CEO ARTICLE
ไข่มุกที่อาจร้าว
“ไข่มุกแห่งเอเชีย”
เกือบร้อยปีที่ผ่านมา ประเทศฮ่องกงภายใต้การปกครองของอังกฤษได้รับการพัฒนาสูงมากจนได้ชื่อว่าเป็นไข่มุกแห่งเอเชีย
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ฮ่องกงถือเป็นเกาะที่มีความบันเทิงครบเกือบทุกรส อาหารอร่อย ภูมิประเทศค่อนข้างสวยงาม สินค้าแฟชั่นปลอดภาษีราคาถูกจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ทุกคนหลงไหล
คำว่า “ไข่มุก” ที่มีความงดงามจึงเป็นชื่อที่เหมาะกับเกาะฮ่องกงมาก
กระทั่งปี 1997 ฮ่องกงก็ถูกส่งมอบคืนให้ประเทศจีนภายใต้นโยบาย 1 ประเทศ 2 ระบบของจีน ฮ่องกงจึงกลายเป็นเขตบริหารพิเศษที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลางของจีน
นับจากนั้นมา ฮ่องกงจึงดำเนินนโยบายเศรษฐกิจและการเงินตามระบบเสรีที่เคยเป็นมาโดยมีการเมืองภายใต้เงาของรัฐบาลจีนที่จะยินยอมให้ฮ่องกงเป็นเช่นนี้ไปจนถึงปี 2047
ความเป็นไข่มุกเอเชียของฮ่องกงดูเหมือนจะมีความสงบสุขดี แต่ภายในลึก ๆ คนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดตะวันตกมาก ๆ กลับต้องการแยกตัวเป็นอิสระจากจีนอย่างถาวร
แกนนำจึงก่อการประท้วง การต่อต้านรัฐบาลจีนมีขึ้นหลายครั้ง และครั้งใหญ่ ๆ ที่เป็นข่าวไปทั่วโลกก็ราว 2-3 ครั้ง
ครั้งล่าสุดในราวกลางเดือนมิถุนายน 2019 ที่ผ่านมา การต่อต้านครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้นอีกโดยกลุ่มแกนนำเลือกการต่อต้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนเป็นหัวเชื้อโดยอ้างว่า ไม่ต้องการให้ส่งตัวคนฮ่องกงที่ไปทำผิดในต่างประเทศกลับไปรับโทษในประเทศที่ทำผิด
สื่อต่างประเทศตีแผ่ว่า ร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนเป็นเพียงข้ออ้างของแกนนำ ส่วนเหตุผลที่แท้จริงคือการต่อต้านรัฐบาลจีนเพื่อแยกตัวเป็นอิสระ
ขณะเดียวกัน จีนกับสหรัฐก็กำลังต่อสู้ด้านการค้ากันจนสะเทือนไปทั่วโลก แล้วข่าวก็ให้ข้อมูลการพบปะของแกนนำผู้ประท้วงกับตัวแทนสหรัฐคล้าย ๆ กับจะบอกว่า ปัญหาของฮ่องกงย่อมกระทบถึงจีนโดยมีสหรัฐได้ผลประโยชน์ตามไปด้วย
ข่าวยังให้ข้อมูลว่า แกนนำพยายามเรียกร้องสหรัฐให้เข้าช่วยเหลือที่เปรียบเหมือนการชักศึกเข้าบ้านตัวเอง
การชุมนุมประท้วงครั้งล่าสุดนี้จึงใหญ่มาก คนฮ่องกงออกมาร่วมหลายแสนคนจนผู้ว่าฮ่องกงยอมชะลอร่างกฎหมายที่เป็นปัญหาออกมาแล้วข่าวการประท้วงก็ค่อย ๆ ซาลงไป
กระทั่งมาถึงค่ำว่าที่ 12 สิงหาคม 2019 ข่าวผู้ชุมนุมก็เกิดขึ้นอีก ครั้งนี้มีการยึดสนามบินจนทางการต้องประกาศยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมากที่กระทบต่อการท่องเที่ยวสูงสุด
ผู้โดยสารตกค้างในประเทศต่าง ๆ สินค้าที่ต้องขนส่งทางอากาศถูกกระทบจำนวนมาก ระบบ Logistics ที่เชื่อมโยงกับฮ่องกงปั่นป่วนจนมีทีท่าว่า ไข่มุกแห่งเอเชียอาจร้าวขึ้นมา
แต่แล้วเช้าตรู่วันที่ 13 สิงหาคม 2019 ข่าวผู้ชุมนุมในสนามบินก็ยอมสลายตัว เครื่องบินเริ่มเดินทางได้ปกติพร้อมกับข่าวกองกำลังทหารและรถถังของจีนได้เดินทางมารอที่เสินเจิ้นแล้วซึ่งแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลน่าจะคุมสถานการณ์ได้
ไม่มีใครยืนยันว่าสหรัฐมีส่วนอยู่เบื้องหลังการประท้วงครั้งใหญ่นี้จริงหรือไม่
ขณะที่ทั่วโลกต่างก็รู้ดีว่าจีนกับสหรัฐมีปัญหาต่อกัน อีกทั้งจีนก็มีประสบการณ์จากเหตุการณชุมนุมประท้วงที่จตุรัสเทียนอันเหมินในปี 1989 ที่มีคนเสียชีวิตนับพันคน
ครั้งนี้จีนจึงต้องคุมสถานการณ์ให้อยู่โดยไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำรอย
หากจีนควบคุมสถานการณ์นี้ไม่ได้ ไข่มุกแห่งเอเชียก็อาจร้าวจนเสียหาย เศรษฐกิจอาจพังที่กระทบต่อการเมืองและเศรษฐกิจโลกตามไปด้วย
เมื่อหันมาดูประเทศไทย
เหตุการณ์ไข่มุกแห่งเอเชียที่อาจร้าวนี้ก็คล้ายประเทศไทยที่มีการประท้วงหลายครั้ง ครั้งใหญ่ ๆ ที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากก็มี ความพยายามเดินสายให้ต่างชาติเข้าแทรกแซงก็มีไม่ต่างกัน
ความขัดแย้งทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหาศาลเป็นสิ่งที่คนทำธุรกิจต่างไม่เห็นด้วย แต่รูปแบบการต่อสู้ดูเหมือนจะมาจากตำราเดียวกัน และสุดท้ายนักธุรกิจ นักลงทุนก็เป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุดไม่ต่างกัน
การเมืองกลับเป็นตัวร้ายทำลายเศรษฐกิจของประเทศแทนการพัฒนาอย่างไม่น่าเชื่อ
วันนี้ ทั้งคนฮ่องกง คนไทย และคนทั่วโลกที่ไม่สนใจการเมืองต่างก็หวังให้ความสงบกลับคืนโดยเร็ว ต่างก็หวังให้ความเป็นไข่มุกแห่งเอเชียกลับมาอีกครั้ง
Logistics
ท่าเรือกรุงเทพ ปรับปรุงพื้นถนนในพื้นที่ สร้างความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้า
ท่าเรือกรุงเทพ (ทกท.) ประกาศปรับปรุงพื้นถนนในพื้นที่ท่าเรือกรุงเทพ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บริการให้เกิดความคล่องตัวในการขนส่งสินค้า ลดความแออัดของการจราจรที่ติดขัดในเส้นทางขาออก สร้างความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน อีกทั้งลดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง และลดการเกิดฝุ่นละอองภายในท่าเรือ
สำหรับพื้นที่ที่ดำเนินการปรับปรุง คือ ถนนสาย 2 และสาย 4 สำหรับพื้นที่ถนนสาย 2 เป็นการปรับปรุงถนน 1 เลนจาก 2 เลน ระยะทาง 593 เมตร ต่อจากพื้นถนนเดิมที่ปรับปรุงในปี 2018 ที่ผ่านมา ซึ่งได้ดำเนินการปรับปรุงเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก ระยะทาง 530 เมตร เป็นเลนขาออก ไปเรียบร้อยแล้ว (ปรับปรุงจากแยกอาคารกองกฎหมายเดิม ถึง คลังสินค้ารถยนต์) และในปี 2019 นี้เป็นการปรับปรุงถนนเลนขาออก ต่อเนื่องจากของเดิม โดยปรับปรุงจากคลังสินค้ารถยนต์ ถึงทางแยกโรงพักสินค้า 3 (แผนกปั้นจั่น) เนื่องจากเส้นทางถนนสาย 2 ดังกล่าว เป็นเส้นทางสัญจรหลักของรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และรถบรรทุกขาออกที่ต้องวิ่งผ่านออกตลอดเวลา โดยจะขุดลอกเอาพื้นลาดยางแอสฟัลท์ (Asphalt) หรือยางมะตอยเดิมออกก่อน และทำเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก เพิ่มความแข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้นานกว่า รับน้ำหนักรถบรรทุกได้เป็นอย่างดี และถนนสาย 4 เป็นการปรับปรุงถนนทั้ง 2 เลน ระยะทาง 185 เมตร เป็นการซ่อมพื้นถนนคอนกรีตเสริมเหล็กเดิมที่พื้นผิวถนนคอนกรีตชำรุดแตกร้าวจากการ ใช้งานมาเป็นเวลานาน คาดว่าเมื่อแล้วเสร็จจะเพิ่มความสะดวก คล่องตัว ลดการติดขัดสะสมของรถบรรทุกสินค้า เกิดความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และช่วยลดอุบัติเหตุได้เป็นอย่างดี ซึ่งการปรับปรุงจะดำเนินการตามความจำเป็นและความเหมาะสม โดยจะเลือกปรับปรุงถนนที่ชำรุดและต้องการการซ่อมบำรุงอย่างเร่งด่วนก่อน จึงขอให้พนักงานและผู้ใช้บริการใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่หรือป้ายจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อลดอุบัติเหตุ
ทั้งนี้ ในอนาคต ทกท. มีแผนการปรับปรุงพื้นที่ลานจอดรถบรรทุก 11 ไร่ (พื้นที่บริเวณด้านหลังอาคารฝ่ายการช่าง) จากการลาดยางแอสฟัลท์เป็นลานคอนกรีตเสริมเหล็ก รวมทั้งการปรับปรุงถนนภายใน ทกท. เพื่อให้เกิดความแข็งแรง ทนทาน และสามารถรับน้ำหนักของรถบรรทุกได้เพิ่มขึ้น ลดการเกิดฝุ่นละออง อีกทั้งช่วยให้การจราจรมีความคล่องตัวมากขึ้น
ที่มา: http://thai.logistics-manager.com/
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!