CEO ARTICLE
มุมมอง 2567
อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยในปี 2567 ?
หากพิจารณาตัวเลข 2567 ตามแบบคนนิยมตัวเลข
ผลรวมของ 2567 คือจำนวน 20 ถือเป็นเลขเศรษฐี ถือเป็นเลขมงคลที่ดี ในทางตัวเลขจึงมองได้ว่า ปี พ.ศ. 2567 น่าจะเป็นปีที่ดีกว่า 2566 ที่ผ่านไปแล้วแน่ ๆ
ตัวเลขเป็นเพียงตัวเลข เป็นเรื่องของการทำนาย และเป็นเรื่องของความเชื่อ
แต่จากสถานการณ์ Covid-19 ที่ได้ผ่านพ้นไปเกือบหมด คนในทุกประเทศทั่วโลกออกมาใช้ชีวิตเกือบปกติ การซื้อ การขาย การนำเข้า การส่งออก การเดินทาง การขนส่ง Logistics และอื่น ๆ ก็กลับมาเกือบเหมือนปกติ
จีนที่เป็น Supply Chain ที่ใหญ่ที่สุดของโลกคลายการล็อกดาวน์ตัวเอง สงครามยูเครน-รัสเซียเบาบางลง ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีนเบาบางลง แม้จะเกิดสงครามอิสราเอล-ฮามาสขึ้นมาแทนที่ แต่สถานการณ์จนถึงสิ้นปี 2566 ที่มีต่อโลกโดยรวมก็ยังพอรับได้
ในด้านปรากฏการณ์โลกจึงพอจะชี้ว่า ปี 2567 น่าจะดีกว่า 2566 เหมือนตัวเลข
สำหรับประเทศไทย ก่อนสิ้นสุดปี 2566 สิ่งที่เห็นชัดเจนคือ ถนนไปสู่ภูมิภาคต่าง ๆ ได้รับการพัฒนามากขึ้น มีโครงข่ายถนนที่เชื่อมโยงกัน และให้ความสะดวกมากขึ้น
แม้ Landbridge จะมีเสียงคัดค้าน เสียงเห็นด้วย มีการเมืองต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง และหยุดชะงักลง แต่เพราะการขนส่งทางบกในประเทศไทยเจริญขึ้น ประเทศต่าง ๆ จะใช้ไทยเป็นทางผ่านมากขึ้น และบ่งชี้ว่าการแข่งขันด้าน Logistics ในปี 2567 ของไทยน่าจะดุเดือดขึ้นแน่
ปี 2567 ผู้ประกอบการ Logistics ของไทยจะเชื่อมเครือข่ายต่างประเทศ (International Network) มากขึ้น เชื่อมต่อ Supply Chain ใช้การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้นเพื่อสร้างการบริการแบบบูรณาการ และเป็นประโยชน์ต่อผู้นำเข้าและผู้ส่งออกของไทยมากขึ้น
การเมืองโลกและการเมืองไทยช่วงสิ้นสุดปี 2566 เอื้อประโยชน์ต่อการค้าและการลงทุนจึงเป็นมุมมองให้เห็นว่า ปี 2567 น่าจะดีขึ้นกว่าปี 2566
สังคม เศรษฐกิจ และการเมืองทั่วโลกเป็นของคู่กัน แยกกันไม่ออก แต่การเมืองเป็นฝ่ายนำ นำทั้งสังคมและเศรษฐกิจให้ไปสู่การพัฒนาหรือความถดถอยของทุกประเทศไม่ต่างกัน
ปี 2563 – 2566 การเมืองไทยจมอยู่กับความขัดแย้งอย่างหนักจากรัฐบาลที่มีผลพวงจากการรัฐประหาร และการต่อต้านจนทำให้สังคมและเศรษฐกิจได้รับผลกระทบตามไปด้วย
ในที่สุด การเลือกตั้งในเดือน พ.ค. 2566 ก็ได้ข้อยุติ
คนไทยมีสิทธิเลือกตั้งราว 52 ล้านคน ออกมาใช้สิทธิราว 39 ล้านคน หรือร้อยละ 75
ผลการเลือกตั้งบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า คนไทยส่วนใหญ่ต้องการยุติความขัดแย้ง และต้องการความเปลี่ยนแปลงจึงหันไปเทคะแนนให้พรรคการเมืองขั้วตรงข้ามจนได้ตั้งรัฐบาล
ความขัดแย้งทางการเมืองทุเลาลง ความเปลี่ยนแปลงอย่างที่ต้องการกำลังเริ่มต้นขึ้น
แต่ไม่มีใครรู้ว่า นักการเมืองจะสร้างความไม่ชอบธรรมรูปแบบใหม่ให้เกิดขึ้นแทนที่หรือไม่ จะกล้าเปลี่ยนวันหยุดเพื่อประโยชน์พวกพร้อง จะมีวาระซ่อนเร้น มีผลประโยชน์ทับซ้อนมากน้อยเพียงใด และไม่มีใครรู้ว่า ความขัดแย้งทางการเมืองรูปแบบใหม่ ๆ จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ???
ทั้งหมดนี้ไม่มีใครรู้ แต่สิ่งที่รู้และเคยเกิดในอดีตคือ ความไม่ชอบธรรมและความขัดแย้งทุกครั้งนำไปสู่การต่อต้าน การรัฐประหาร และความถดถอยทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างเป็นวังวน
ประชาชนสร้างนักการเมือง และประชาชนก็ล้มนักการเมืองได้อย่างเป็นวังวนเช่นกัน
เมื่อการเลือกตั้งสิ้นสุด เมื่อรัฐบาลจัดตั้งสำเร็จ คนไทยก็ได้แต่ภาวนาว่า รัฐบาลที่ผ่านเสียงส่วนใหญ่จากประชาชนจะพาประเทศไทยให้วิ่งตามการพัฒนาของโลกได้ ตามตัวเลขมงคง 2567 ได้ จะผลักดันประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้า และสร้างความสุขให้แก่คนไทยทุกคนได้
วันนี้ นักการเมืองที่ประชาชนเลือกมาจึงเป็นความหวังเดียวของประชาชน
ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2567 ที่มาถึงนี้ ผู้บริหารกลุ่ม SNP Group และคณะผู้จัดทำบทความขอภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลกโปรดบันดาลนักการเมืองที่มาจากประชาชนให้มีจริยธรรม มีธรรมาภิบาล และมีจิตสำนึกที่มากพอเพื่อทำประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง
ขอให้ท่านผู้อ่าน ครอบครัว และบุคลากรในองค์กรได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจโลกที่กำลังเติบโต ให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง ปลอดโรค ปลอดภัย คิดดี ทำดี ทำมาค้าขึ้น ให้พบแต่ความสุข และความเจริญตลอดปี 2567 ด้วยเทอญ
สวัสดีปีใหม่ 2567
Happy New Year 2024
ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร
for Home and Health,
please visit https://www.inno-home.com
อ่านบทความอื่นที่เขียนโดย ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร ได้ที่ http://snp.co.th/e-journal/
Date Published : January 2, 2024
Logistics
โดรนที่จะโบยบินปีงูใหญ่
ยังยกให้เป็นอากาศยานยอดฮิต ติดอันดับแถวหน้าของการให้ความสนใจจากชาวโลกต่อไปอย่างต่อเนื่อง หลังถูกยกให้ยืนเด่นตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา
สำหรับ “อากาศยานไร้คนขับ” หรือ “โดรน” (Drone : Dynamic Remotely Operated Navigation. Equipment)
ทั้งนี้ ก็เพราะ “โดรน” ถูกนำไปใช้ในภารกิจต่างๆ ตั้งแต่กิจการของพลเรือน ไปจนถึงปฏิบัติการทางทหาร โดยกิจการของพลเรือนนั้น ก็ใช้โดรนในภารกิจสารพัด ไล่ไปตั้งแต่การใช้ถ่ายภาพ บันทึกภาพ ทั้งในแบบภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว เช่น การบันทึกวิดีทัศน์ หรือวิดีโอ เป็นต้น และการใช้เพื่อการลำเลียงขนส่งสิ่งของต่างๆ รวมถึงการกู้ภัย ในพื้นที่ที่เสี่ยงอันตราย หรือพื้นที่ที่เดินทางด้วยความยากลำบาก หรือการจราจรติดขัด
นอกจากนี้ ก็ยังใช้เพื่อการคมนาคม โดยสารของผู้คน อย่างที่เรียกว่า “โดรนแท็กซี่” ซึ่งกิจการนี้ได้รับการจับตาเป็นอย่างมาก เพราะจะมีการประชันกันอย่างร้อนแรง ระหว่างบริษัทผู้ผลิตโดรน ทั้งในฟากเอเชีย ที่มีจีนแผ่นดินใหญ่ ยืนอยู่แถวหน้า เช่น โดรนของอีหั่ง เป็นต้น กับเหล่าบริษัทผู้ผลิตโดรนของฟากยุโรปและสหรัฐฯ
ส่วนโดรนที่ใช้ในปฏิบัติการทางทหาร ก็ประชันขันแข่งอย่างร้อนแรงไม่แพ้กัน ทั้งของฟากสหรัฐฯ และยุโรป และฝั่งของเอเชีย ที่มีผู้ผลิตระดับชั้นนำอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นของจีน หรือแม้กระทั่งอิหร่าน ก็เป็นที่จับตาของวงการโดรนทางการทหารด้วยเช่นกัน
โดยในปี 2024 (พ.ศ. 2567) หรือปีนักษัตรมะโรง งูใหญ่ ที่แม้เพิ่งย่างเข้าเมื่อช่วงไม่กี่เพลาที่ผ่านมานั้น บรรดานักวิเคราะห์ก็แสดงทรรศนะว่า “โดรน” ยังคงเป็นอากาศยานยอดนิยมที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงต่อไปอีกเช่นเคย พร้อมกับคาดการณ์กันด้วยว่า ดีไม่ดีอาจจะลากยาวไปถึงปี 2031 (พ.ศ. 2574) หรืออีก7 ปีนับจากนี้เป็นอย่างน้อย
นอกจากนี้แล้ว “โดรน” ก็จะยังได้รับการพัฒนาให้มีความล้ำสมัยทางเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็น “โดรน” ที่ใช้ประโยชน์ของพลเรือน เพื่อการช่วยเหลือ สร้างสรรค์ เป็นประการต่างๆ และ “โดรน” ที่ใช้ปฏิบัติภารกิจทางทหาร ในฐานะอาวุธเข่นฆ่าประหัตถ์ประหารเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ล้วนต้องถูกพัฒนาให้มีเทคโนโลยีอันสุดล้ำไปด้วยกันทั้งสิ้นนับจากนี้
ทั้งนี้ แรงจูงใจที่จะทำให้เกิดการพัฒนาโดรนให้สุดล้ำได้ต่อไปนั้น ก็เป็น “ปัจจัยทางการตลาด” ของโดรน ซึ่งมีการซื้อ การขาย กันอย่างคึกคักรวมกันแล้วหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของเหล่าบรรดาบริษัทผู้ผลิตโดรนออกมาจำหน่าย นั่นเอง ถือเป็นสาเหตุแรงจูงใจอันหอมหวาน
ตามการประเมินของบรรดานักวิเคราะห์ ก็ระบุว่า เฉพาะในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา เหล่าบริษัทผู้ผลิตโดรนมีรายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยในปี 2022 (พ.ศ. 2565) ที่ผ่านมานั้น ตลาดโดรนทำรายได้จนมีมูลค่าอยู่ที่กว่า 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเมื่อถึงปี 2030 (พ.ศ. 2573) มูลค่าการซื้อขายในตลาดโดรน ก็จะพุ่งทะยานขึ้นไปอยู่ที่กว่า 5.5หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสถานการณ์แนวโน้มของตลาดโดรนในอนาคตนั้น บรรดานักวิเคราะห์แสดงทรรศนะไปในทิศทางเดียวตรงกันว่า พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอนในส่วนของตลาดการซื้อขายโดรนนี้ ไม่ว่าจะเป็นโดรนที่ใช้ในกิจการพลเรือน และโดรนที่ใช้ในภารกิจทางการทหาร
สำหรับ โดรนที่ถูกคาดหมายและจับตามองในปี 2024 (พ.ศ. 2567) นี้ ก็จะเป็นโดรนที่ได้รับการพัฒนาในกิจการต่างๆ หลายประเภทด้วยกัน ได้แก่
“โดรนเพื่อการขนส่งโดยสาร”
โดยเหล่าบริษัทผู้ผลิตโดรน จะประชันแข่งขันกันพัฒนาเทคโนโลยีโดรนเพื่อการขนส่งโดยสาร หรือที่หลายคนเรียกว่า โดรนแท็กซี่ ในปีนี้กันอย่างร้อนแรง ซึ่งน่าจะร้อนแรงกว่าปีที่ผ่านๆ มา ทั้งในฟากของจีน ที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีโดรนแท็กซี่ จนล้ำหน้า และมีชาติอื่นๆ สนใจที่จะเป็นลูกค้าแล้ว นอกจากนี้ ก็ยังมีผู้ผลิตโดรนของทางฝั่งยุโรป อย่างเยอรมนี เป็นต้น หรือทางฟากสหรัฐฯ ไม่เว้นกระทั่งในออสเตรเลียและเกาหลีใต้ ก็มีพัฒนาการไปไกลแล้วเช่นกัน ส่วนชาติที่จะมาเป็นลูกค้าสำคัญๆ ก็จะเป็นทางภูมิภาคตะวันออกกลาง เช่น สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นอาทิ
“โดรนเพื่อการเกษตรกรรม”
โดยที่ผ่านมา โดรนถูกนำมาใช้ทำประโยชน์ด้านการเกษตรเป็นประการต่างๆ เช่น การหว่านเพาะเมล็ดพันธุ์ หรือแม้แต่การใช้เพื่อพ่นยาปราบศัตรูพืช
ส่วนในปี 2024 นี้ โดรนเพื่อการเกษตรกรรม ได้รับการคาดหมายว่า บรรดาบริษัทต่างๆ จะพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้โดรนมีศักยภาพการทำเกษตรแบบแม่นยำสูงและอย่างยั่งยืน (Precision Agriculture and Sustainability) ได้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการฟาร์มเกษตรอย่างมีความเหมาะสม การจัดการเชิงพื้นที่ การจัดการด้านข้อมูลภายในฟาร์ม รวมไปจนถึงการเตรียมการเพื่อตอบสนองกับความแปรปรวนของโลกต่อฟาร์มเกษตร ที่เกษตรกรในแต่ละพื้นที่จะต้องเผชิญกันได้อีกด้วย
“โดรนเพื่อโครงสร้างพื้นฐานและการซ่อมบำรุงเชิงคาดการณ์”
โดยโดรนประเภทนี้ จะเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อให้โดรนมีศักยภาพในการคาดการณ์เกี่ยวกับการก่อสร้าง ทั้งในด้านการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน หรืออินฟราสตรักเจอร์ ตลอดจนการซ่อมการบำรุง ซึ่งโดรนจะประมวลผลข้อมูลต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ
“โดรนเพื่อสนับสนุนการกู้ภัยในเหตุฉุกเฉิน”
โดยโดรนประเภทนี้ จะได้รับการพัฒนาเพื่อให้มีศักยภาพสำหรับการรับมือในเหตุฉุกเฉิน หรือสาธารณภัยต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลำเลียงขนส่งอุปกรณ์เพื่อการกู้ภัย หรือแม้กระทั่งอาจลำเลี้ยงผู้ประสบเหตุจากในพื้นที่เสี่ยงภัย ซึ่งล่อแหลมที่จะเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์ รวมถึงการข้ามพ้นอุปสรรคเรื่องการจราจรที่ติดขัด หากเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นบนท้องถนนในชั่วโมงเร่งด่วน
ทั้งนี้ บรรดาโดรนเหล่านี้ ก็จะมีการพัฒนาเทคโนโลยีให้ประมวลข้อมูลที่แม่นยำ บรรทุกลำเลียงได้มากขึ้น และทะยานบินได้ไกลมากขึ้นยิ่งกว่าเก่า
ที่มา: https://siamrath.co.th/n/504033
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!