New หมายถึง ใหม่

Normal หมายถึง ปกติ หรือการใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติ

New Normal จึงหมายถึง การใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติในรูปแบบใหม่

ดังนั้น หากใช้คำว่า Old Normal แทนที่ มันจึงหมายถึง การใช้ชีวิอย่างเป็นปกติในรูปแบบเก่า การไม่เปลี่ยนแปลง หรือการดึงรูปแบบเก่าเดิม ๆ ให้คงอยู่ต่อไป

มาถึงวันนี้ การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทำให้ประชาชนเริ่มคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่จนดูเป็นปกติตามคำนิยาม “New Normal” ที่นักวิชาการให้ไว้

การแยกนั่งรับประทานอาหารคนเดียว การใส่หน้ากากอนามัย การตีกอล์ฟกลางแจ้งภายใต้แดดที่ร้อนด้วยหน้ากากอนามัย การล้างมือบ่อย ๆ การเว้นระยะห่างจากญาติ พี่น้อง และเพื่อน การไปมาหาสู่กันน้อยลงจนถึงการทำธุรกิจและการชำระเงินผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น

ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับคนหรือการท่องเที่ยว

วันนี้ รถทัวร์ รถนำเที่ยวทั้งใหญ่และเล็ก รถเช่าส่วนใหญ่จอดนิ่ง ไกด์และบุคลากรต่างต้องหยุดงาน ขาดรายได้ กิจการไหนเข้าใจ มีรถที่จอดทิ้งไว้ มีคนว่างงานก็พยายามสร้างกิจกรรม สร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างวิสัยทัศน์ใหม่ ๆ เพื่อการตลาดแล้วไปต่อ

นักท่องเที่ยวเปลี่ยนเป็นแบบครอบครัว แบบกลุ่มเล็ก หรือ FIT (Free and Independent Traveller) มากขึ้น รถขนาดใหญ่ต้องลดบทบาทลง ร้านอาหาร โรงแรม ที่พักต้องปรับตัว ความสะอาด สุขอนามัย และความปลอดภัยเข้ามาแทนที่ ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องต้องปรับตัวตาม

สังคมและเศรษฐกิจกำลังเปลี่ยนไป ผู้ประกอบการเล็กและใหญ่ที่ฉลาดต่างประชุมผ่านโซเชียล อะไรต้องทำเดี๋ยวนี้ อะไรต้องกำหนดเป็นแผนเตรียมพร้อมตามวิสัยทัศน์ของนักธุรกิจ

คนที่คุ้นเคยกับรูปแบบเก่าต่างภาวนาให้เข้าสู่รูปแบบเก่าโดยเร็ว แต่นักวิชาการต่างมองว่า “คงยาก” การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เปลี่ยนแล้วจะเปลี่ยนเลย คนต้องทำความคุ้นเคยกับสิ่งที่เปลี่ยนใหม่เพราะไวรัสไม่มีวันจากไป การใช้ชีวิตประจำวันจึงจะเป็นรูปแบบใหม่ หรือ New Normal

แต่แล้วจู่ ๆ การเมืองกลับพยายามดึงรูปแบบให้กลับสู่รูปแบบเก่าขึ้นมา ความพยายามไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมค่อย ๆ มากขึ้นจนภาพ Old Normal กลับคืนมา ไม่ขยับไปไหน

การเมืองเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดของทุกประเทศ การเมืองเป็นกิจกรรมนำสังคมและเศรษฐกิจ รัฐบาลเป็นส่วนหนึ่งของการเมือง การแก้ไขปัญหา Covid-19 และความช่วยเหลือของรัฐบาลไทยได้รับการยอมรับ แต่พอการเมืองพยายามดึงเข้าสู่ Old Normal ไม่มีใครรู้ว่า สังคมและเศรษฐกิจที่กำลังก้าวไปสู่ New Normal นั้นจะออกมาในรูปแบบใด

ภาพและข่าวพรรคพลังประชารัฐ หรือ พรปร. พยายามเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค สร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้นภายใน พรปร. เอง มันเป็นการแสดงถึงการแสวงหาอำนาจ คำว่า New Normal ที่กำลังจะเปลี่ยนไปถูกดึงกลับสู่ Old Normal ด้วยนักการเมืองนั่นเอง

การเมืองทุกฝ่ายนำประเทศ ในเวลานี้การเมืองต้องช่วยคนยากคนจนที่อยู่ไม่ได้ การเมืองต้องนำสังคมและนำเศรษฐกิจ แต่เท่าที่เห็นการเมืองยังคงเป็นการเมืองแบบ Old Normal จริง ๆ

การแก้ไขปัญหา Covid-19 โดยคณะแพทย์ผู้ทรงคุณวุฒติก็ถูกการเมืองโจมตี การแจกเงินให้แก่ประชาชนที่เดือดร้อนนับสิบ ๆ ล้านคนของรัฐบาลก็ถูกการเมืองโจมตี ไม่ว่าสถานการณ์จะนำไปสู่ New Normal สักกี่เรื่องอย่างไร การเมืองก็พยายามดึงสู่ Old Normal ที่ตนเคยชิน
สุดท้ายการเมืองก็ดึงการแจกเงินไปสู่รูปแบบ Old Normal อีกจนได้ แจกกันง่าย ๆ ไม่ต้องตอบคำถามใด ๆ ใครก็ได้เพียงลงทะเบียนทางโซเซียลแล้วรอรับเงินได้ทุกคน

ไม่มีการตรวจสอบให้วุ่นวาย ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ ใครอยากได้ก็ลงทะเบียน มันคือการแจกเงินแบบประชานิยมเก่า ๆ ที่เคยทำแบบ Old Normal

ผ่านไปไม่กี่วัน การเมืองก็ออกมาขอโทษ อ้างการสื่อสารผิดพลาด ประชาชนลงทะเบียนราว 3 ล้านคน แต่ได้รับเงินช่วยเหลือเพียง 3 พันคน หรือราว 0.10% แล้วรับปากจะค่อย ๆ ทะยอยโอนให้ จากนั้นข่าวก็ค่อย ๆ เงียบไป

สิ่งนี้กลับเป็นเครื่องพิสูจน์การแจกเงินของรัฐบาลทันที การแจกเงินให้คนนับสิบ ๆ ล้านคนไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเป็นการใช้เงินของแผ่นดินก็ยิ่งต้องระมัดระวัง หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และการตรวจสอบเพื่อช่วยเหลือคนที่ต้องช่วยจริง ๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นมาก

มันทำให้รู้ว่า การแจกเงินแบบ Old Normal ทำไม่ได้ง่าย ๆ ในสภาพ Covid-19

แม้แต่เงินประกันสังคม การเมืองต้องรู้ว่า กองทุนประกันสังคมเป็นกฎหมายพิเศษ นายกฯ ไม่มีอำนาจสั่งงาน ประกันสังคมจ่ายชดเชยให้ผู้ประกันตนตาม ม. 33 39 และ 40 ช้า ก็ไปลากเอานายกฯ มาเล่นงานจนประชาชนที่ไม่เข้าใจก็เล่นงานตาม

แล้วก็มาถึงเรื่องราวของแฟลชม็อบ ก่อน Covid-19 การรวมตัวของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่มีนักศึกษาอยู่แถวหน้ากำลังจุดติด รัฐบาลตกอยู่ในเกมรับ แต่พอมี พรก. ฉุกเฉินห้ามชุมนุมในช่วง Covid-19 แฟลชม็อบก็หายไปกับ Social-Physical Distancing ทันที

วันนี้อยู่ในช่วงผ่อนคลาย แฟลชม็อบเริ่มกลับมาอีก นักศึกษาอยู่ข้างหน้า ใครมองอย่างไรก็เห็นการเมืองหน้าเดิมอยู่ข้างหลัง พยายามดึงคนมาชุมนุม โจมตีตุลาการ โจมตีฝ่ายตรงข้าม ใช้ข้อมูลด้านเดียวแบบเก่า ๆ เหมือนเดิม

หากถามว่า ทำไมการเมืองต้องทำอย่างนี้ คำตอบคือ การเมืองเป็นเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ เมื่อประชาชนกลุ่มหนึ่งยังแอบอิงอำนาจและชอบผลประโยชน์ที่ได้จากการเมืองคนกลุ่มนี้จึงพร้อมเดินตามและตรึงตนเองอยู่กับ Old Normal

การไม่ช่วยเหลือประชาชนยามนี้ในฐานะนักการเมืองที่ดี การเอาเท้าคอยราน้ำ การทำให้ประชาชนหลงทางไม่เว้นระยะห่าง เข้าร่วมในม็อบ และการสาปแช่งให้ Covid-19 ระบาดหนักจนรัฐบาลเอาไม่อยู่ ให้ประเทศป่วย ต่าง ๆ นานาเหล่านี้คือรูปแบบ Old Normal ที่เคยใช้ได้ผลทั้งสิ้น

นี่คือปัญหาของประเทศไทย การก้าวสู่ New Normal ของอารยะประเทศภายหลัง Covid 19 เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น แต่สำหรับประเทศไทยอาจช้ากว่าหากประชาชนที่ชอบการเมืองแบบ Old Normal มีมากกว่า หรือการก้าวสู่ New Normal อาจทำไม่ได้เลย หรือทำได้อย่างยากลำบากก็ได้

ตรงกันข้าม หากประชาชนที่ต้องการก้าวสู่ New Normal มีมากกว่า การปรับตัวก็น่าจะดีกว่า แต่ในความเป็นรัฐบาลก็คงต้องเคี่ยวเข็ญกันไป นี่คือความแตกต่าง การแก้ปัญหา Covid-19 ของรัฐบาลคอมมิวนิสต์ รัฐบาลเผด็จการ และรัฐบาลประชาธิปไตย

จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่ผ่านมาจึงเห็นต่างกันมากอย่างเห็นได้ชัดเจน

ประเทศไทยจะไปทางไหนก็อยู่ที่การเมืองนั่นล่ะ แต่การเมืองจะมีหน้าตาอย่างไรกลับอยู่ที่ประชาชนผู้เลือกการเมืองเข้ามา

หากการเมืองแบบ Old Normal ยังเป็นที่นิยม การเปลี่ยนแปลงก็คงต้องรอให้ถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า วันนั้นคงเห็นได้ชัด แต่หากการเมืองแบบ New Normal เป็นที่ยอมรับมากกว่า วันนั้น การเมืองแบบ Old Normal ก็คงไม่ได้รับเลือกตั้งให้กลับเข้ามามากเช่นกัน

ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร

อ่านบทความอื่นที่เขียนโดย ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร ได้ที่ http://snp.co.th/e-journal/