CEO ARTICLE
“มุมมอง 2560”
นักซิ่งคอตก ศาลสั่ง ‘ริบรถ’ 49 คันป่วนเมือง
พรบ. สงฆ์ถูก สนช. แก้ไข 3 วาระรวด
2 เรื่องข้างต้นคือ ข่าวเด่นปลายปี 59 แล้วมันสื่ออะไรกับประเทศไทยในปี 2560 ???
ข่าวนักซิ่ง เกิดจากศาลแขวงชลบุรีมีคำสั่งเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2559 ให้ยึดรถที่วิ่งป่วนเมืองชลบุรี โดยหลักการศาลก็มักตัดสินความไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย
ดังนั้น การที่ศาลท่านสั่งให้ยึดรถดังกล่าว ประเทศไทยก็ต้องกฎหมายรองรับให้ให้ยึดรถได้ หรือหากไม่มี ในช่วงที่ผ่านมาก็ต้องมีการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกัน
นักซิ่งจะมีพลังต่อต้านหรือไม่ ? คนข่าวทั่วไปฟันธงว่า “พลังมีไม่มากพอ … จบข่าว”
จากนั้นอีก 2 วัน ข่าวแก้ไข พรบ. สงฆ์ก็เกิดขึ้นในวันที่ 29 ธันวาคม 2559
ข่าวนี้เกิดจาก สนช. (สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ) ผู้ทำหน้าที่ออกและแก้ไขกฎหมายแทน ส.ส. (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร) ในเวลานี้ได้เสนอแก้ไขกฎหมายสงฆ์ของไทย
ในข่าวบอกว่า แก้ไขเพียงมาตรา 7 เท่านั้น ซึ่งเป็นมาตราเกี่ยวกับการสถาปนาสมเด็จพระสงฆราชที่ว่างลงโดยให้ตัดประโยคว่า “โดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม” ออกไป
แล้วแก้เป็น
“ในกรณีที่ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง และให้นายกรัฐมนตรีลงนามรับสนองพระราชโองการ”
มหาเถรสมาคมไม่ต้องให้ความเห็นชอบ
ขณะที่ผู้ได้ประโยชน์จากกฎหมายเดิมก็อยากให้สถาปนาสมเด็จพระสังฆราชตามกฎหมายเดิมก่อนการแก้ไข
ปมการแต่งตั้งตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชที่ว่างลงมีปัญหามานาน มันนานจนคนเฝ้าดูที่ไม่รู้เรื่องก็พลอยรู้เรื่องกฎหมายไปด้วย
แล้วกลุ่มต่อต้านการแก้ไข พรบ. สงฆ์จะมีพลังหรือไม่ อันนี้คนข่าวยังไม่กล้าฟันธง …
ประเทศไทยประสบปัญหาทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองมายาวนาน รัฐบาลที่ผ่านมาบางชุดก็ว่าเอาอยู่ บางชุดเอาไม่อยู่ก็โทษรัฐบาลเก่า
นักเศรษฐศาสตร์ทั้งจริงและปลอม หากไม่ชอบรัฐบาลก็ว่า ปีนี้เผาหลอก ปีหน้าเผาจริง
ส่วนพวกเชียร์รัฐบาลไม่ว่าชุดจะเป็นชุดไหนก็ตาม หากมองว่าแก้ไม่ได้ก็จะลากเอาปัจจัยภายนอกประเทศเข้ามาร่วมด้วย
หากโดนัล ทรัมป์ทำตามที่หาเสียง อเมริกาในปี 2560 คงมีอะไรเปลี่ยนแปลงมากขึ้นไม่ว่าจะมีการแก้ไขกฎหมายหรือไม่ก็ตามเพื่อให้กลับมาเป็นที่ 1 ให้ได้
ด้านจีนล้ำหน้าไปอีกขั้น 2 ม.ค. 2560 รถไฟขนส่งสินค้าจากเมืองอี้อู มณฑลเจ้อเจียง ผ่านรัสเซีย โปแลนด์ เยอรมัน ฝรั่งเศส ปลายทางที่ลอนดอน รวมผ่าน 15 เมือง ระยะทาง 7,400 ไมล์ ใช้เวลาเดินทางเพียง 18 วัน ก็เริ่มเดินทางขบวนแรก
สินค้าจากจีนเข้ายุโรปจะมากขนาดไหน เศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ??? ใคร ๆ ก็มองออก
วิวัฒนาการที่เกิดจากอเมริกาและจีนเป็นปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก แต่หากนับรวมวิวัฒนาการจาก AEC และข้อตกลงการค้าเสรี FTA ที่ไทยค่อย ๆ ถลำมากขึ้น วันนี้ไทยย่อมได้รับผลกระทบทั้งทางบวกและลบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คนทั่วโลกต้องกินต้องใช้สินค้าอุปโภคและบริโภคทุกวัน
ดังนั้นไม่ว่าผลกระทบจะเป็นบวกหรือลบก็ตาม กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ระหว่างประเทศก็ต้องมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ไทยก็น่าจะได้ตรงนี้ตามไปด้วย
ทั้งหมดนี้คือ วิวัฒนาการ
ทุกครั้งที่ขึ้นปี พ.ศ. ใหม่ มันก็วนเวียนอยู่อย่างนี้ มันเป็นไปตามวิวัฒนาการที่ค่อย ๆ สะสมขึ้นปีละเล็ก ปีละน้อยทั่วโลก
แล้วทุกประเทศก็ต้องแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับวิวัฒนาการ
แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้บริหารประเทศของไทย นักกฎหมาย นักการเมือง และผู้สนใจบ้านเมืองต่างก็มองในทิศทางเดียวกันคือ กฎหมายของไทยมีวิวัฒนาการช้าเกินกว่าการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
กฎหมายมีมากเหลือเกินจนไม่รู้จะหยิบฉบับไหนมาใช้
กฎหมายไม่ชัดเจนก็เกิดการตีความจนสร้างความวุ่นวาย
กฎหมายชัดเจนแต่เป็นปัญหาเสียเองทำให้ประเทศต้องติดหล่มหาทางออกไม่ได้
กฎหมายล้าหลัง ไม่เข้ากับบริบทสังคม ทำให้การจัดการประเทศต้องล้าหลังไปด้วย
กฎหมาย ฯลฯ อีกมากมาย
วันนี้ เราก็ได้เห็นการแก้ไขกฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาของประเทศไทยมากขึ้น
หากการแก้ไขกฎหมายโดยนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ความวุ่นวายจะตามมาจากผู้เสียผลประโยชน์ เกิดการสนับสนุน และเกิดการคัดค้านตามช่องทางที่เปิดกว้าง
ตรงกันข้ามการแก้ไขกฎหมายโดยรัฐบาลหรือ สนช. ที่มาจากการรัฐประหาร ความวุ่นวายแม้จะมีน้อยกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี มันก็มีตามช่องทางการคัดค้านที่มีน้อยกว่า
แล้วกฎหมายเกี่ยวกับ พรบ. สงฆ์ หรือการยึดรถก็มีการแก้ไขให้เห็นอย่างรวดเร็ว
การรัฐประหารครั้งล่าสุดในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา คสช. กุมอำนาจเบ็ดเสร็จและให้อำนาจตามมาตรา 44 ที่เหมือนเป็นกฎหมายสารพัดนึกในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
กลุ่มต่อต้านก็มีบ้างพอให้เห็น แต่ทุกครั้งรัฐบาลก็เข้าจัดการได้
ดังนั้น คำถามที่ว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยในปี 2560
ผู้สันทัดการเมืองไทยก็ตอบว่า รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารและมีความจริงจังก็จะยังคุมอำนาจและผลักดันประเทศต่อไป
ปัญหาสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองก็จะค่อย ๆ คลี่คลาย แม้จะมีการต่อต้านบ้างก็ตาม
ปัญหาหนัก ๆ เพียงหนึ่งเดียวคือม๊อบที่จะเกิดจากการแก้ไข พรบ. สงฆ์เท่านั้น
ในอดีต แม้กลุ่มผู้สูญเสียจะต่อต้านบ้างแต่ก็ยังไม่หนัก ขณะที่รัฐบาล คสช. ก็ยังไม่เคยเจอการต่อต้านแบบจัดหนักสุด ๆ ประชาชนก็ยังไม่เคยเห็น
แต่การแก้ไข พรบ. สงฆ์ครั้งนี้อาจเป็นฟางเส้นสุดท้ายแล้ว ไม่มีใครคาดเดาได้ว่ากลุ่มผู้สูญเสียจะเสียมากเพียงใดและจะมีการจัดหนักมากเพียงใด
หากกลุ่มต่อต้านมีการจัดหนักสุด ๆ จริง การแก้ไข พรบ. สงฆ์ก็น่าจะเป็นเงื่อนไขเดียวที่จะสร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นในประเทศไทยในปี 2560 นี้
ขณะที่ผู้สันทัดทางการเมืองก็ยังฟันธงว่า รัฐบาลเอาอยู่และเป็นการเอาอยู่ภายใต้กฎหมายไม่ว่าจะเป็นการออกใหม่ การปรับปรุงแก้ไข หรือการใช้มาตรา 44 เกือบทั้งสิ้น
ทั้งหมดนี้จึงสามารถสรุปได้ว่า ปัจจัยภายนอกประเทศยังเป็นตัวหลักของไทยในปี 2560 ส่วนปัจจัยภายในก็อยู่ในการควบคุม
หากเป็นเช่นนี้จริง มันก็จะมีธุรกิจที่โรยลาและรุ่งขึ้นตามกระแสโลกโดยนักธุรกิจทั่วไปก็คงเห็น กำลังเรียนรู้ และกำลังปรับตัว
ปี 2560 จึงน่าจะเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงจากปัจจัยต่าง ๆ ที่กล่าวข้างต้น แต่ก็ไม่น่าจะร้ายเกินการรับมือของรัฐบาลและเอกชน
ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร
The Logistics
กันตามารัน พร้อมแล่นพัทยา – หัวหิน 12 ม.ค. 60 นี้
สวัสดีปีใหม่ค่ะ กลับมาพบกันหลังเปิดงาน หลายท่านคงจะได้ชาร์ตแบตเต็มที่ มีพลังพร้อมเดินหน้าลุยกันต่อในปี 2560 นี้
เข้ากับช่วงไฮซีซัน วันนี้เรามีข่าวดีสำหรับคนรักทะเลและการท่องเที่ยวมาฝากกันค่ะ ไปเที่ยวกันไม่ใกล้ไม่ไกลกรุงเทพฯ ก็พัทยา-หัวหินนี่เอง
เร็วๆนี้ กำลังจะมีเรือเฟอร์รี่เปิดให้บริการเส้นทางใหม่ พัทยา – หัวหิน โดยเรือที่มีชื่อว่า “กันตามารัน (Catamaran Ferry)” นำเข้ามาจากประเทศจีน ความยาว 38 เมตร บรรทุกผู้โดยสารได้จำนวนสูงสุด 339 ที่นั่ง
สำหรับเส้นทางเรือเฟอร์รี่ “พัทยา-หัวหิน” มีระยะทาง 113 กม. ท่าเรือต้นทางจะอยู่บริเวณท่า C ท่าเทียบเรือแหลมบาลีฮาย ส่วนท่าเรือปลายทางคือ ท่าเทียบเรือประมงที่อำเภอหัวหิน ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.40 ชม. เปิดให้บริการ 2 เที่ยวต่อวัน และอนาคตมีแผนเพิ่มเรืออีก 1 ลำ ส่วนอัตราค่าบริการกำลังจะมีการนำเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณา เฉลี่ยน่าจะประมาณ 1,200 บาทต่อคนต่อเที่ยว และคาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ม.ค.นี้
ทั้งนี้ ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบความปลอดภัยของตัวเรือ และทดสอบการเดินเรือในเบื้องต้น เพื่อเตรียมความพร้อมความปลอดภัยให้เหมาะสมก่อนจะเปิดให้บริการแก่ประชาชน และนักท่องเที่ยวต่อไป
สำหรับใครที่ยังไม่ได้เที่ยวปีใหม่ เพราะไม่ชอบไปเที่ยวช่วงเทศกาลหยุดยาว ก็ลองพิจารณาโปรแกรมท่องเที่ยวใหม่ล่าสุดนี่ดูได้นะคะ
ขอบคุณแหล่งข่าว: http://www.marinerthai.net/forum/index.php?topic=9323.0
สุวิตรี ศรีมงคลวิศิษฎ์