CEO ARTICLE

มุมมอง 2563


Follow Us :

    

“อะไรจะเกิดขึ้นกับคนไทยในปี 2563 ?”

คำถามนี้บางท่านคงพอจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว แต่หลายท่านก็อาจยังไม่ได้คำตอบใด ๆ เลย

สิ่งที่เห็นในปี 2562 ที่ผ่านมาคือ ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศแม้จะอยู่ห่างไกลถึงคนละซีกโลกกับประเทศไทยแต่ก็ส่งผลกระทบถึงคนไทยไม่มากก็น้อย

พอขึ้นต้นปี 2563 นี้ ปัญหาระหว่างจีนกับสหรัฐดูจะมีท่าทีคลี่คลายไปในทางที่ดี มีการเจรจาเกิดขึ้นบ้าง สหรัฐส่งสัญญานจะลดหย่อนภาษีนำเข้าให้แก่สินค้าจีน ขณะที่จีนก็รับปากจะซื้อสินค้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้น

บรรยากาศดูเหมือนจะผ่อนคลายลงประกอบกับข่าวการประท้วงในฮ่องกงก็ไม่เข้มนัก นักธุรกิจทั่วโลกเริ่มหายใจดีแต่ใครจะไปรู้ว่า ยักษ์ใหญ่ 2 ประเทศนี้จะห่ำหันกันอีกเมื่อไหร่ ?

ท่ามกลางข่าวดีให้กับเศรษฐกิจโลก แต่อยู่ ๆ ข่าวร้ายก็ปรากฎให้เห็น เช้าวันศุกร์ที่ 3 ม.ค. 63 สหรัฐก็(ได้)เปิดฉากโจมตีทางอากาศต่ออิหร่านจนเป็นข่าวใหญ่

ผลของการโจมตีได้ปลิดชีพพลเอกกาเซ็ม โซโลมาน ซึ่งเป็นผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษของอิหร่าน

แน่นอนว่า การโจมตีภายใต้การสั่งการของประธานาธิบปีทรัมป์ในครั้งนี้ได้สร้างความไม่พอใจต่ออิหร่านจนประกาศขู่แก้แค้น และสหรัฐต้องเสริมกำลังทหารเข้าไปในตะวันออกกลางอีก 3,000 นาย ขณะที่อิหร่านได้ชักธงแดงขึ้นสู่ยอดเสาซึ่งเป็นสัญลักษณ์เรียกร้องให้มีการแก้แค้น

จากนั้น อิหร่านก็ประกาศเป้าหมายโจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐ 35 จุดทั่วโลกที่ไม่มีใครรู้ว่า ประเทศไทยอยู่ในนี้หรือไม่ ส่วนสหรัฐก็โต้ตอบโดยการกำหนดเป้าหมายโจมตีอิหร่าน 52 จุดทั่วโลกไม่ต่างกัน

มาถึงนาทีนี้ คนสหรัฐที่ไม่ชอบสงครามเริ่มไม่พอใจผู้นำอย่างทรัมป์แล้ว

แม้นักวิชาการต่าง ๆ จะคาดการณ์ว่าสงครามเต็มรูปแบบคงยังไม่เกิด และแม้ประเทศไทยจะเป็นมิตรกับทั้ง 2 ประเทศ แต่ทุกคนต่างกล่าวว่า เศรษฐกิจโลกและไทยย่อมได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย และผลประโยชน์ของทั้ง 2 ในประเทศไทยก็อาจถูกก่อกวนไปด้วย

แล้วอยู่ ๆ ‘คิมจองอึน’ ก็ประกาศฉีกสัญญาระบบทดลองนิวเคลียร์ และจะเปิดตัว ‘อาวุธ’ ใหม่เพื่ออวดสายตาชาวโลก แต่ส่งผลกระทบต่อผู้นำสหรัฐและสะเทือนความสงบในคาบสมุทรเกาหลีขึ้นมาทันที

แน่นอนอีกว่า สหรัฐอาจมีการตอบโต้กับการประกาศครั้งนี้จนเป็นข่าวร้ายที่ 2 ของต้นปี

หากนับรวมภัยทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลก เช่น ไฟป่าในออสเตรียเลียที่เผาผลาญป่าและทรัพยากรทางธรรมชาติมาหลายวันจนทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นไปถึง 48 องศา โรคปอดอักเสบที่เกิดขึ้นในเมือง Wuhan ของจีน อาการรุนแรงคล้ายโรคซาร์ แล้วมาเชื่อมต่อกับประเทศไทยตรงที่เที่ยวบินตรงจาก Wuhan มาลงที่สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต และเชียงราย ทำให้ประเทศไทยมีส่วนอาจได้รับเชื้อ และภัยอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นช่วงต้นปี 2563 ก็เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะถดถอย

นั่นหมดนี้คือ ปัจจัยที่เกิดจากภายนอกประเทศที่คนไทยไม่อาจควบคุมได้

แต่คนไทยในปี 2563 ต้องได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อยโดยไม่มีใครคนเดียวจะป้องกันแก้ไขภัยจากปัจจัยภายนอกประเทศได้นอกจากรัฐบาล

อย่างนี้แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับคนไทยในปี 2563 ?

เมื่อเหลียวมองปัจจัยภายในประเทศไทย เฉพาะเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ที่ผ่านมาตัวเลขทางหน้าหนังสือพิมพ์เพียง 7 วัน มีอุบัติเหตุถึง 3,421 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 373 ราย และบาดเจ็บถึง 3,499 ราย

ตัวเลขนี้บ่งชี้ถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงยากของคนไทย คนไทยคิดอะไร ทำอะไรมักย่ำอยู่ในรอยเดิม ยิ่งกระบวนการศึกษาของไทยมีแผนแม่บทก็เหมือนไม่มี เด็กไทยไม่ได้ถูกปลูกฝังการเรียนรู้อย่างแท้จริง พอเติบโตขึ้นก็มาย่ำอยู่รอยเดิมที่ผู้ใหญ่ทำไว้อย่างที่เห็น

เมื่อหันมาดูเงินบาทที่แข็งค่ามากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ปีที่แล้ว

เงินบาทแข็งย่อมส่งผลกระทบต่อการส่งออกและการท่องเที่ยวภายในประเทศจนรัฐบาลต้องออกนโยบาย “ชิมช็อปใช้” เพื่อเอาเงินใส่มือคนไทย ส่งเสริมคนไทยที่มีเงินให้เที่ยวภายในประเทศด้วยกันเอง

เมื่อการส่งออกและการท่องเที่ยวได้รับผลกระทบ เศรษฐกิจของประเทศก็ย่อมได้รับผลกระทบเป็นธรรมดา ในทางทฤษฏี เมื่อเงินบาทแข็ง การนำเข้าและการท่องเที่ยวในต่างประเทศต้องมากขึ้น แต่ตัวเลขที่แถลง “การนำเข้ากลับลดลง”

หากการนำเข้าลดลงไปเรื่อย ๆ ขณะที่การท่องเที่ยวในต่างประเทศมากขึ้น พฤติกรรมนี้ย่อมส่งผลให้ค่าเงินบาทยิ่งแข็งมากขึ้นไปอีก

แล้วประเทศไทยก็กำลังประสบภัยแร้ง(แล้ง)ตามแบบต่างประเทศ น้ำในแม่น้ำลดลงขณะที่น้ำเค็มสูงกว่าทำให้น้ำเค็มไหลเข้ามาเจือปนกระทบต่อการเกษตรซึ่งไม่เคยเป็นมาในรอบ 50 ปีแล้ว

ต่าง ๆ นานาเหล่านี้คือปัจจัยภายในประเทศจะส่งผลกระทบอย่างที่เห็น

สภาพประเทศไทยที่ถูกกระหน่ำจากภายนอกและภายในแบบนี้ ไม่ต้องถามโหรที่เก่งที่สุดก็พอจะได้คำตอบ ประเทศไทยในปี 2563 น่าจะย่ำแย่มากกว่า แล้วไม่มีใครคนเดียวที่จะป้องกันแก้ไขได้นอกจากรัฐบาลอีกเช่นกัน

แต่รัฐบาลจะทำอะไรได้ หากปราศจากความเข้าใจและความร่วมมือของคนทั้งประเทศ

สภาพเช่นนี้ คนไทยจึงต้องตั้งสติได้ รับข่าวสารข้อมูลให้รอบด้าน และยินยอมให้รัฐบาลใช้เวลาแก้ไขปัญหาให้เต็มที่ ไม่ว่ารัฐบาลจะมีฝีมือมากน้อยเพียงใด มันก็เชื่อว่าทีมงานเศรษฐกิจคงทำอะไรให้ดีขึ้นได้บ้าง

ทั้งหมดจึงมาอยู่ที่การเมืองที่จะนำสังคมและเศรษฐกิจ

แต่พอหันมาดูการเมืองภายในของไทยกลับเห็นแต่ความขัดแย้ง นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลคอยแต่จะแย่งตำแหน่ง ขณะที่ฝ่ายไม่ชอบรัฐบาลก็คอยยุยงประชาชนให้ลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาล

ประวัติศาสตร์การเมืองไทยมีให้เห็นมาหลายปี ไม่มีใครรุกไล่รัฐบาลได้หากประชาชนไม่ร่วมด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลให้นักการเมืองที่ไม่ชอบรัฐบาลพยายามยุยงประชาชนให้ลุกขึ้นมาโจมตีและไล่รัฐบาล ไม่ว่ารัฐบาลจะพยายามแก้ไขปัญหาอย่างไรก็โจมตี

เป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวคือ การล้มรัฐบาลเพื่อเปลี่ยนขั้วอำนาจ

พฤติกรรมนักการเมืองแบบนี้อาจเป็นเรื่องปกติสำหรับคนไทย แต่นี่กลับตรงข้ามกับคำว่า “นักการเมืองที่ดี” อย่างสิ้นเชิง

เมื่อประเทศชาติมีปัญหา “นักการเมืองที่ดี” ควรร่วมกันช่วยเหลือมากกว่า

หลังการเลือกตั้ง นักการเมืองที่ดีต้องมีสปิริตสูงพอ ใครรวมเสียงได้เป็นรัฐบาลก็บริหารประเทศไป ใครรวมเสียงได้น้อยกว่าก็เป็นฝ่ายค้าน

ฝ่ายค้านต้องคอยตรวจสอบในสิ่งที่ควรตรวจสอบ คอยสนับสนุนในสิ่งที่ควรสนับสนุน ไม่ค้านไปทุกเรื่องอย่างที่เห็น แต่จะทำอย่างไรได้ ???

ในเมื่อคนไทยจมอยู่แต่ในความแตกแยกมาเกือบ 20 ปี คนไทยก็ต้องเลือกนักการเมืองที่นิยมความแตกแยกมาเป็นตัวแทนของตน

ใครเป็นอย่างไรก็ต้องเลือกผู้แทนเป็นอย่างนั้น

ประชาชนเป็นแบบนี้ก็ย่อมเลือกนักการเมืองแบบนี้ แล้วก็ได้ผลแบบนี้ อย่างนี้แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับคนไทยในปี 2563 ?

แน่นอน หากสภาพแบบนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง หากประชาชนยังเชื่อนักการเมืองเฉพาะที่ตนชื่นชอบด้วยข้อมูลด้านเดียว เชื่อว่า ความขัดแย้ง ความวุ่นวายในสังคมย่อมเกิดขึ้น

ยิ่งประชาชนขาดความเข้าใจ เข้าร่วมทะเลาะกับนักการเมือง รัฐบาลก็ยิ่งแก้ปัญหาไม่ได้ประชาชนก็ยิ่งเดือดร้อน ยิ่งเข้าทางฝ่ายที่ต้องการขับไล่รัฐบาล

ทำไมฝ่ายไม่ชอบรัฐบาลในประเทศไทยจึงทำแบบนี้ คำตอบคงเป็นเพราะประชาชนเป็นแบบนี้ ชอบแบบนี้ ทำให้การเมือง สังคม และเศรษฐกิจจึงไม่ดีแบบนี้ตามไปด้วย

ขอย้ำ สังคมและเศรษฐกิจในปี 2563 ย่อมไม่ดีตามการเลือกของประชาชน

ตรงกันข้าม หากคนไทยเปลี่ยนพฤติกรรมได้ เข้าใจและยอมรับผลกระทบที่กำลังจะเกิดจากปัจจัยภายนอกประเทศ ไม่หลงนักการเมือง ไม่ตกเป็นเครื่องมือให้นักการเมืองหลอกใช้ ไม่ตั้งตัวเป็นปัจจัยภายในประเทศที่สร้างความวุ่นวายซะเอง

ใครมีเงินมากก็ใช้จ่ายมาก ใครมีเงินน้อยก็ใช้จ่ายแต่น้อย

ใครไม่มีเงินก็อย่าไปไขว่คว้าความยากให้หนี้สินมากยิ่งขึ้น ยึดมั่นในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ยินยอมพร้อมใจกันให้บ้านเมืองสงบเพื่อให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไข อย่างนี้สภาพการเมือง สังคม และเศรษฐกิจย่อมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแน่

คำตอบทั้งหมดจึงมาจบลงตรงประชาชนนี่เอง หากจะกล่าวโดยสรุป คนไทยในปี 2563 จะดีหรือร้ายก็อยู่ที่ประชาชนจะเลือกเอง

ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2563 คณะผู้บริหาร พนักงาน SNP และทีมงานผู้จัดทำข่าวสารทุกท่านจึงได้แต่ขอภาวนาให้ประเทศไทยผ่านพ้นจากวิกฤติได้อีกครั้ง

ขอให้นักธุรกิจทุกท่านที่เป็นกำลังหลักของประเทศสามารถนำพาเศรษฐกิจของประเทศให้ผ่านพ้นจากผลกระทบทั่วโลก

ขอให้ทุกท่านจงพบแต่ความสุข ความเจริญ กิจการรุ่งเรือง ก้าวหน้า และมีสุขภาพแข็งแรงตลอดไปด้วยเทอญ

สวัสดีปีใหม่ 2563

ดร. สิทธิชัย ชวรางกูร

Dr. Sitthichai  Chawaranggoon
Dr. Sitthichai ChawaranggoonChief Executive Officer (CEO) - S.N.P. GROUP

Logistics

Hyundai Merchant Mariner (HMM)

Hyundai Merchant Mariner (HMM) สายการเดินเรือแห่งชาติของเกาหลี เดินหน้าขยายบริการในลาว ด้วยการลงทุนจัดตั้งลานตู้สินค้า ขนาดพื้นที่ 7,000 ตารางเมตร ในเขตท่านาแล้ง นครหลวงเวียงจันทร์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

Hyundai Merchant Marine ถือเป็นสายการเดินเรือแห่งแรกที่เปิดให้บริการลานตู้สินค้าในประเทศลาว โดยลูกค้าของ HMM สามารถรับและคืนตู้สินค้าเปล่าที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ของสายการเดินเรือฯ ได้ที่ลานแห่งนี้ ซึ่งสามารถช่วยประหยัดต้นทุนและเวลาในการขนส่งให้กับลูกค้าในประเทศลาวได้อย่างมาก

ทั้งนี้ สายการเดินเรือฯ ได้บรรลุข้อตกลงความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท PK Inter freight ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนสัญชาติไทย ซึ่งมีสำนักงานประจำอยู่ที่ประเทศลาว ในการพัฒนาและปฏิบัติการลานตู้สินค้าแห่งนี้ เขตท่านาแล้งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่หนึ่ง (หนองคาย–เวียงจันทน์) และเป็นทางผ่านไปยังกรุงเวียงจันทน์ จึงถือเป็นทำเลยุทธศาสตร์ที่สำคัญ สำหรับให้บริการตู้สินค้าแก่ผู้นำเข้าและส่งออกสินค้าที่มีธุรกิจอยู่รอบๆ กรุงเวียงจันทร์ เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

ดร. สุเมธ เขียวงามดี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ฮุนได เมอร์ชานท์ มารีน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการขยายธุรกิจในครั้งนี้ว่า “ประเทศลาวเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดด และทางรัฐบาลเองก็กำลังเปิดประตูให้นักลงทุนจากต่างชาติเข้าไปช่วยขยายความเติบโต อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ท้าทายสำหรับผู้ประกอบการในลาวก็คือ ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ของประเทศที่ไม่มีอาณาเขตติดต่อกับฝั่งทะเล ทำให้การขนส่งสินค้าทางเรือมีต้นทุนที่สูง”

“จากการศึกษาข้อมูลของเรา พบว่าปัจจัยด้านการขนส่งทางบกเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ผู้ประกอบการในลาวมีต้นทุนด้านการขนส่งสินค้าที่สูง และการเข้ามาบุกเบิกให้บริการลานตู้สินค้าของเราในครั้งนี้ จึงเป็นตัวช่วยที่สำคัญในการอำนวยความสะดวก พร้อมลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจให้กับลูกค้าของเราในประเทศลาว และยังถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของเราในการมุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพการบริการแบบยั่งยืน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่เพิ่มมากขึ้น และสนับสนุนให้ลูกค้าของเราได้รับบริการที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในอนาคต”

ที่มา : https://www.logistics-manager.com/th/hmm-laos-depot/

0 replies

Leave a Reply

Want to join the discussion?
Feel free to contribute!

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.