียิปต์ที่ติดเชื้อ Covid-19 มาเดินห้างในจังหวัดระยองดูก็ได้
ประชาชนไม่ยอม สื่อมวลชนประโคมข่าว นายกรัฐมนตรีก็ไม่ O.K. นักการเมือง และข้าราชการก็ต้องลุกขึ้นมาขับเคลื่อน ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้อย่างที่เห็น
ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร
CEO – SNP Group
อ่านบทความอื่นที่เขียนโดย ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร ได้ที่ http://snp.co.th/e-journal/
Logistics
เมืองผิงเสียงจัด ไลฟ์สด ขายผลไม้ (ไทย) หมด 10 ตู้คอนเทนเนอร์ ใน 13 นาที
เทศกาลส่งเสริมการค้าผลไม้อาเซียน ผ่านช่องทาง e-Commerce จัดขึ้นที่ “ศูนย์ซื้อขายสินค้าเกษตรอัจฉริยะผิงเสียง-เจียงหนาน (อาเซียน)” ในอำเภอระดับเมืองผิงเสียงของเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง การจัดงานเป็นการผสมผสาน “ออฟไลน์พ่วงออนไลน์” โดยการเชิญนักไลฟ์สดมืออาชีพ (Key Opinion Leader – KOL) มาช่วยขายผลไม้บนโลกสังคมออนไลน์ สร้างยอดวิวได้มากกว่า 1 แสนคน/ครั้ง และมีการสั่งซื้อผลไม้ผ่านแพลตฟอร์มไลฟ์สดมากกว่า 15,700 กล่อง ทำให้ทุเรียน ลำไย และมะพร้าวน้ำหอม จำนวนรวม 10 ตู้คอนเทนเนอร์ น้ำหนักรวม 228 ตัน ขายหมดภายใน 13 นาที
กิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นโดยบริษัท Guangzhou Jiangnan Agricultural Development Co., Ltd. (广州江楠农业发展有限公司) เจ้าของตลาดค้าส่งผลไม้ที่มีชื่อเสียงในนครกว่างโจว (ต่อไปเรียกว่า ตลาดเจียงหนาน) ที่รุกคืบเข้ามาลงทุนขยายกิจการในกว่างซีผ่าน “ศูนย์ซื้อขายสินค้าเกษตรอัจฉริยะผิงเสียง-เจียงหนาน (อาเซียน)” (凭祥·江楠(东盟)农产品智慧交易中心) โดยศูนย์แห่งนี้เป็นแพลตฟอร์มการค้าสมัยใหม่ที่ผสมผสานระหว่างการค้า “ออนไลน์+ออฟไลน์” ที่มีฟังก์ชันครบครัน ทั้งการซื้อขาย การค้าออนไลน์ คลังสินค้า ห่วงโซ่ความเย็น โลจิสติกส์ และการดำเนินพิธีการศุลกากร
กิจกรรมดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้ค้าออนไลน์ ผู้เชี่ยวชาญในแวดวง e-Commerce และผู้จัดหาสินค้า (Merchandiser) เป็นอย่างมาก รวมถึงรัฐบาลเมืองผิงเสียง โดยมีเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเมืองผิงเสียงและนายกเทศมนตรีเมืองผิงเสียงเป็นผู้แทนเข้าร่วมพิธีเปิดด้วย
ตลาดเจียงหนานเห็นโอกาสอะไรในเมืองผิงเสียง ย้อนกลับไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2560 ตลาดเจียงหนานได้พัฒนาแอปพลิเคชันค้าปลีกผลไม้ชื่อว่า Freshjn (江楠鲜品) ให้ผู้บริโภคได้สั่งซื้อผลไม้ผ่านสมาร์ทโฟน ต่อมาในเดือนธันวาคม 2561 ตลาดเจียงหนานได้เข้ามาจัดตั้ง “สวนอุตสาหกรรมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ผิงเสียง (Freshjn)-อาเซียน” (凭祥·江楠鲜品东盟电商产业园) แพลตฟอร์มการค้าผลไม้แบบ B2B ซึ่งมีนัยสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจการค้าผลไม้อาเซียนของเมืองผิงเสียง
ล่าสุด เมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 ตลาดเจียงหนานได้เริ่มพัฒนาโมเดลธุรกิจ “ส่งตรงจากผิงเสียง” เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายแบบผสมผสานออนไลน์กับออฟไลน์ ปัจจุบัน โมเดลธุรกิจดังกล่าวช่วยให้การจัดส่งผลไม้ถึงมือผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ แบบกดสั่งวันนี้ ส่งถึงมือวันพรุ่งนี้ (เรียกสั้นๆ ว่า T+1) ครอบคลุมพื้นที่ 85% ทั่วกว่างซี ช่วยบริหารจัดการซัพพลายเชนทั้งระบบให้มีความกระชับและลดความสูญเปล่าที่เกิดขึ้น ช่วยประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจอย่างมาก และช่วยให้ผู้บริโภคในจีนได้บริโภคผลไม้ที่มีคุณภาพสดใหม่อย่างรวดเร็ว
“ตลาดเจียงหนาน” เป็นผู้เล่นตัวหลักในตลาดผลไม้นำเข้าในประเทศจีน กลยุทธ์ของตลาดเจียงหนานมุ่งไปที่การจับ “ตลาดต้นน้ำ” เนื่องจากด่านโหย่วอี้กวานในเมืองผิงเสียงเป็นเมืองหน้าด่านของการนำเข้าผลไม้เมืองร้อนจากอาเซียน (เวียดนามและไทยเป็นหลัก) จากสถิติปี 2562 ด่านแห่งนี้มีการนำเข้าผลไม้มากถึง 1.09 ล้านตัน (สัดส่วน 93.16% ของการนำเข้า-ส่งออกผลไม้ทั้งหมด) คิดเป็นมูลค่ากว่า 8,800 ล้านหยวน ทำให้เมืองผิงเสียงป็นพื้นที่เป้าหมายของตลาดเจียงหนานในการเข้ามาขยายกิจการในกว่างซี
ตามรายงาน แพลตฟอร์ม Freshjn อยู่ระหว่างการพัฒนาโมเดลการค้ารูปแบบใหม่เพื่อกระตุ้นการซื้อขายสินค้าเกษตรอาเซียนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อาทิ การพัฒนาผู้ค้าออนไลน์ การซื้อขายล่วงหน้า (Future Market) การไลฟ์สดเพื่อส่งเสริมการขาย และการประมูลสินค้า โดยจะดำเนินการไปพร้อมกับการพัฒนาเครือข่ายผู้ค้าออนไลน์ในการจัดส่งผลไม้อาเซียนไปทั่วประเทศจีน เช่น การรวมสินค้าก่อนส่ง ห่วงโซ่ความเย็น และระบบประเมินความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบธุรกิจเดียวกัน
บีไอซี ขอให้ข้อมูลว่า อำเภอระดับเมืองผิงเสียงมีความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์และการคมนาคมขนส่ง เนื่องจากที่ตั้งอยู่ใกล้แหล่งผลิตผลไม้ทางภาคตะวันออกของไทย การขนส่งจากแหล่งผลิตไปถึงประเทศจีนมีระยะทางที่สั้น(กว่าเส้นทาง R3A) ทั้งเส้นทาง R8 R9 และ R12 และมีด่านนำเข้าผลไม้ที่มีประสิทธิภาพ (ด่านทางบกโหย่วอี้กวานและด่านรถไฟผิงเสียง) ช่วยทำให้การค้าคล่องตัว
นอกจากนี้ ในยุคที่อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทอย่างมากในสังคมจีน ทำให้ช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านระบบ e-Commerce ในจีนก้าวหน้าย่างรวดเร็ว จากการซื้อขายผ่านหน้าเว็บไซต์ มาเป็นการพัฒนาแอปพลิเคชันหลักหรือสอดแทรก Official account ในแอปพลิเคชันต่าง ๆ บนสมาร์ทโฟน จนมาถึงการไลฟ์สดที่กำลังเป็นกระแสนิยมสูงสุดในจีนขณะนี้ นับเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยที่สามารถใช้ช่องทางที่หลากหลายในการโปรโมทหรือขยายตลาดสินค้าไทยในประเทศจีน
จัดทำโดย นายกฤษณะ สุกันตพงศ์ ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครหนานหนิงเว็บไซต์ www.gx.chinanews.com (中新社广西) วันที่ 30 กรกฎาคม 2563
เว็บไซต์ www.people.com.cn (人民网) วันที่ 30 กรกฎาคม 2563
ที่มา : https://thaibizchina.com
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!