CEO ARTICLE
“รถเมล์ NGV”
ขวัญปีใหม่ 2560 ให้แก่ประชาชนจะแห้วหรือไม่ ???
รถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน จะจบอย่างไร ???
จนถึงวันที่ผมกำลังเขียนบทความนี้ รถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน ก็อาจได้ข้อยุติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในทางตรงกันข้ามก็อาจยังไม่มีข้อยุติใด ๆ ก็ได้
ย้อนหลังประเด็นปัญหาสั้น ๆ คือ รถเมล์ NGV เข้ามาก่อน 100 คัน ถูกศุลกากรไทยพบข้อพิรุธว่าไม่ได้ผลิตในประเทศมาเลเซียแต่นำเข้าทั้งคันจากจีน
ศุลกากรไทยจึงไม่ยอมให้ยกเว้นอากรตามข้อตกลง FTA ของประเทศในกลุ่ม ASEAN
ระหว่างนั้น รถเมล์ NGV ที่เหลืออีก 389 คัน ก็ทยอยออกเดินทางเข้ามา และคาดว่าคงถึงประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หากข้อสันนิษฐานของศุลกากรไทยเป็นความจริง รถเมล์ NGV จำนวน 100 คัน ที่เข้ามาก่อนก็ถือว่า “ความผิดสำเร็จแล้ว”
นับถึงวันนี้ ยังไม่เห็นข่าวว่าผู้นำเข้ายังดำเนินการใด ๆ
สิ่งที่ผู้นำเข้าต้องชำระ นอกจากค่าปรับให้แก่ ขสมก. โทษฐานส่งมอบรถเมล์ NGV ล่าช้าแล้ว ผู้นำเข้ายังมีค่าเช่าพื้นที่จอดรถในท่าเรือ ค่าเสียเวลาตู้สินค้าแบบ Flat Rack Container ที่คำนวณต่อคันต่อวัน (Port Rent and Demurrage Charge) ซึ่งเป็นเงินอีกมหาศาล
คุ้ม หรือไม่คุ้มที่จอดแช่ไว้ ไม่มีใครรู้ แต่ผู้นำเข้าน่าจะประเมินเองได้
ในฐานะที่ผมอยู่ในแวดวงโลจิสติสก์และศุลกากร จึงอยากเสนอวิธีแก้ไขปัญหาแบบผ่อนหนักให้เป็นเบา ส่วนจะเบาลงจริงหรือไม่ ก็คงเป็นสิ่งที่ผู้นำเข้าประเมินเองเหมือนกัน
ผมขอเรียนก่อนว่า วิธีการนี้ที่เขียนนี้ตั้งอยู่บนเงื่อนไขที่ว่า “ข้อสันนิษฐานของศุลกากรถูกต้อง”
ประการที่ 1 ผู้นำเข้าต้องกำจัดความผิดออกจากรถเมล์ NGV ที่เหลือ 389 คัน โดยเร็ว
รถเมล์ NGV ที่เหลือ 389 คัน เพิ่งจะมาถึงและ “ความผิดยังไม่สำเร็จ” ก็ให้อาศัยมาตรา 19 แห่ง พรบ. ศุลกากร 2482 ขอส่งกลับรถเมล์ NGV ที่ยังไม่ถูกจับกลับไปมาเลเซีย
มาตรา 19 นี้ ว่าด้วยเรื่องของที่นำเข้ามาแล้วไม่ได้ใช้ประโยชน์ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงลักษณะ และประสงค์ขอส่งกลับออกไปภายใน 1 ปี นับแต่วันนำเข้า
มาตรานี้ ทำให้ผู้นำเข้าสามารถขอคืนอากรที่ชำระไปแล้ว 9 ใน 10 ส่วน ที่เหลืออีก 1 ส่วน กรมศุลกากรก็เก็บไว้ แต่กฎหมายกำหนดให้เก็บไว้ได้เพียงไม่เกิน 1,000 บาท เท่านั้น
แต่รถยังอยู่ในอารักขาของศุลกากร ผู้นำเข้าจึงไม่ต้องชำระอากรขาเข้าก่อนแล้วมาขอคืนภายหลัง ผู้นำเข้าสามารถยื่นขอชำระอากรขาเข้าใบขนสินค้าละไม่เกิน 1,000 บาท ได้เลย
เมื่อรถเมล์ NGV 389 คัน ถูกส่งกลับไปมาเลเซียแล้ว ก็ให้ผู้ผลิตเร่งผลิตรถเมล์ NGV ในมาเลเซียใหม่ให้ถูกต้องโดยเร็ว จากนั้นก็ส่งเข้ามาใหม่เพื่อใช้สิทธิ์ประโยชน์ยกเว้นอากรตามข้อตกลง FTA ตามที่ต้องการ
ในอีกทางหนึ่ง หากผู้นำเข้าประสงค์จะชำระภาษีอากรสำหรับ รถเมล์ NGV 389 คันนี้ ก็ควรรีบจัดการเพื่อหลีกเลี่ยงค่าเช่าพื้นที่และค่าเสียเวลาตู้ดังกล่าว
ส่วนการส่งกลับจะเกิดค่าใช้จ่ายคือค่าระวางขนส่ง (Freight) จากไทยไปมาเลเซีย ค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวกับระวางขนส่ง และค่านำกลับเข้าไปในประเทศมาเลเซีย
ทั้งหมดนี้ ผู้นำเข้าสามารถหาผู้รู้มาประเมินได้ว่าคุ้มหรือไม่ที่จะส่งกลับ
อีกประการหนึ่ง หากผู้นำเข้ามีข้อตกลงกับผู้ผลิตให้ส่งมอบรถเมล์ NGV ที่ผลิตในมาเลเซียไว้ แต่ผู้ผลิตมาเลเซียกลับไปนำรถยนต์จากจีนมาส่งมอบ แบบนี้ความเสียหายทั้งหมด ผู้ผลิตในมาเลเซียก็ต้องรับผิดชอบ
แต่หากไม่มีข้อตกลงดังกล่าว
ผู้ผลิตมาเลเซียก็ยังผิดอยู่ดีที่ไปนำใบรับรองเมืองกำเนิดของมาเลเซียมาให้ผู้นำเข้าทั้ง ๆ ที่รถเมล์ NGV ไม่ได้ผลิตในมาเลเซีย
มันเป็นการสำแดงเท็จที่ทำให้ผู้นำเข้าเสียหายอยู่ดี
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อรีบลบล้างความผิดและหยุดค่าใช้จ่ายของรถเมล์ NGV 389 คัน ที่จะถูกคำนวณต่อคันต่อวัน
ส่วนการผลิตและการส่งมอบรถใหม่จะทันหรือไม่ทันกำหนดการส่งมอบให้ ขสมก. หรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องของการเจรจาต่อรองกัน
ประการที่ 2 ขอประนีประนอมยอมความสำหรับรถเมล์ NGV 100 คัน แรกแล้วส่งกลับออกไปเหมือนรถเมล์ NGV 389 คัน
วิธีการนี้ การคือทำหนังสือยอมรับผิด ขอให้ลงโทษสถานเบา และขอส่งกลับออกไปตามมาตรา 19 พรบ. ศุลกากร 2482 ในอารักขาเช่นกัน
การส่งกลับออกไปและความเสียหายก็ดำเนินการเหมือนประการที่ 1 ส่วนโทษปรับทางศุลกากรนั้นก็เป็นไปตามดุลยพินิจของสำนักกฎหมาย กรมศุลกากร
โทษปรับก็มีตั้งแต่ 1,000 บาท หรือ 10% ของอากรที่ต้องชำระ หรือไม่เกิน 4 เท่าของอากรที่ต้องชำระบวกราคาของรถเมล์ NGV ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 27, 99 แห่ง พรบ. ศุลกากร 2469
หากผู้นำเข้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ เช่น มีสัญญาซื้อขาย มี L/C ที่เปิดไปยังมาเลเซีย และมีการกำหนดไว้ชัดเจนว่า ต้องเป็น รถเมล์ NGV ที่ผลิตในมาเลเซียเท่านั้น
อย่างนี้ความผิดก็น่าจะขาดเจตนา โทษปรับก็น่าจะเบาลง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของสำนักกฎหมาย กรมศุลกากร
ทั้งหมดก็เพียงเพื่อทำให้ความเสียหายหนักให้เบาลง ซึ่งผู้นำเข้าอาจใช้ช่องทางอื่นตามกฎหมาย หรือพิจารณาประเด็นอื่นประกอบก็ได้
ในเมื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2560 ให้แก่ประชาชน แล้วความวุ่นวายก็ขาดเจตนาจนทำให้การมอบล่าช้า แบบนี้ประชาชนก็คงพอรับได้
ไม่ว่าประชาชนได้ของขวัญด้วยรถเมล์ NGV ทันเวลาหรือไม่ก็ตาม
ผมถือโอกาสนี้ขอคุณอำนาจพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั่วสากลพิภพ โปรดดลบันดาลให้ท่านคิดในสิ่งที่ดี ทำในสิ่งที่ดี และขอให้ความดีที่ท่านคิดและทำจงดลบันดาลให้ท่านพบแต่ความสุข ความเจริญตลอดไป
ลาทีปีเก่า 2559
สวัสดีปีใหม่ 2560
ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร
The Logistics
ไทยยังคงขาดดุลการค้ากับจีนมากสุด
ช่วงเทศกาลปีใหม่ ของขวัญเป็นสิ่งที่ใครๆก็เลือกซื้อเลือกหา พอเดินไปทางไหนก็เจอสินค้าจากจีนกันให้ทั่ว ทั้งห้างเล็กห้างใหญ่ ตลาดนัดแถวบ้าน หรือร้านค้าหน้าปากซอยก็เจอแต่สินค้าจากจีนทั้งนั้น เลยไม่แปลกใจกับข่าวที่ว่า ประเทศไทยขาดดุลการค้ากับประเทศจีนมากที่สุด ซึ่งเป็นการครองตำแหน่งที่ยาวนาน และเป็นผลพวงมาจากการเปิด FTA ซึ่งลดหย่อนภาษีอากรนำเข้าสินค้า 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า – เสื้อผ้า – รองเท้า โดยแนวโน้มในปี 2560 ไทยก็จะยังคงนำเข้าสินค้าจากจีนอย่างต่อเนื่อง
จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือของกรมศุลกากรพบว่า ช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาของปี 2559 ประเทศไทยขาดดุลการค้ากับประเทศจีนสูงถึง 5.62 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 8.21 หมื่นล้านบาท โดยสินค้าที่นำเข้าจากจีน ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ, เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน, เคมีภัณฑ์, ผลิตภัณฑ์จากพลาสติก, ผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้, ผ้าผืน และ เสื้อผ้าสำเร็จรูป เป็นต้น
นอกจากนี้มีสินค้าที่ไทยนำเข้าจากจีนเป็นอันดับ 1 ได้แก่ เครื่องจักรในอุตสาหกรรมการพิมพ์, ปุ๋ย, เซรามิก, กระเป๋า, รองเท้า ของเล่น ด้ายและเส้นใย เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านประเภทเครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำร้อน เป็นต้น
ในส่วนของเครื่องนุ่งห่ม การนำเข้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปจากจีนก็ยังครองสัดส่วนมากที่สุดของการนำเข้าเสื้อผ้าจากต่างประเทศ นั่นเพราะประเทศจีนเป็นฐานการผลิตเสื้อผ้าแหล่งใหญ่ที่สุดของโลก รวมถึงเสื้อผ้าแบรนด์ดังจากต่างประเทศที่จำหน่ายในไทย เช่น ยูนิโคล่, H&M ฯลฯ มีฐานการผลิตที่จีนแล้วส่งเข้ามาจำหน่ายในไทย นอกจากนั้น จีนก็เป็นแหล่งผลิตผ้าผืนที่ดีที่สุดและใหญ่ที่สุดของโลกอีกด้วย ผู้ประกอบการไทยจำนวนมากจึงนิยมนำเข้าผ้าผืนจากจีนเพื่อมาผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปแล้วส่งออกต่อไป
ไม่ว่าจะเป็นสินค้าจากประเทศไหน ก็ล้วนแต่มีระดับของคุณภาพและราคาที่ต่างกันไป เพราะฉะนั้นจะเลือกซื้อของอะไรให้ใครก็เลือกให้ดีๆนะคะ ผู้ให้ตั้งใจเลือกสรรของอย่างดี ผู้รับก็ประทับใจไม่รู้ลืมค่ะ ก่อนจะลากันไปในปีนี้ ก็ขอกล่าวคำอวยพรให้ทุกท่านมีความสุขทุกเมื่อ สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง ชีวิตแจ่มใส จิตใจเบิกบาน คิดบวกๆกันให้เพลินนะคะ… สวัสดีปีใหม่ค่ะ ^ ^
ขอบคุณแหล่งข่าวจาก หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ วันที่ 22 – 24 ธันวาคม 2559