SNP NEWS

ฉบับที่ 409

มองอย่างหงส์

“วูบเดียว”

trennungsschmerz

“เธอยอมให้ผมนำเรื่องของเธอมาเขียนจริง ๆ หรือ ???”
“จริงซิคะ แต่ห้ามเขียนว่ามันเป็นเรื่องของผู้หญิงสวย ๆ น่ารัก ๆ
คนหนึ่งนะ”
“ตกลง” เป็นคำตอบของผม

แม้เธอจะบอกว่า ไม่สวย ไม่น่ารัก
แต่ผมก็ยังมองว่าเธอสวยและน่ารักอยู่ดีโดยเฉพาะนิสัยที่ดีของเธอในวันนี้
เธอเป็นคนดี มีความรับผิดชอบ และมีความกตัญญูเป็นเลิศ
ขณะที่เธอกลับบอกผมในทางตรงกันข้าม เธอบอกว่าในอดีตเธอเป็นคนเอาแต่ใจตัวมาก ๆ
คนหนึ่ง
เรื่องที่เธออนุญาตให้นำมาเปิดเผย มันเริ่มจากอดีตเธอเป็นคนสวยมากนี่ละ
รูปเก่าก่อนของเธอเป็นสิ่งยืนยันได้ดี
ความสวยทำให้เธอรู้จักผู้ชายมากมาย แล้วคนหนึ่งก็เข้ามาในชีวิต
มันเหมือนนางเอกต้องเจอกับพระเอก
จากนั้นเธอก็อยู่กินกับชายผู้นี้ในขณะที่เธออายุยังไม่มาก
อยู่กันได้ 2-3 ปี เธอยอมรับว่าผู้ชายดูแลเอาใส่ใจดีมาก
แต่เธอก็พบเห็นด้านไม่ดีงามของเขา พอนานวันเข้า ไอ้ความคิดที่ไปรู้
ไปเห็นก็พัฒนาของมันไป
ความคิดของเธอต่อเติมเสริมแต่งขึ้นไปไม่หยุดหย่อน
แล้ววันหนึ่งสถานการณ์ก็สุกงอม
ไอ้ความคิดที่ต่อยอดขึ้นก็เป็นตัวทำให้เธอตัดสินใจขอแยกทางจากชายผู้นี้
วินาทีที่เธอตัดสินใจ มันจึงผ่านความคิดที่ต่อเติมเสริมแต่งมาแล้ว
รอเพียงสถานการณ์ที่สุกงอมเท่านั้น เมื่อข้อมูลเติมแต่งพร้อม มันก็ง่าย ๆ
ไม่มีพิธีรีตองใด ๆ ต่อการตัดสินใจ
“วูบเดียว”
แล้วเธอก็ตัดใจ ตัดเป็นตัด เธอมั่นใจในความสวยของตนเองที่จะหางานดี ๆ ทำ
หรือสร้างงานของเธอได้ เธอมั่นใจว่าจะพบสิ่งดีงาม
และเธอก็มองว่าอนาคตน่าจะดีกว่าเดิม
หลังแยกทางกัน เธอเข้าสังคม เข้าอบรมเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ งานขาย
งานประชาสัมพันธ์ เธอมีงานที่ดีทำ
แต่เพียงไม่นานผู้ชายที่เธอทิ้งมาก็มีผู้หญิงคนใหม่
แล้ววันนั้นเธอก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
“เขาเป็นผู้ชายที่ดีนี่นา เขาดูแลเอาใจใส่ดีมากด้วย” นี่คือสิ่งที่เธอบอกออกมา
“วูบเดียว”
เพียงวูบเดียวที่ทำให้เธอตัดสินใจทิ้งผู้ชายดี ๆ ในวันนั้นแล้วอยู่ ๆ
วูบนั้นก็ฉายภาพที่ดีงามต่าง ๆ ขึ้นในเวลาต่อมา
เธอร้องไห้ เธอเสียใจ แต่จะหวนกลับก็ทำไม่ได้เพราะเขามีคนใหม่แล้ว
เธอจึงตัดสินใจเดินหน้าต่อ
ชีวิตต้องเดินต่อไป การทำงานทำให้เธอพบผู้ชายคนใหม่ แต่งงานกัน
เธออยู่กับชายผู้นี้ได้นานกว่าคนแรก แล้วสิ่งไม่ดีของผู้ชายก็มีให้เห็นอีก
ความไม่ดีของเขาเริ่มมีให้เห็นมากขึ้น แล้วความคิดก็ค่อย ๆ ต่อยอด เติมแต่ง
แล้วเสริมขึ้นไปจนสะสมเพิ่มขึ้นทุกวัน
ในที่สุด “วูบเดียว” ก็เกิดขึ้นมาอีกจนได้ ง่าย ๆ ไม่มีพิธีรีตองเหมือนเดิม
เธอก้าวออกจากผู้ชายคนที่ 2 อีก แต่ครั้งนี้เธอบอก เธอไม่เสียใจ
มันอาจเกิดจากเธอเคยเสียใจมาแล้วครั้งหนึ่งจึงชาชินโดยไม่เสียใจอีก
หรืออาจเกิดจากผู้ชายคนที่ 2 ไม่ดีจริง ๆ ก็ได้
สิ่งนี้คงมีแต่เธอเท่านั้นที่จะรู้
แล้วเธอก็มาถึงวันนี้ วันนี้เธอเข้าใจชีวิต แล้วเธอก็คิดได้ว่า “วูบเดียว”
ของคน ๆ หนึ่งมันอาจก่อให้เกิดความเสียใจไปตลอดชาติก็ได้
เธออยากบอกให้คนอื่นได้รู้

“วูบเดียว”
ในโลกนี้ ไม่ว่าหญิงหรือชาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัวหรือการงาน
ทุกคนมีสิทธิ์ตัดสินใจด้วยอารมณ์เพียงวูบเดียวกันทั้งนั้น
หากจะถามว่า คนที่ใช้อารมณ์วูบเดียวในการตัดสินใจไม่ว่าเรื่องใด ๆ
ก็ตามแล้วได้ดี พอจะมีให้เห็นบ้างไหม ???
คำถามแบบนี้ใคร ๆ ก็ตอบได้ว่า “มันก็พอจะได้ดีให้เห็นบ้าง”
แต่ส่วนใหญ่การตัดสินใจด้วยอารมณ์วูบเดียวมันจะมีหลักการ
มันจะมีเหตุผลมากพอและดีพอได้อย่างไร
ดังนั้น โอกาสที่จะได้ดีก็ต้องมีไม่มากตามไปด้วย
คนที่ตัดสินใจด้วยอารมณ์วูบเดียวแบบหุนหันพลันแล่น
มันต้องมีอะไรบางอย่างเป็นตัวชี้นำ
ไม่อย่างนั้นเขาจะตัดสินใจด้วยวูบเดียวได้อย่างไร
คนส่วนใหญ่ที่ตัดสินใจวูบเดียวมักจะค่อย ๆ เก็บสะสมข้อมูลที่มีอารมณ์ร่วมมาก่อน
เช่น ภรรยาเอาแต่เก็บข้อมูลไม่ดีของสามีแต่ลืมเรื่องที่ดีในกรณีข้างต้น
หรือเพื่อนเอาแต่เก็บเรื่องไม่ดีของเพื่อน แต่ลืมเรื่องที่ดี พอสถานการณ์สุกงอม
อารมณ์วูบเดียวก็เกิดขึ้น
คนอยากรวยก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง เขามักหาข้อมูลวิธีการร่ำรวยเก็บไว้ บางคนพบว่า
การเข้าอบรมการขายสินค้าแบบสมาชิก หรือขายแบบลูกโซ่สามารถสร้างรายได้ที่ดี
“ฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึงที่ฝัน” นี่คือสิ่งที่เขาใช้กันในการอบรม
คนเข้าอบรมจะถูกจูงให้มีอารมณ์ร่วมแบบนี้
วิทยากรจะไม่ชี้ว่าดาราที่เป็นพรีเซนเตอร์เด่นดังอย่างไรจึงขายได้มาก ๆ
ไม่ชี้ความสามารถที่แต่ละคนมีแตกต่างกัน
และไม่อธิบายคุณสมบัติของสินค้าดีอย่างไร แต่จะปลูกฝังอารมณ์ให้ฝันอย่างเดียว
จากนั้นก็ใส่ชุดข้อมูล การขายที่ง่ายที่สุดคือ “การขายให้ญาติหรือเพื่อน”
คนเข้าอบรมถูกใส่ชุดข้อมูลแบบนี้บ่อย ๆ เข้า พอวันหนึ่งเจอญาติหรือเพื่อน
อารมณ์วูบเดียวก็เกิดขึ้นที่ตามมาด้วยการเสนอขาย
แล้วผลเป็นอย่างไร ???
น้อยคนที่ขายได้แล้วก็มักจะขายได้ครั้งเดียว
หลังจากนั้นทั้งญาติและเพื่อนก็หนีหน้า เสียทั้งญาติ เสียทั้งเพื่อน
ส่วนเจ้าของกิจการก็ได้ยอดขายจากคนที่เข้ามาใหม่เพิ่มไปเรื่อย ๆ
“วูบเดียว” จึงเป็นการตัดสินใจบนข้อมูลที่เก็บสะสมไว้

คนผู้หนึ่งจึงควรเลือกเก็บสะสมข้อมูลเฉพาะที่มีหลักการและเหตุผลให้มาก ๆ
ควรเลือกที่จะเก็บดอกไม้ทุกวันไม่ใช่เอาแต่เก็บขยะ
หากจะมองด้านร้ายของสามีก็ต้องมองด้านดีควบคู่กันไปด้วย
อย่างนี้แล้ว การต่อยอดและเติมแต่งข้อมูลที่จะเพิ่มขึ้นทุกวันก็จะดูสวยงาม มี 2
ด้านอย่างมีหลักการและเหตุผลตามไปด้วย
พอถึงเวลาตัดสินใจด้วยอารมณ์ “วูบเดียว” ผลมันก็ออกมาในทางที่ดีมากกว่าร้าย
คนที่จะชอบตัดสินใจด้วยอารมณ์จึงควรเข้าใจชีวิตให้ดีก่อน
คนเราเกิดมาเพื่ออะไร ???
ต่างคนต่างมุมมอง คำถามนี้มีคำตอบหลากหลาย ผมมองว่า
คนเราเกิดมาเพื่อมีความสุขตามอัตภาพของตน ทำไมหรือครับ ???
คนเกิดมาได้ ต้องมีบุญ ถ้าไม่มีบุญก็เกิดมาไม่ได้
คนมีบุญ ก็ต้องเสพสุข ถ้ามีบุญจนเกิดมาได้แล้วไม่เสพสุข อย่างนี้จะเกิดมาทำไม
คนจะเสพสุขได้ ก็ต้องเป็นความสุขตามอัตภาพของตน
หากคนผู้หนึ่งเพียรหาความสุขที่เกินอัตภาพของตน ความทุกข์ก็จะเข้ามาแทนที่
ข้อสรุปของผมก็คือ “คนเราเกิดมาเพื่อเสพสุขตามอัตภาพของตน”

หากคนมีขาไม่แข็งแรง แล้วอยากปีนขึ้นไปเสพสุขบนต้นไม้ อะไรจะเกิดขึ้น ???
คนผู้นี้ย่อมมีความเสี่ยงและเป็นความทุกข์มากกว่า
เขาจึงควรมีความสุขบนพื้นราบซึ่งเป็นอัตภาพของเขามากกว่าความเพ้อฝันปีนต้นไม้
หากวันนี้ คนผู้หนึ่งมีความสุขตามอัตภาพที่ดีอยู่แล้ว
การพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยอารมณ์ “วูบเดียว”
ที่ขาดหลักการและเหตุผลกลับกลายเป็นการทำลายตนเองอย่างไม่รู้ตัว
การเปลี่ยนตัวเองจึงต้องเป็นไปตามอัตภาพและความสามารถของตน
ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวก็คือ คนส่วนใหญ่มองอัตภาพของตัวเองไม่ออก เมื่อมองไม่ออก
คนส่วนใหญ่ก็มองความสามารถตัวเองไม่ออกตามไปด้วย
เมื่อมองไม่ออก คนส่วนใหญ่ก็มักประเมินตัวเองสูงเกินไป
จากนั้นก็เที่ยวไล่เก็บข้อมูลที่ขัดต่อหลักการ
และเหตุผลมาใส่ไว้ในความคิดตลอดเวลา
บางคนมีความสุขตามอัตภาพดีอยู่แล้วแต่ดูไม่ออก
หรือพยายามเปรียบเทียบกับผู้อื่นแล้วขวนขวาย สุดท้ายชีวิตก็ถอยหลัง เพราะ
“วูบเดียว” ที่เกิดขึ้น
เรื่องราวของเธอที่ตัดสินใจด้วยอารมณ์ “วูบเดียว”
และยินดีให้เผยแพร่ก็นับว่าเธอเข้าใจความหมายของชีวิตมากขึ้นแล้ว
ขอเธอเลือกเก็บแต่ดอกไม้ เก็บแต่ข้อมูลที่มีหลักการและเหตุผล
เพื่อนำเธอให้พบแต่ความโชคดีตลอดไป

สิทธิชัย ชวรางกูร

คนเก็บดอกไม้ทุกวัน ชีวิตก็เสพสุขตามอัตภาพของตนได้
คนเก็บขยะทุกวัน
ชีวิตก็มีแต่เปรียบเทียบดิ้นรนอยากเสพสุขเกินอัตภาพจึงมีแต่ทุกข์

ขอขอบคุณรูปภาพ : https://goo.gl/2YsH9e

The Logistics

14626972361462698500l

‘อมตะ’ จัดโซนตั้งนิคมฯให้จีน หลังแห่เซอร์เวย์พื้นที่มากสุด กนอ.ชี้ยอดลงทุน 6
เดือนเกินเป้า

กนอ.โชว์ภาพลงทุน 6 เดือน เกินเป้าหมายแล้ว
ผลพวงภาครัฐลงทุนต่อเนื่องเรียกเชื่อมั่นเอกชนได้ ‘อมตะ’ ยิ้มไตรมาสแรกโตดี
จัดโซนนิคมฯจีนเฉพาะ เหตุรัฐบาลจีนสนับสนุนมีมาเซอร์เวย์พื้นที่มากที่สุด

นาย วิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ
คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในช่วงไตรมาสแรก
(มกราคม-มีนาคม 2559) มีทิศทางเติบโตขึ้น
เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเร็วๆ
นี้คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาที่จะใช้พื้นที่ประกอบการอุตสาหกรรมประมาณ 400-500
ไร่ ประกอบกับครึ่งปีหลังเป็นช่วงไฮซีซั่นของการลงทุนในนิคมฯอยู่แล้ว
จึงมั่นใจว่าจะมียอดขายที่ดินทั้งปี 2559 ตามเป้าหมายที่วางไว้ คือประมาณ
900-1,000 ไร่ จากกลุ่มลูกค้ารายเดิมที่ต้องการขยายพื้นที่โรงงานแห่งที่ 2 อาทิ
นักลงทุนจีน ญี่ปุ่น และลูกค้ารายใหม่ที่สนใจเข้ามาลงทุน
โดยเฉพาะในพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง อาทิ เกาหลี

“ปัจจุบัน มีนักลงทุนเข้ามาศึกษาพื้นที่และเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะกลุ่มทุนจากจีนเข้ามามากที่สุดจากหลายมณฑล
อมตะจึงมีการจัดพื้นที่การลงทุนสำหรับนักลงทุนจีนโดยเฉพาะ
เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น เพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
ซึ่งรัฐบาลจีนเองให้การสนับสนุนด้านการลงทุนในต่างประเทศอยู่แล้ว”
นายวิบูลย์กล่าว

นายวิบูลย์กล่าวว่า
ภาพรวมกลุ่มอุตสาหกรรมที่เข้ามาลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มธุรกิจด้านการขนส่ง
โลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมยาง
เป็นสัญญาณการลงทุนที่ดีจากนโยบายการสนับสนุนคลัสเตอร์อุตสาหกรรมของรัฐบาล
ทำให้นักลงทุนสนใจที่จะเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง
และอุตสาหกรรมดังกล่าวยังสามารถเชื่อมโยงการลงทุนให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์
ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหลักที่อยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะทั้ง 2 แห่ง

นาย วิบูลย์กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมการลงทุน
โดยเฉพาะการผลักดันให้เกิดนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ว่า
เป็นผลดีและไม่ส่งผลกระทบต่อการย้ายฐานของนักลงทุนที่ลงทุนในนิคมฯอยู่แล้ว
ตรงกันข้ามมองว่าเป็นปัจจัยเกื้อหนุนการลงทุนซึ่งกันและกันในรูปแบบของ
คลัสเตอร์บางอุตสาหกรรมมากกว่า สำหรับนิคมฯอมตะนคร และนิคมฯอมตะซิตี้
ผู้ประกอบการส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์
ดังนั้นการลงทุนสำหรับคลัสเตอร์อุตฯยานยนต์จะอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออก มากกว่า
ส่วนการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน
จะเป็นรูปแบบของอุตสาหกรรมที่ต้องใช้วัตถุดิบในพื้นที่เพื่อผลิตสินค้าส่ง
ออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป
อุตสาหกรรมเพื่อการอุปโภค-บริโภค และอุตสาหกรรมโลจิสติกส์
นายวีรพงศ์ ไชยเพิ่ม ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า
ภาพรวมการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2559 (ตุลาคม
2558-มีนาคม 2559) มียอดขายและการเช่าพื้นที่รวม 1,750 ไร่ เกินกว่าเป้าหมายถึง
250 ไร่ จากเดิมตั้งไว้ที่ 1,500 ไร่
ทำให้ทั้งปีคาดยอดขายพื้นที่ในนิคมมีโอกาสจะขายได้ถึง 3,500-4,000 ไร่
สูงกว่าเป้าหมายรวมทั้งปี 3,000 ไร่
โดยตัวเลขที่สูงมีปัจจัยจากการที่ภาครัฐมีการลงทุนต่อเนื่อง
ส่งผลให้ภาคเอกชนลงทุนตาม

ที่มา : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1462697236
ขอขอบคุณรูปภาพ : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1462697236

AEC Info

appDuterte-696x380

ฟิลิปปินส์เลือกผู้นำคนใหม่ ใครจะต่อยอดเศรษฐกิจ ‘เสือผงาด’ แห่งเอเชีย

9 พฤษภาคม 2559 ไม่เพียงเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 16
ของประเทศฟิลิปปินส์เพื่อดำรงตำแหน่งแทนนายเบนิกโน อากีโนที่ 3
ที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในเดือนมิถุนายนที่จะถึงนี้
แต่ยังมีการเลือกตั้งทุกระดับพร้อมกันทั่วประเทศ
ตั้งแต่ระดับชาติจนถึงระดับท้องถิ่น อาทิ การเลือกตั้งรองประธานาธิบดี
สมาชิกวุฒิสภา 12 ที่นั่ง จากทั้งหมด 24 ที่นั่ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภา
297 ที่นั่ง ผู้ว่าการและรองผู้ว่าการ 81 จังหวัด สมาชิกสภาจังหวัด 81
จังหวัดรวม 772 คน นายกเทศมนตรีและรอง 145 เมืองทั่วประเทศ สมาชิกคณะเทศมนตรี
1,489 คน และสมาชิกสภาเทศบาล 11,924 คน

แน่นอนว่า ตำแหน่งที่ถูกจับตามากที่สุดคือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่
ทั้งนี้ กฎหมายรัฐธรรมนูญของฟิลิปปินส์ ฉบับปี พ.ศ. 2530
กำหนดให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งได้เพียงสมัยเดียววาระ 6 ปี
นักวิเคราะห์หลายสำนักชี้ว่า
ไม่ว่าใครจะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่ก็นับว่าโชคดีที่จะได้อานิสงส์บุญเก่าที่อากีโนทำไว้เมื่อครั้งดำรองตำแหน่ง
6 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ภายใต้การบริหารงานของเขา
ฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรราว 101 ล้านคน
สามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจจากที่เคยถูกขนานนามว่าเป็น “คนป่วย” สู่การเป็น
“เสือผงาด” หรือ rising tiger มีการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
(จีดีพี) ที่อัตราเฉลี่ย 6.2% ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดนับจากทศวรรษ 1970 ดังนั้น
สิ่งที่หลายคนจับตาก็คือ
ประธานาธิบดีคนใหม่จะต่อยอดความสำเร็จนี้ต่อไปอย่างไรและจะก้าวข้ามจุดด้อยของรัฐบาลอากีโนได้หรือไม่
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน
การแก้ปัญหาความล้าหลังของโครงสร้างพื้นฐาน
รวมไปถึงปัญหาข้อพิพาทเหนือหมู่เกาะในทะเลจีนใต้

สำหรับตัวเต็งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 16 นั้น
ที่โดดเด่นชัดเจนจากผลสำรวจล่าสุด (โดยสแตนดาร์ด โพลล์) นั่นคือนายโรดริโก
ดูเตอร์เต วัย 71 ตัวเต็งอันดับหนึ่งสังกัดพรรค พีพี-ลาบาน
และเป็นนายกเทศมนตรีเมืองดาเวาแห่งเกาะมินดาเนาซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของประเทศ
ดูเตอร์เตมีชื่อเสียงในฐานะมือปราบยาเสพติด การคอร์รัปชัน และเหล่าอาชญากร
ซึ่งผลงาน “จับตาย”
เกลี้ยงแก๊งก็ทำให้ชื่อของเขาถูกเพ่งเล็งโดยกลุ่มองค์กรสิทธิมนุษยชนเช่นกัน
นอกจากนี้ ชื่อเสียงเชิงลบของดูเตอร์เต
คือภาพลักษณ์เสือผู้หญิงที่เขาเองก็ยอมรับอย่างแมนๆ
และล่าสุดเขาถูกผู้สมัครอิสระยื่นเรื่องฟ้องร้องต่อสำนักผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบดูเตอร์เต
กรณีพัวพันการใช้งบกว่า 500 ล้านบาทเป็นค่าใช้จ่ายพนักงานอัตราจ้าง 1.1
หมื่นคนที่ไม่มีตัวตนอยู่จริงในปี 2557

นอกจากนี้ ยังโดนกล่าวหาปกปิดเงินในบัญชีส่วนตัวที่มีการโอนเข้าบัญชีเกือบๆ 1.8
ล้านบาทระหว่างปี 2549-2558 ซึ่งอาจเข้าข่ายปกปิดสถานะร่ำรวยปิดปกติ
กระนั้นก็ตาม ผลสำรวจความนิยมในตัวผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีล่าสุด
พบว่า ดูเตอร์เต ได้คะแนนความนิยมนำมาเป็นอันดับ 1 ในอัตรา 32.4%
ตามด้วยนางเกรซ โพ สมาชิกวุฒิสภา 24.6 % และนายมานูเอล โรซาส
จากพรรคเสรีนิยม(พรรครัฐบาล) 21.7%

ตัวเต็งอันดับ 2 นางเกรซ โพ
ซึ่งน่าจะได้รับเสียงสนับสนุนจากฐานพลังหญิงทั่วประเทศ
โพเป็นวุฒิสมาชิกครั้งแรกในปี 2556
โดยได้รับคะแนนเสียงนำโด่งเนื่องจากประวัติความเป็นมายิ่งกว่าดราม่า

โดยโพเป็นอดีตเด็กกำพร้าถูกทิ้งไว้ที่บันไดโบสถ์และได้รับการอุปถัมภ์โดยเฟอร์นานโด
โพ อดีตนักแสดงยอดนิยมขวัญใจชาวฟิลิปปินส์
ผู้เคยลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับนางกลอเรีย อาร์โรโย
อย่างเบียดคะแนนกันสูสีในปี 2547

ด้านนายมานูเอล “มาร์” โรซาส วัย 58 อดีตรัฐมนตรีความมั่นคงภายในประเทศ
เป็นตัวแทนจากพรรครัฐบาลที่เป็นความหวังว่าเขาจะได้ขึ้นสืบทอดตำแหน่งจากนายอากีโน
โรซาสมาจากตระกูลเศรษฐี การศึกษาดี
มีแนวนโยบายสร้างความปรองดองกับกลุ่มกบฏหัวรุนแรงชาวมุสลิมและพัฒนาความเจริญ
เดินหน้าโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สะพานและถนน
รักษาเสถียรภาพและการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเพิ่มการจ้างงาน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,155 วันที่ 8 – 11 พฤษภาคม พ.ศ.
2559
ขอขอบคุณรูปภาพ : http://www.thansettakij.com/2016/05/10/50963

คุยข่าวเศรษฐกิจ

tnews_1420624440_7028

เงินเฟ้อ เม.ย. สูงขึ้นครั้งแรกในรอบ 16 เดือน

พาณิชย์แถลงเงินเฟ้อเดือน เม.ย.59 สูงขึ้น 0.07% กลับมาเป็นบวกครั้งแรกในครอบ
16 เดือน แต่เฉลี่ย 4 เดือนยังลดลง 0.35% นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์
ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กระทรวงพาณิชย์กล่าวว่า
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของประเทศ หรือเงินเฟ้อเดือนเม.ย. 2559 เท่ากับ 106.24
สูงขึ้น 0.07% เทียบกับเม.ย.2558 ซึ่งเป็นการกลับมาเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 16
เดือน นับจากธ.ค.2557ที่เงินเฟ้อเป็นบวก 0.60% เมื่อเทียบกับมี.ค.2559
เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.55% โดยเงินเฟ้อเฉลี่ย 4 เดือน ยังลดลง 0.35%

ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อกลับมาบวก 0.07%
เป็นผลมาจากดัชนีหมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์สูงขึ้น 1.57%
ส่วนดัชนีหมวดอื่นๆ ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม สูงขึ้น 0.76%
สาเหตุมาจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเริ่มกลับมาอยู่ฐานปกติ

ที่มา : http://www.posttoday.com/biz/gov/429655
ขอขอบคุณรูปภาพ : http://goo.gl/xkHhUU