Logistics Corner 576 หอกข้างแคร่
SNP NEWS
Follow Us :
CEO ARTICLE
หอกข้างแคร่
FTA อาจกลายเป็นหอกข้างแคร่ทิ่มแทงเศรษฐกิจของไทยได้หรือไม่ ???
2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ติดตามข่าวเศรษฐกิจและการเมืองของไทยต่างได้รับข่าวสาร ที่คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ผู้ถูกศาลสั่งพักการทำงาน เดินสายพบปะผู้สื่อข่าวทางแถบยุโรปและอเมริกาเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองของไทย
ข้อมูลข่าวออกมาลักษณะที่ว่า ประเทศไทยยังมีการละเมิดสิทธิและเสรีภาพ ยังไม่เป็นประชาธิปไตยแม้จะมีการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 แล้วก็ตาม
ผลของข้อมูลนี้อาจทำให้ UN (United Nation) ยุติการคบค้ากับไทย และอาจทำให้ EU (European Union) ทบทวนการให้ FTA (Free Trade Agreement) กับไทยทั้งที่การเจรจา FTA กับ EU ไม่คืบหน้าตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2557 เป็นต้นมา
การเดินสายของนักการเมืองจึงเกิดคำถามข้างต้นขึ้น
FTA คือการยกเว้นหรือลดหย่อนอากรขาเข้า (Import Duty) ให้แก่ผู้นำเข้าของตนเมื่อนำสินค้าเข้ามาจากต่างประเทศที่ทำสัญญา FTA ต่อกัน
หากประเทศไทยมี FTA กับหลายประเทศ ผู้ส่งออกก็จะส่งออกได้มากขึ้น การจ้างงานภายในประเทศ เศรษฐกิจ และกิจกรรม Logistics ของไทยก็จะเติบโตขึ้น
เมื่อเศรษฐกิจดี ผลทางสังคมก็จะดีขึ้นตามไปด้วย
เครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยคือการท่องเที่ยวและการส่งออก FTA จึงทำหน้าที่หอกทะลวงเศรษฐกิจให้เติบโต และถ่วงดุลค่าเงินบาทให้มีเสถียรภาพ ไม่ให้อ่อนค่ามากเกินไปจากการนำเข้าและการใช้จ่ายในต่างประเทศที่เป็นเหตุให้เงินบาทแข็งค่า
วันนี้ เศรษฐกิจของประเทศไม่ได้ดีเท่าที่ควร
การส่งออกลดลงจนอาจติดลบ ค่าเงินบาทแข็งที่ส่งผลร้ายต่อผู้ส่งออกและนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยน้อยลง
หาก FTA ถูกทบทวน หรือถูกยกเลิก การส่งออกของไทยก็จะยิ่งลดลง ค่าเงินก็ยิ่งแข็ง การท่องเที่ยวก็จะยิ่งตกต่ำที่ส่งผลกระทบในวงกว้างให้แก่ไทยมากยิ่งขึ้น
FTA ที่ทำหน้าที่หอกทะลวงเศรษฐกิจให้เติบโต มาวันนี้ก็อาจกลายเป็นหอกร้ายข้างแคร่ที่หันมาทิ่มแทงประเทศไทยเสียเอง
ยิ่งประเทศไทยมีท่าทีไปสนิทกับจีนมากขึ้น ประเทศทางแถบตะวันตกที่เริ่มกลัวจีนจะยิ่งใหญ่เกินไปก็อาจจะอยากลงโทษไทยบ้าง การทบทวนมาตรฐานความช่วยเหลือต่าง ๆ โดยอาศัยข้อมูลเรื่องรัฐประหาร เรื่องประชาธิปไตย เรื่องสิทธิและเสรีภาพก็อาจเป็นไปได้
นี่คือแนวทางการทำให้โลกล้อมประเทศไทย
โลกล้อมประเทศไทย
การถูกล้อมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อเสียหนึ่งคือการกดดันคนไทยให้ตื่นกลัว เกลียดชังจนอาจลุกขึ้นมาประท้วง ต่อต้าน และขับไล่รัฐบาลเพื่อหวังให้เกิดความเปลี่ยนแปลง
แนวทางนี้ไม่ใช่ใคร ๆ ก็ทำได้ แต่ก็ไม่ได้ยากเย็นเกินไปหากมีข้อมูลดี พูดเป็น มีอิทธพล และมีเงินมากพอในการนำทาง
ในอดีตของหลายประเทศที่มีปัญหาการเมืองก็ทำแบบนี้ เมื่อฝ่ายทหารที่กุมอำนาจชนะ ฝ่ายพ่ายแพ้ที่อ้างประชาธิปไตย อ้างสิทธิเสรีภาพก็จะใช้โลกล้อมประเทศไทย
จีนก็เคยทำ อองซานซูจีแห่งพม่าก็เคยทำ และผลที่ได้คือ ต่างประเทศกดดัน ต่อต้าน จนทำให้อำนาจเปลี่ยนมืออย่างที่เห็น
แม้แต่นักการเมืองไทยที่สูญเสียอำนาจจากการรัฐประหาในอดีตก็เคยพยายามทำแบบนี้ เพียงแต่ความสำเร็จยังไม่เกิดอย่างเป็นรูปธรรมเท่านั้น
วิธีการทำก็ไม่ยากอะไร เมื่อมีเงินก็ใช้เงินจ้างล๊อบบี้ยิสต์ในประเทศยุโรปและอเมริกาให้ประสานงาน ให้ข่าว ให้ข้อมูลด้านลบไปยังสำนักงานข่าว ไปยังหน่วยงานของรัฐ ทำการกำหนดนัดสัมภาษณ์และสร้างข่าวให้กระจายออกไป
เมื่อมีคนมาจ้างคนมาให้เงิน ล๊อบบี้ยิสต์ในต่างประเทศที่มีอาชีพแบบนี้อย่างถูกกฎหมายของเขาก็ทำงาน
ภาพและข่าวจึงออกมาให้เห็นว่า โลกกำลังคล้ายล้อมประเทศไทย
ในความเป็นจริงโลกอาจไม่ได้ล้อมประเทศไทย ยุโรปและอเมริกาอาจอยากคบกับไทย อาจอยากดึงไทยที่มียุทธ์ศาสตร์ทางภูมิภาคดี การดึงไทยเป็นพวกก็ยังได้ถ่วงดุลอำนาจของจีน
แต่ข่าวสารด้านลบที่ถูกแพร่กระจาย เงิน และการประสานงานของล๊อบบี้ยิสต์ชั้นนำต่างหากที่ทำให้ภาพออกมาคล้ายอย่างนั้น
ไม่มีใครรู้ว่า ข้อมูลข่าวสารที่ออกไปในทางลบนี้จะทำให้ FTA เป็นหอกกลับมาทิ่มแทงประเทศไทยจริงหรือไม่
บางคนที่มีความรู้ความเข้าใจระบบเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศของไทยก็พอจะรู้คำตอบ ขณะที่บางคนก็มีความกังวลอยู่บ้าง
คำตอบของเรื่องนี้มาคลายตัวภายหลังรัฐบาลชุดใหม่เริ่มทำงานตามกฎหมาย ข่าวด้านลบก็เริ่มคลายตัวลง การแสดงความยินดีของต่างชาติเริ่มเข้ามา ข่าว FTA เป็นหอกข้างแคร่ก็จางหายไป
คำตอบที่น่าจะสรุปได้แล้วคือ ประเทศไทยไม่ได้ถูกกดดัน ไทยยังได้รับการต้อนรับ และ FTA ก็น่าจะกลับมาเป็นตัวเอกในการส่งเสริมการส่งออกของไทยให้เติบโตได้
ข่าวด้านลบจากการให้สัมภาษณ์ในเวลานั้นจึงพอจะคาดการได้ว่า มันถูกส่งมาให้แพร่กระจายเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น ไม่ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก
โลกไม่ได้ล้อมประเทศไทยในทางลบ แต่ทั้งหมดนี้ก็คงต้องติดตามผลการบริหารงานของรัฐบาลที่จะเป็นของจริงในอนาคตต่อไป
ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร
LOGISTICS
ตลาดสัตว์เลี้ยงในชิลีมี การขยายตัวต่อเนื่อง – โอกาสส่งออกอาหารสัตว์ของไทย
จากโครงสร้างประชากรที่เปลี่ยนแปลงเป็นสังคมของผู้สูงอายุในประเทศชิลี ประกอบกับการขยายตัวของครอบครัวและคู่รักที่ไม่มีบุตรที่เพิ่มขึ้น “การมีสัตว์เลี้ยง” จึงเป็นหนึ่งทางเลือกที่ชาวชิลีนิยมเป็นอย่างมากเพราะทำให้คลายเหงา โดยผลจากการสำรวจของ Euromonitor ระบุว่าสัดส่วนของประชากรชาวชิลีที่มีสัตว์เลี้ยงครอบครองเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ 70% และคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก
Euromonitor ยังได้ระบุว่าตลาดสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 18 และจำนวนคลินิกสัตวแพทย์ในกรุงซันติอาโกมีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 โดยระบุว่ามูลค่าตลาดสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงในชิลีประจำปี 2019 นี้ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 173,022 ล้านชิลีเปโซ หรือประมาณ 258 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยสินค้าที่ได้รับความนิยมที่นอกเหนือจากอาหารสัตว์ คือ สินค้าในหมวดสร้างความเพลิดเพลินและหมวดสุขภาพ เช่น เสื้อผ้า ของเล่น สายจูงสุนัข อุปกรณ์ทำความสะอาด ฯลฯ โดยราคาของสินค้าเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเลือกซื้อ รองลงมา คือ การดีไซน์และรูปแบบของสินค้า
นอกจากนี้ จากผลการสำรวจยังพบว่าสัตว์เลี้ยงที่ชาวชิลีนิยมเลี้ยงมากที่สุดคือ สุนัข (ร้อยละ 52) แมว (ร้อยละ 25) และอื่นๆ (ร้อยละ 5) เรียงตามลำดับ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าต่างๆ เพื่อดูแลสัตว์เลี้ยงโดยเฉลี่ยต่อครอบครัวอยู่ที่ประมาณ 36,274 เปโซ หรือที่ประมาณ 55 เหรียญสหรัฐฯ / เดือน
บทวิเคราะห์ (ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย)
ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและผู้ส่งออกอาหารสัตว์และวัตถุดิบเพื่อผลิตอาหารสัตว์รายสำคัญของโลก ดังนั้น การที่จำนวนผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงและตลาดสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงในชิลีมีทิศทางขยายตัวเพิ่มขึ้น ย่อมถือเป็นโอกาสที่ดีของการขยายส่งออกสินค้าจากไทยเช่นเดียวกัน
จากข้อมูลของ World Trade Atlas ระบุว่าชิลีมีการนำเข้าสินค้าอาหารสัตว์ (HS Code 2309) จากไทยระหว่างเดือนมกราคม – พฤษภาคม 2019 เพิ่มขึ้น โดยมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 395,000 เหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11,060 เนื่องจากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2018 ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ประเทศชิลีมีการนำเข้าอาหารสัตว์จากไทยเพิ่มขึ้นมาก และคาดว่าน่าจะมีการนำเข้าจากไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว
นอกจากอาหารสัตว์แล้ว ตลาดสินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพและความงามของสัตว์ เช่น แชมพู สเปรย์ฉีดให้ขนเงางาม ผงซักฟอกสำหรับซักผ้าเช็ดตัว ที่นอนของสัตว์เลี้ยง แปรงสีฟัน สเปรย์ดับกลิ่นปาก ที่นอนสำหรับสัตว์เลี้ยง แผ่นรองปัสสาวะ ฯลฯ ก็ถือเป็นกลุ่มสินค้าที่ถือเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยเช่นกัน ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยท่านใดที่สนใจขยายตลาดมายังประเทศชิลี สามารถติดต่อเข้ามาได้ยัง สคต. ซันติอาโก ที่อีเมล์ Thaitrade@ttcsantiago.cl
ที่มา: www.ditp.go.th
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!